ตอนที่ 76 : หยางห้าวหราน - พี่เหอ รึว่าพี่จะยอมแพ้ !
ตอนที่ 76 : หยางห้าวหราน - พี่เหอ รึว่าพี่จะยอมแพ้ !
“หยางห้าวหรานล่ะ ?” ตงฟางเหอมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ออกมาจากเวทีประลอง เขาก็มองหาหยางห้าวหรานในทันที
ฟางหยวนเดินลงมาจากเวทีประลองด้วย เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “ผมก็ไม่เห็นเขา ผมเพิ่งออกมาจากเวทีประลอง เขาเหมือนจะจบ....การต่อสู้เร็วไปหน่อย”
“ชนะรึแพ้ ?”
“ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้....” สีหน้าของฟางหยวนดูแปลกไป “ผมได้ยินมาว่ามันเหมือนหยางห้าวหรานจะขอยอมแพ้เอง”
“ขอยอมแพ้ ?” ตางฟางเหอคิ้วขมวดและพูดขึ้น “ฝีมือหลินลั่วอีกแล้วเหรอ ? เรียกหยางห้าวหรานมา ไปหามาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน !”
“ได้ !” ฟางหยวนตอบกลับและล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรทันที
“ฮัลโหล !” ใช้เวลากว่า 10 วินาทีก่อนจะมีคนรับสาย
“หยางห้าวหราน แกไปตายอยู่ที่ไหนมา ? ”
เสียงของหยางห้าวหรานดูกังวล “นายน้อยตงฟาง ผะ...ผมอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แกไปทำบ้าอะไรที่นั่น ?” ตงฟางเหอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “แกได้ทดสอบสกิลของหลินลั่วรึยัง ?”
“มัน....” หยางห้าวหรานลังเล “นายน้อยตงฟาง ไม่งั้นแล้วผมจะยอมแพ้ได้ยังไง....”
“ยอมแพ้ ? ตลกสิ้นดี !” ตงฟางเหอกัดฟันพูดขึ้น “แกอยู่โรงพยาบาลไหน ? รีบกลับมาหาฉัน !”
หยางห้าวหรานที่อยู่ในโรงพยาบาลส่ายหน้าและยิ้มแห้ง ๆ ออกมา เขาจะยอมให้คนอื่นรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นโรคอะไร ?
ถึงจะเป็นตงฟางเหอก็เถอะ !
เขากัดฟันพูดขึ้น “นายน้อยตงฟาง ผมมีธุระต้องจัดการที่นี่ ผมไม่สะดวกที่จะไป เรื่องของหลินลั่วน่ะ....”
“ไอ้ขยะ !” ตงฟางเหอวางสายด้วยความโกรธ สีหน้าเขาถมึงทึงในทันที
“พี่เหอ เขาว่ายังไง ?” ฟางหยวนถามขึ้นมา
“หยางห้าวหรานมันขี้ขลาด” ตงฟางเหอพูดขึ้น “มันน่าจะเป็นหลินลั่วที่ใช้สกิลพิเศษจนทำให้เขากลัว”
“แต่ฉันฟังจากน้ำเสียงแล้ว เขาดูยังสบายดี ไม่ได้ดูเจ็บปวดอะไรมาก มันน่าจะเป็นผลจากสกิลของหลินลั่ว”
“สกิลที่คล้ายกับท้องเสีย...” สีหน้าของฟางหยวนดูแปลกไป สกิลแบบนี้มันน่ากลัวจริง ๆ
ไม่มีใครกล้ารับมือกับสกิลแบบนี้ตรง ๆ
ยกเว้นแค่พวกสิ่งไม่มีชีวิตอย่างโครงกระดูก, ผี, ซอมบี้, หุ่นยนต์ และอื่น ๆ
น่าเสียดายที่หนังสือเปลี่ยนสายเลือดนั้นหายากอย่างมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะหามาได้
มันมีผู้ปลุกพลังหน้าใหม่เป็นหมื่น ๆ คนในเมืองปิ้นไห่ ไม่มีใครเลยที่เปลี่ยนไปเป็นอาชีพพิเศษรึสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น !
