ตอนที่ 74 : ทำตัวสำส่อน !
ตอนที่ 74 : ทำตัวสำส่อน !
เมื่อหยางห้าวหรานถอดกางเกงออกมา หมอก็นั่งยอง ๆ ไปตรวจอาการ จากนั้นหมอก็ต้องขนลุก
“นักเรียน นายเป็นหูดอาการหนักเลย นายเคยทำตัวสำส่อนมาก่อนรึเปล่า ?”
“ไม่เคยเลย !” หยางห้าวหรานกัดฟันแน่น ทว่าในหัวเขาอดที่จะนึกเรื่องอย่างว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ได้
เพราะเขาปลุกพลังอาชีพระดับ A ขึ้นมาได้ เพื่อนร่วมชั้นหลายคนเข้าหาเขา มีหลายคนเสนอพาเขาไปเที่ยว
มีคนหนึ่งพาเขาไปที่เลาจ์และเรียกผู้หญิงเป็นสิบคนมาดูแลเขา
ทว่าตอนนั้นผู้จัดการร้านบอกว่าเด็ก ๆ ตรวจโรคทุกเดือนอยู่แล้ว ปลอดภัยหายห่วง
แล้วมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ?
หยางห้าวหรานถามขึ้นมา “หูดเหรอ มันร้ายแรงรึเปล่า ?”
“หูดไม่ได้ร้ายแรง แค่ใช้เลเซอร์จี้ก็หายได้ ด้วยร่างกายของผู้ปลุกพลัง มันจะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แต่....” หมอผงะถอยกลับมาสองก้าว เขาเอาถุงมือจากลิ้นชักออกมาสวม “นายลองดูเองสิ”
หลังจากที่พูดจบ หมอก็เอากระจกด้านหลังมาส่องไอ้จ้อนของหยางห้าวหราน
“มะ...เป็นไปได้ยังไงกัน !”
เขาเห็นในกระจกว่ามันมีชั้นเมือกเกาะอยู่ทั่วไอ้จ้อนของเขา ที่ต้นขาด้านข้างก็เต็มไปด้วยตุ่มเล็ก ๆ หมอพูดพร้อมกับขยับถอยห่างออกมา “ค่อนข้างหนักเลย หันกลับไปสิ...”
หยางห้าวหรานทำตามที่หมอบอก เขารีบหันกลับไปและโก่งตัวลง
“แม้แต่ด้านหลัง.....”
ด้านหลังมันดูร้ายแรงกว่า
“นี่มันโตถึงข้างในแล้ว ทำไมนายไม่รีบมาหาหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ หูดนี่ยังใช้เลเซอร์สะกิดออกได้ ถ้าเป็นหนักต้องทำการผ่าตัดเพื่อเอามันออก !”
“บัดซบ !” หยางห้าวหรานสถบออกมา เขานึกถึงการต่อสู้ในเวทีประลองก่อนหน้านี้
“หมอ ผมไมได้สำส่อน เมื่อวานนี้ผมยังสบายดีอยู่เลย มันเป็นฝีมือของไอ้หลินลั่ว สกิลของเขาทำให้ผม....ตกอยู่ในสภาพนี้”
สายตาของหมอแสดงความตะลึงออกมา ทว่าเขาก็ยังพูดขึ้น “อ่ะ ใช่ ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว นายกลับไปตรวจเลือดก่อน ฉันจะเตรียมการผ่าตัดให้”
“ถ้าไม่รีบรักษา มันก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้เป็นมะเร็งได้เลย...”
“หือ ?” หยางห้าวหรานกลัวขึ้นมา
ในยุคนี้ด้วยการปรากฏตัวของผู้ปลุกพลัง ร่างกายของผู้คนจึงพัฒนาขึ้นจากเดิมไม่รู้กี่เท่า ทว่าพลังของไวรัสและแบคทีเรียเองก็พัฒนาขึ้นไปตามเหมือนกัน ผู้ปลุกพลังบางคนอาจจะไม่ป่วยเลย ทว่าหากป่วยขึ้นมา พวกเขาอาจจะเป็นโรคร้ายแรงเลยก็ได้
มะเร็งคือหนึ่งในนั้น
“ก็ได้ ผมจะไปตรวจเลือด... ” หยางห้าวหรานถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “หมอทำการผ่าตัดเลยไม่ได้เหรอ ทำไมต้องตรวจเลือดด้วย ?”
“เพราะหูดนั้นเกิดขึ้นจากการทำตัวสำส่อน” หมออธิบายออกมา “ต้องตรวจเลือดกว่า 10 รอบเพื่อดูว่าเป็นซิฟิลิสรึเอดส์รึเปล่า....หมอจะได้ระวังกับการผ่าตัดด้วย !”
หยางห้าวหรานพูดขึ้น “มันเป็นฝีมือของไอ้บัดซบหลินลั่ว...”
