บทที่ 110 สถานีรีไซเคิลดาวเคราะห์(ฟรี)
บทที่ 110 สถานีรีไซเคิลดาวเคราะห์(ฟรี)
ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน บริษัทจิวเวลรีที่หวังเย่ก่อตั้งขึ้นก็ได้รับความสนใจจากทั่วทุกสารทิศ แม้แต่บริษัทคู่แข่งในต่างประเทศก็เริ่มหันมาจับตามอง
เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนพายุลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำไปทั่วตลาดจิวเวลรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร มันจะต้องสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับวงการนี้อย่างแน่นอน
ณ ขณะนั้น ภายในดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่ง หวังเย่กำลังขับรถสำรวจของเขาลงไปในส่วนลึก
นับตั้งแต่ที่เขาได้ทราบเรื่องราวของห้องใต้ดินลับในโรงงานผลิตอาวุธคราวก่อน หวังเย่ก็ได้กลับมายังห้องใต้ดินอันมืดมิดแห่งนี้อีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาสามารถหาเส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างคล่องแคล่ว
หวังเย่สำรวจไปรอบๆ และรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับเรือนจำบนโลกอยู่บ้าง แต่เรือนจำบนโลกไม่มีทางที่จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยได้ถึงเพียงนี้
เมื่อเทียบกับเรือนจำแล้ว ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ถูกปกปิดอย่างจงใจมากกว่า ตั้งแต่แรกเริ่ม ผู้ที่สร้างสถานที่แห่งนี้คงไม่อยากให้ใครล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
ถ้าหวังเย่เดาไม่ผิด ในเมื่อบุคคลผู้นั้นไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับแห่งนี้ บุคคลที่ถูกคุมขังอยู่ภายในก็ย่อมไม่อยากให้โลกภายนอกรับรู้ หรือไม่อยากให้พวกเขามีความเกี่ยวข้องใดๆ กับโลกภายนอกนั่นเอง
ครั้งนี้ หวังเย่พิจารณาห้องขังหลายห้องอย่างละเอียด และพบว่า บุคคลที่ถูกคุมขังอยู่ภายในล้วนมีป้ายห้อยคอระบุตัวตนพนักงานของโรงงานผลิตอาวุธบนดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่ง
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเป็นนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แต่ละคนล้วนเป็นมันสมองของวงการ แต่กลับถูกคุมขังไว้ที่นี่อย่างไม่ทราบสาเหตุ
หรือว่า นี่จะเป็นที่พักของพนักงานโรงงานผลิตอาวุธ และด้วยความที่ทำงานเป็นความลับ พวกเขาจึงต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ปิดลับเช่นนี้ ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกหรือแม้แต่ครอบครัวได้เป็นเวลานาน?
กรณีแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นบนโลก บุคลากรที่ทำงานสำคัญบนโลกก็มักจะมีชีวิตความเป็นอยู่เช่นนี้
หวังเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยายามใช้ประสบการณ์จากโลกของเขาเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์
แต่ไม่นาน หวังเย่ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะจากสภาพศพที่พบเห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขาไม่เต็มใจที่จะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ บางคนถึงขั้นพยายามหลบหนี
เป็นไปไม่ได้ที่นี่จะเป็นที่พักของนักวิจัยเหล่านั้น มันน่าจะเป็นอย่างที่หวังเย่คิดไว้ตั้งแต่แรก สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อกักขังพวกเขา
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักวิจัยมากมายต้องพบกับจุดจบเช่นนี้?