ตงฟางเหอคิ้วขมวดและพูดขึ้น “สกิลของหลินลั่วน่าจะเป็นสกิลควบคุมและทำให้อ่อนแอ สกิลโจมตีคงมีแค่หมอกพิษซึ่งใช้ไม่ได้ผลในลานประลอง สกิลท้องเสียนั้นถูกแบนไม่ให้ใช้”
“ตอนนี้เขาคงต้องพึ่งสกิลควบคุมที่รุนแรงน้อยกว่า !”
“ไม่งั้นแล้วหยางห้าวหรานคงไม่ดูแข็งแรงแบบนี้ !”
“เดี๋ยวนะ ใครที่ต้องสู้กับเขา อย่ามัวพูดไร้สาระ ให้พุ่งเข้าใส่และใช้สกิลโจมตีเพื่อเอาชนะเขาให้ได้ทันที !”
“ฉันซื้อเกราะเวทย์มาตั้งเยอะเพื่อต้านทานสกิลควบคุมของเขา !”
ฟางหยวนพูดขึ้นมา “ไม่ต้องห่วง พี่เหอ ผมเตรียมค่ายกลเอาไว้แล้ว สกิลควบคุมทั่วไปใช้กับผมไม่ได้ผลหรอก ! ”
“....” ตงฟางเหอกัดฟันพูดขึ้น “มังกรของฉันกำลังพักและดูดซับผลึกมังกรอยู่ ถึงจะดูดซับได้ไม่สมบูรณ์ ทว่าความแข็งแกร่งของมันก็เหนือกว่าเมื่อวานมากแล้ว !”
“พลังป้องกันกายภาพกับพลังป้องกันเวทย์เพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ถึงจะต้องเจอกับสกิลท้องเสียของหลินลั่วอีก แต่มันคงใช้กับมังกรฉันไม่ได้ผล !”
“ฉันอยากรู้ว่ามันจะทำอะไรได้อีก”
“พี่ลั่ว พี่ขึ้นไปถึง 10 อันดับแรกได้เลยเหรอ ?” ที่มุมหนึ่งของลาน ถังเฉิงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“10 อันดับแรกที่ไหน แค่ 25 อันดับแรก” หลินลั่วพูดขึ้น “ต่อไปต่างหากที่เป็นการต่อสู้ของจริง !”
“ของจริง !” ถังเฉิงตาเป็นประกาย “พี่ลั่ว ด้วยความแข็งแกร่งและอันดับของพี่ พี่ต้องชนะได้แน่ !”
การแข่งแบบเดี่ยวนั้นจะแบ่งเป็น 100 คน, 50 คน, 25 คน และ 13 คน
หลังจากที่ได้ผู้เข้าแข่งขัน 13 คนสุดท้าย มันจะมี 4 คนที่ถูกเลือกให้ประจำที่เวทีประลองของตัวเอง
แต่ละคนต้องรักษาเวทีประลองเอาไว้และรับมือกับผู้ที่เข้ามาท้าทาย 9 คนที่เหลือ !
ผู้ชนะจะได้ครอบครองเวทีประลองต่อไป เมื่อชนะเกิน 3 ครั้ง พวกเขาก็จะได้ก้าวขึ้นไปเป็น 4 อันดับแรก !
ฝ่ายโจมตีจะเข้าโจมตีเวทีประลองตามที่ตัวเองเลือก ทว่าจะท้าทายได้แค่ 2 ครั้ง หลังจากที่แพ้ 2 ครั้งติด พวกเขาก็จะหมดสิทธิ์ท้าทายต่อ
ผู้ชนะในฝั่งโจมตีนั้นจะกลายเป็นคนครอบครองเวทีประลองคนใหม่ ทว่าพวกเขาต้องป้องกันเวทีประลองให้ได้ 2 ครั้งก่อนจะได้เป็น 4 อันดับแรก !
หลังจากที่ได้ผู้เข้าแข่งขัน 4 อันดับแรกแล้ว มันจะมีการจับฉลากให้ต่อสู้กัน ผู้ชนะจะได้เข้าสู่รอบตัดสิน
สำหรับผู้แพ้ พวกเขาจะได้ไปต่อสู้ตัดสินอันดับ 3 !