“อ่ะ ใช่ ใช่ เข้าใจแล้ว...” หมอรีบออกปากกล่อมและเอาหลอดใส่เลือดออกมา “ไม่ต้องห่วง นักเรียน เราจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ฉันรับรองได้ว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
“อีกอย่างแล้วเครื่องตรวจเลือดของโรงพยาบาลเรานั้นตรวจร่างกายได้....เสร็จใน 5 นาที” หมอยังคงบ่นออกมา แต่หยางห้าวหรานรู้สึกคันไปทั้งตัว
“นายคันเหรอ ?”
“เอ่อ มันก็...”
“เดี๋ยวนะ...หมอขอตรวจอีกรอบ”
“นายเหมือนจะมีโอกาสเป็นซิฟิลิส.....ด้วย”
หยางห้าวหรานพูดขึ้นมาด้วยความกังวล “หูดกับซิฟิลิสมันคืออะไร มันคือโรคร้ายแรงรึเปล่า ?”
เขารู้จักโรคพวกนี้ แต่เขาไม่รู้รายละเอียดของมัน
“หูดกับซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่หูดนั้นเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย ซิฟิลิสเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส”
“ต้นเหตุของโรคมันต่างกัน ผลการแสดงออกที่ภายนอกร่างกายก็ต่างกันด้วย ผลกระทบจึงต่างกันไป”
“หูดกับซิฟิลิสในระยะ 2 นั้นรักษาได้ง่าย ตราบใดที่เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและทำตัวดี ๆ มันก็รักษาได้”
“น่าจะรักษาได้ ?”
“มันใช่แค่ร่างกายภายนอกเท่านั้น ตราบใดที่รักษาร่างกายให้แข็งแรงและมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่ง งั้นก็จะไม่เป็นอะไร”
“แต่หากบาดเจ็บ รึว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือร่างกายบกพร่อง งั้น....” หมออธิบายอออกมา
“ว่าไงนะ ?”
“เอาล่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะดูให้....ละกัน”
หมอหันไปเตรียมเครื่องมือและดูผลการทดสอบ ทว่าหลังจากที่ดูผลการทดสอบแล้ว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
“หมอ หมอ....”
“หือ ?” หมอรีบดีดตัวลุกขึ้นและพูดขึ้นมา “นายรอที่นี่ก่อน....”
หมอถอยกลับมาสองก้าวและฉีดเสปรย์ฆ่าเชื้อทั่วทั้งตัวโดยเฉพาะส่วนมือและจมูก จากนั้นเขาก็เอาหน้ากากอนามัยออกมาสวม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งตรงหน้าหยางห้าวหราน
เมื่อเห็นท่าทีของหมอ หยางห้าวหรานก็สีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
“นักเรียน ด้วยอาการของนายตอนนี้ นายน่าจะเรียกพ่อแม่มาด้วย”
“ว่าไงนะ ?”
“หูด บางทีอาจจะเสี่ยงเป็นมะเร็ง นายมีหนองใน, ซิฟิลิสด้วย บอกตามตรงมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาได้”
“นักเรียน ฟังหมออยู่รึเปล่า ? นักเรียน นักเรียน...”
ที่สนามประลองที่ 2
ตงฟางเหอยังคงสู้กับเจิ้งหยางฟ่าน
ลมก่อตัวขึ้นมาตรงหน้าตงฟางเหอตรึงร่างของเขาเอาไว้
[ พันธนาการลม ] !
ที่มุมของลานประลอง เจิ้งหยางฟ่านในชุดเขียวสะบัดคทาในมือพร้อมพายุอีกลูกก่อตัวขึ้นมาตรงหน้า ทำให้ร่างกายของเขาเบาขึ้นเรื่อย ๆ
ความเร็วเขาพุ่งทะยานขึ้นมา
สายตาของตงฟางเหอเย็นชาดังเดิม แค่พลิกหอกมังกรทองในมือ เขาก็ทำลายลมที่ตรึงร่างเขาได้
“เจิ้งหยางฟ่าน ? ฉันแนะนำให้แกยอมแพ้ซะ...”
เจิ้งหยางฟ่านยิ้มออกมา “อยากให้ฉันยอมแพ้เหรอ จะง่ายแบบนั้นได้ยังไง ? ฉันเองก็อยากจะลองเหมือนกันว่าอัศวินมังกรน่ะแกร่งแค่ไหน”
“ใช่สิ แล้วมังกรนายล่ะ ?”
“แกน่ะเหรอ ? แกไม่คู่ควรให้ฉันเรียกมังกรออกมาหรอก !”
“มังกร ? มังกรไฟของแกที่อึราดน่ะเหรอ ?”
“หาที่ตาย !”
สายตาของตงฟางเหอสะท้อนความโกรธออกมา หอกมังกรทองในมือมีเปลวไฟสีทองลุกไหม้ เขาพุ่งเข้าหาเจิ้งหยางฟ่าน
แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นมาบนตัวเจิ้งหยางฟ่าน พายุได้พัดพาตัวเขาไปยังมุมของสนามประลอง
ในเวลาเดียวกันก็มีลมจำนวนมากรวมตัวที่คทาเปลี่ยนเป็นใบมีดลมพุ่งเข้าหาตงฟางเหอ
ตูม ตูม ตูม....