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ หวังเย่ขอเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "เรือนจำบนดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่ง" ไปก่อน เพียงแต่การตกแต่งภายในนั้นดูล้ำสมัยและหรูหรากว่าเรือนจำทั่วไปมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งและวิศวกรหมายเลขหนึ่งตรวจพบความผิดปกติ พวกเขาคงไม่มีทางรู้ว่ามีห้องขังลับซ่อนอยู่ที่นี่
แต่ละห้องคุมขังบุคคลที่มีระดับความสำคัญแตกต่างกัน หลังจากเดินผ่านห้องขังหลายห้อง หวังเย่ก็พบกับศูนย์กลางควบคุมของเรือนจำแห่งนี้
ทันใดนั้น ดวงตาของหวังเย่ก็เบิกกว้าง รีบจอดรถทันที
หวังเย่ก้าวลงจากรถ มองเห็นหน้าจอนับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่ตรงหน้า
ถ้าเขาเดาไม่ผิด หน้าจอเหล่านี้ถูกใช้เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังทั่วทั้งเรือนจำ
บนหน้าจอ เขาสามารถเห็นภาพเคลื่อนไหวภายในห้องขังแต่ละห้องได้อย่างชัดเจน รวมถึงเส้นทางบางส่วนภายนอก ทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการควบคุมของเขา
เมื่อกวาดตามองไปโดยรอบ เขาก็พบว่ามีหน้าจออยู่จำนวนหนึ่งที่ดับสนิท…
หวังเย่คาดเดาว่าน่าจะเป็นปัญหาวงจรขัดข้องบางส่วน ทำให้กล้องวงจรปิดบางจุดเสียหาย
"ที่นี่มีบันทึกกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ?" หวังเย่พึมพำกับตัวเอง ขณะที่สำรวจไปรอบๆ
"บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่ง...นายตรวจสอบบันทึกกล้องวงจรปิดพวกนี้ได้ไหม ว่ามันบันทึกภาพไว้ถึงช่วงเวลาไหน?" หวังเย่ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครควบคุมพื้นที่เฝ้าระวังนี้มานานแล้ว หวังเย่ได้แต่ฝากความหวังไว้กับบันทึกเหล่านี้
หวังว่าบันทึกกล้องวงจรปิดจะไม่ถูกลบโดยอัตโนมัติ เนื่องจากที่นี่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นหน่วยความจำก็น่าจะมีขนาดใหญ่มากเช่นกัน
บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่งจากบันทึกกล้องวงจรปิดก็ได้
อย่างน้อยที่สุด เขาก็น่าจะรู้ได้ว่าที่นี่คือสวรรค์หรือนรกกันแน่
จนถึงตอนนี้ ในฐานะหัวหน้าสถานีรีไซเคิลของดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่ง หวังเย่ก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอดีตของดาวเคราะห์ดวงนี้เลย
"รายงานท่านหัวหน้า จากการตรวจสอบของระบบ พบว่าบันทึกกล้องวงจรปิดสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น บันทึกก่อนหน้านั้นถูกเข้ารหัสและปิดผนึกไว้ทั้งหมด" ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากหวังเย่ บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งก็เริ่มดำเนินการเชื่อมต่อโปรแกรมภายในเข้ากับสัญญาณภายในห้องควบคุมทันที
ในขณะที่สัญญาณทั้งสองกำลังเชื่อมต่อกัน บนหน้าจอแสดงผลของบอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งก็ปรากฏข้อมูลจำนวนมาก
ข้อมูลเหล่านั้นกระพริบขึ้นลงบนหน้าจอแสดงผลอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ากำลังสื่อสารกันอยู่
หวังเย่มองไปที่บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งด้วยแววตาตื่นเต้นและคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นครู่หนึ่ง คำตอบที่บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งให้ก็ทำให้เขาผิดหวังอยู่บ้าง
แม้ว่าจะมีบันทึกก่อนหน้านั้นอยู่ แต่ก็ถูกเข้ารหัสและปิดผนึกไว้โดยใครบางคนก่อนหน้านี้
"แล้วไฟล์ที่เข้ารหัสนั่นพอจะมีวิธีถอดรหัสได้ไหม?" หวังเย่ถามต่อทันที
ในความคิดของหวังเย่ ตราบใดที่ไฟล์นั้นยังคงอยู่ ก็ต้องมีวิธีถอดรหัสได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
"รายงานท่านหัวหน้า ในขณะนี้ โปรแกรมของฉันไม่สามารถถอดรหัสไฟล์ที่เข้ารหัสได้ แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่" บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงราวกับมนุษย์ ที่แฝงไปด้วยความเสียใจเล็กน้อย
"อืม พยายามให้เต็มที่ก็แล้วกัน ตอนนี้เปิดบันทึกวิดีโอที่ดูได้ให้ฉันดูก่อน" หวังเย่กล่าวกับบอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีท่าทีตำหนิแต่อย่างใด
เพราะหวังเย่รู้ดีว่าโปรแกรมต่างๆ นั้นต้องได้รับการติดตั้งไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของหุ่นยนต์อัจฉริยะ เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยงานเขามามากแล้ว
แต่ในเมื่อความสามารถของหุ่นยนต์มีจำกัด หวังเย่ก็นึกถึงใครอีกคนหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือ เจียงอู่
จากเหตุการณ์ครั้งก่อน หวังเย่ได้เห็นความสามารถของเจียงอู่มาบ้างแล้ว
ถ้ามอบเรื่องนี้ให้เจียงอู่จัดการ ก็น่าจะมีหวังอยู่บ้าง
ในขณะที่กำลังคิด หวังเย่ก็เห็นบอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งฉายแสงไปที่ผนังเปล่า จากนั้นภาพบันทึกวิดีโอก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ตัวเลขสีแดงที่แสดงเวลาที่มุมบนของหน้าจอยังคงกระพริบอยู่ แต่ภาพบนหน้าจอกลับมืดสนิท
หวังเย่คาดเดาว่าความมืดมิดนี้ น่าจะเป็นภาพบันทึกหลังจากที่ดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่งแตกสลาย
ในเวลานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนดาวเคราะห์หมายเลขหนึ่ง ต่างก็ตกอยู่ในสภาวะเป็นอัมพาต