“หลินลั่ว !” เหลียนอี้หนิงรีบเดินเข้ามาหา “ฉันชนะอีกแล้ว !”
“ดีแล้ว !”
“ก็ดี !” เหลียนอี้หนิงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ A ทว่าสเตตัสน่ะด้อยกว่าฉัน ใช้แรงไม่เยอะก็เอาชนะได้แล้ว !”
“ยินดีด้วยพี่สะใภ้ พวกนายสองคนได้เข้ารอบต่อไป พวกนายพยายามเอา 2 อันดับแรกมาให้ได้ล่ะ !”
“มันคงยาก !” เหลียนอี้หนิงเบิกตามองไปที่ถังเฉิง ก่อนจะบอกกับหลินลั่ว “นายมั่นใจรึเปล่า ?”
หลินลั่วยิ้มออกมา “ถ้าเป็นโลกวิเศษ ฉันต้องเอามันมาให้ได้ !”
โลกวิเศษนั้นเขาเคยได้ยินมันมาจากในหนังสือและอินเตอร์เน็ต ส่วนว่ามันหน้าตาแบบไหนและทำงานยังไงนั้น เขายังไม่รู้
แต่เขารู้แค่ว่าโลกวิเศษนั้นคือกุญแจที่จะพาเขาก้าวขึ้นสู่ระดับอีปิครึระดับตำนาน
ถ้าไม่มีโลกวิเศษ การที่ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคจะก้าวเป็นผู้ปลุกพลังระดับตำนานได้นั้น มันยากเหมือนก้าวขึ้นสู่สวรรค์ !
โลกวิเศษนั้นมีไม่มาก
รางวัลสำหรับการสอบเข้าประจำเมืองปิ้นไห่ในปีนี้คือโลกวิเศษ ไม่รู้เลยว่ามีสักกี่คนที่หมายตาอยากได้มันมาครอง
ถึงโลกวิเศษนั้นจะเสียหายมาแล้วก็ตาม
ทว่ามันก็ยังเป็นของล้ำค่าอยู่ดี !
“กำลังจะเริ่มแล้ว...” ที่เวที พิธีกรได้ปรากฏตัวขึ้นมา
“นักเรียนทุกคน ผู้ชมและสหายทุกท่าน รอบแบ่งกลุ่มสิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปคือการแข่งแบบเดี่ยวที่ทุกคนรอคอย !”
“จาก 13 คนอันดับ 1 ในปีนี้คือ....จากโรงเรียนที่ 12 ถึงจะได้อาชีพที่ประเมินได้ระดับ D อย่างนักบวช ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา หลินลั่วก็ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์แบบทีมได้ !”
บนจอมีภาพของหลินลั่วถูกนำขึ้นมาฉาย
เขาสวมชุดขาวถือคทาแดง สายตาเขาดูเฉยเมย เขาดูราวกับราชาน้ำแข็งที่เยือกเย็น
“อันดับ 2 มาจากโรงเรียนที่ 1 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S อัศวินมังกร เขาต้องก้าวขึ้นไประดับอีปิคใน 10 ปีได้แน่ ตงฟางเหอ !”
ภาพของตงฟางเหอพร้อมกับมังกรพ่นไฟถูกนำขึ้นมาฉาย !
“อันดับ 3 จากโรงเรียนที่ 1 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S รู้จักกันในชื่อนักดาบไร้เทียมทาน เขาต้องก้าวไประดับอีปิคได้แน่ เฉินผิงอัน !”
บนจอภาพมีภาพของเฉินผิงอันถูกนำขึ้นมาฉาย....
ด้านหลังนั้นมีดาบแสงสีเทากว่า 10 เล่มลอยอยู่ มันดูลึกลับและทรงพลัง
“อันดับ 4 มาจากโรงเรียนที่ 2 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S เทพธิดาของหลาย ๆ คน ที่สูงส่งและบริสุทธิ์ เทวทูต มู่หรงเสวี่ยเหิน !”