ตงฟางเหอสะบัดหอกไปมาทำลายใบมีดลมที่พุ่งเข้ามาโจมตี ทว่าเขาก็ไม่อาจจะตามเจิ้งหยางฟ่านได้ทัน
“แกเก่งแต่หนีงั้นเหรอ ?”
เจิ้งหยางฟ่านตะโกนตอบกลับ “ฉันแค่ลอยไปเหมือนว่าว เร็วเข้า รีบเรียกมังกรนายมาสิ ไม่งั้นแล้วนายตามฉันไม่ทันหรอก !”
“ฉันบอกไปแล้วว่าแกไม่คู่ควร !” ตงฟางเหอฮึดฮัดออกมา เขาพุ่งหอกในมือออกไปพร้อมแสงสีทองที่ส่องประกายแทบจะเปลี่ยนหอกเป็นคบไฟ
“ปลดปล่อยจิตวิญญาณนักสู้ !” เจิ้งหยางฟ่านแปลกใจ ทว่าหอกทองนั้นพุ่งมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว
“หลบไม่ทัน !” นัยน์ตาของเจิ้งหยางฟ่านหดลง จี้หยกบนตัวเขาโดนทำลายพร้อมสายลมที่รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าแทบจะก่อตัวเป็นพายุ
“ปัง....”
หอกอัดเข้ากับพายุ โชคดีที่พายุทำให้หอกเปลี่ยนทิศทาง แทงเข้าที่พื้นที่ข้าง ๆ เจิ้งหยางฟ่านแทนจนทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นที่พื้น
เจิ้งหยางฟ่านรีบคลานออกมาจากหลุมนั้นด้วยสภาพน่าอดสู ตอนนั้นตงฟางเหอก็รีบพุ่งเข้ามาต่อยเจิ้งหยางฟ่าน
ปัง !
โล่ลมก่อตัวขึ้นกันหมัดของตงฟางเหอ ในเวลาเดียวกันเจิ้งหยางฟ่านก็หัวกระแทกพื้นไปด้วย
“บ้าเอ้ย” เขากัดฟันใช้เท้าถีบพื้นเพื่อจะหนีออกจากที่นั่น แต่กลับมีหอกแทงเข้าใส่เขาอีกครั้ง
“ยอมแพ้ ! ฉันยอมแพ้ !”
“...”
โล่ป้องกันสีเหลืองปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเจิ้งหยางฟ่าน
ปัง !
หอกเกือบแทงทะลุโล่ป้องกันนี้ได้ คนดูแลเวทีที่อยู่ข้าง ๆ รีบส่งพลังให้กับโล่ป้องกันเพิ่มทันที
“ตงฟางเหอ หยุด !”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ตงฟางเหอถึงได้ดึงหอกกลับมา
กรรมการมองไปที่เจิ้งหยางฟ่านและประกาศออกมา “ผู้ชนะ ตงฟางเหอ !”
ตงฟางเหอมองไปที่เวทีประลองที่ 1 ข้าง ๆ พร้อมคิ้วที่ขมวด
“คนอื่นล่ะ ? จบแล้วเหรอ ? หยางห้าวหราน....”
ที่เวทีประลองที่ 3
เฉินผิงอันยกมือขึ้นพร้อมดาบด้านหลังที่แยกตัวออกเป็นดาบกว่า 10 เล่มพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้
[ ดาบเงา ] !
ตูม !
คู่ต่อสู้เป็นนักฆ่าในชุดสีดำ ร่างของเขากระพริบ ทิ้งร่างเงาไว้หลายร่างและพุ่งเข้าใส่เฉินผิงอัน
ทว่าไม่ว่าเขาจะวิ่งไปทางไหนก็จะมีดาบเงารอเขาอยู่ ดาบเงาเหล่านี้ทำให้หลุมเป็นพื้นจนทำให้เขาต้องถอยกลับออกไป
ถึงเขาจะใช้ร่างเงาแยกร่างเป็น 3 ร่างพุ่งเข้าหาเฉินผิงอัน ทว่าร่างเงาเหล่านี้ก็ยังถูกทำลายได้โดยง่าย
เขาทนได้ไม่กี่นาทีก่อนที่เขาจะถอยกลับออกมา สุดท้ายเขาก็ยอมใช้ไอเท็มล้ำค่าเดินทางผ่านระยะทางกว่า 10 ม.โผล่มาตรงหน้าเฉินผิงอัน
ก่อนที่เขาจะลงมือ เฉินผิงอันก็ใช้ดาบแทงออกมา เขาไม่อาจจะหลบได้ และได้แต่ต้องตะโกนขอยอมแพ้
“ยอมแพ้ !”
เฉินผิงอันดึงมือกลับพร้อมดาบยาวที่ลอยกลับมา การกระทำนี้ทำให้ผู้คนพากันส่งเสียงเชียร์
ในเวทีประลองที่ 5 มู่หรงเสวี่ยเหินนั้นเผชิญหน้ากับผู้หญิงในชุดแดง
“หลี่เหมย ? ยอมแพ้ได้สักที !”