บนจอภาพมีภาพมู่หรงเสวี่ยเหินในชุดเกราะกระโปรงสีทองเผยให้เห็นขาที่เรียวยาว, เธอถือคทาสีทองและมีปีกทองด้านหลัง
ตัวเธอดูราวกับนางฟ้าในตำนานที่คอยสอดส่องโลกมนุษย์
“อันดับ 5 จากโรงเรียนที่ 5 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S นักพรต หยางเฉินหลี่ !”
“อันดับ 6 จากโรงเรียนที่ 12 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A เจ้าหญิงหิมะ เหลียนอี้หนิง !”
“อันดับ 7 จากโรงเรียนที่ 1 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A ผู้ใช้ค่ายกลต้องห้าม ฟางหยวน”
“อันดับ 8 จากโรงเรียนที่ 1 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A นักอัญเชิญนรก ห้าวจ้าว”
“อันดับ 9 จากโรงเรียนที่ 1 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A ยักษ์หิน จางเหมิง !”
“อันดับ 10 จากโรงเรียนที่ 2 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A อัศวินหิน ฉือเหล่ย !”
“อันดับ 11 จากโรงเรียนที่ 5 ผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ A นักฆ่า หยางจือชิว !”
“อันดับ 12 จากโรงเรียนที่ 2 ผู้ปลุกพลังอาชพระดับ A ผู้ฝึกสัตว์ หวังห้าว !”
“อันดับ 13 จากโรงเรียนที่ 3 ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ B ผู้ใช้ไฟ ฉือเหอ ! ”
“นี่คือผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ทั้ง 13 คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่หลายหมื่นคนในเมืองปีนี้ !”
“พวกเขาจะแข่งขันกันเพื่อหา 4 อันดับแรกในการแข่งแบบเดี่ยวในอีกครึ่งวันเพื่อหาผู้ชนะเลิศในวันพรุ่งนี้ !”
“ขอเสียงเชียร์ให้พวกเขาหน่อย !”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่และผู้ชมทุกคนต่างก็พากันโห่ร้องออกมา
“จากทั้ง 13 คนนี้ มีกว่าครึ่งที่ได้อาชีพลับ แข็งแกร่งจนน่าตกใจ !”
“อาชีพลับระดับ S 4 คน ไม่มีใครอ่อนแอเลย !”
“หลินลั่วน่ะแข็งแกร่งจริง ๆ ! แค่นักบวชที่ถูกประเมินว่าได้ระดับ D กลับเหนือกว่าผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S ทั้ง 4 คนได้ !”
“หลินลั่วต้องไม่ใช่นักบวชแน่ ๆ รึว่าหินปลุกพลังมีปัญหา ?”
“น่าเสียดาย ! 1 ใน 3 คนของพวกเรามีสิทธิ์ที่จะสู้แบบเดี่ยวในปีนี้ !”
“ใครคือฉือเหล่ย ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย !”
“คนของโรงเรียนที่ 3 ก็แข็งแกร่งมาก ! ถ้าประมาทเขา งั้นอาจจะต้องเจ็บตัว !”
“สงสัยว่าปีนี้ใครจะเป็นแชมป์ ?”
“ตงฟางเหอสิ !”
“ฉันพนันข้างเฉินผิงอัน !”
“ฉันคิดว่ามู่หรงเสวี่ยเหิน !”
ที่ลานมีแต่เสียงถกเถียงกัน ทว่าพิธีกรก็ยังประคองสถานการณ์เอาไว้ได้
“เพื่อน ๆ ทุกคน ตามผลและอันดับก่อนหน้านี้ มี 4 คนที่ต้องเป็นฝ่ายป้องกัน”
“นักเรียนคนอื่น ๆ มีสิทธิ์ที่จะท้าทาย 4 คนนี้ได้ หวังว่าทุกคนจะได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองคาดหวัง”
“อันดับ 1 หลินลั่ว !”
“อันดับ 2 ตงฟางเหอ !”
“อันดับ 3 เฉินผิงอัน !”
“อันดับ 4 มู่หรงเสวี่ยเหิน....”