ตอนที่ 26 สัตว์กลายพันธุ์แห่งรุ่งอรุณ
ตอนที่ 26 สัตว์กลายพันธุ์แห่งรุ่งอรุณ
ทั้งสามออกจากบ้านหลังเล็กสไตล์ตะวันตกหลังจากพักผ่อนจนพอใจ เจ้าลิงผอมเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงลงมาอย่างมีความสุข พลังชีวิตของซอมบี้ภายใต้แสงแดดจ้าจะลดลงไปมากทำให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยขึ้น
พวกเขาไม่พูดคุยกันเพราะรู้ดีว่าเวลาไม่เคยคอยท่า ต่างคนต่างรีบเร่งฝีเท้าไปให้ถึงที่หมาย แม้จะเจอซอมบี้ระหว่างทางบ้างแต่ก็จัดการได้ไม่ยากนัก
เจ้าลิงผอมยกมือขึ้นเมื่ออยู่ห่างจากที่หมายราวห้าร้อยหกสิบเมตร สองคนที่เหลือจึงชะงักฝีเท้ากะทันหัน และค่อยๆยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
“ตอนนี้พวกเราอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เจอสุนัขกลายพันธุ์คราวแล้ว พวกนายระวังตัวกันด้วย เดินหน้าช้าๆ”
อีกสองคนยกนิ้วทำท่าโอเคเป็นเชิงรับรู้
“ระวังให้มากเมื่อถึงเวลาลงมือ อย่าเพิ่งใจร้อน”
พวกเขาพยักหน้าเงียบ ๆ
“ตรวจสอบอุปกรณ์ให้ดี ฝังพวกของมีค่าไว้ใต้ดิน ขุดกับดักง่ายๆแล้วทำสัญลักษณ์ไว้ด้วย เสร็จแล้วจะได้ออกเดินทางกัน”
ซ่งเจิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเข้าใจดีเรื่องการขุดหลุมฝังของมีค่า แต่จะให้เด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ในเมืองตีเหล็กอย่างเขามาขุดหลุมทำกับดักเนี่ยนะ… ช่างไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
พี่ใหญ่กุ้ยและลิงผอมนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการขุดหลุมฝังสมบัติอยู่แล้ว ลิงผอมมองซ้ายมองขวาอย่างละเอียดอยู่นานราวกับซินแส ก่อนจะชี้ไปยังบริเวณที่มีหญ้าปกคลุมและพื้นที่โล่งกว้างอีกสองสามแห่ง “เราจะฝังกันตรงนี้ ตรงนี้ และตรงนี้…”
ซ่งเจิงทำอะไรไม่ถูกอยู่นานก่อนตัดสินใจลงมือขุดหลุมตามพี่ใหญ่กุ้ย ลิงผอมเดินเข้ามาดูด้วยท่าทางโมโห “นี่นายจะขุดหลุมฝังศพหรือไง?!”
ซ่งเจิงทำหน้าซีด “ไม่ใช่แบบนี้หรอกเหรอ?” เด็กหนุ่มขุดหลุมกระจัดกระจายอยู่ทุกทิศทาง สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือเขาขุดลงไปเป็นลักษณะคล้าย ‘ขั้นบันได’ หากมีคนติดกับดักคงหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
ลิงผอมกุมหัวอย่างหมดคำพูด คนอะไรมีดีแค่พละกำลังแต่หัวสมองกลับไม่ได้เรื่อง… พิลึกจริง!
ลิงผอมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาชี้ไปยังกอหญ้าและพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก “นายไปถอนหญ้าตรงนั้นไป ส่วนตรงนี้ฉันจะขุดเอง…”
ว่าแล้วร่างผอมก็ดึงซ่งเจิงขึ้นจากหลุมและไล่ไปอีกทาง เด็กหนุ่มเกาหัวพลางคิดในใจ ‘ช่างมันเถอะ ปล่อยให้พวกมืออาชีพจัดการคงดีกว่า เราเป็นแค่คนธรรมดาอย่าเข้าไปยุ่ง เอ๊ะ… ต้องบอกว่าอย่าสร้างความวุ่นวายถึงจะถูก’
ซ่งเจิงวิ่งถอนหญ้าไปมาจนได้เป็นกองใหญ่ เมื่อกลับมาดูกับดักที่ลิงผอมขุดก็รู้สึกอับอายขึ้นมาทันที
กับดักของลิงผอมเป็นหลุมรูปสามเหลี่ยมคว่ำ ที่ก้นหลุมมีหนามแหลมคมวางอยู่ส่วนพื้นผิวด้านบนนั้นราบเรียบ แม้จะเป็นการทำกับดักอย่างง่าย แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็เห็นได้ชัดว่ากับดักของซ่งเจิงดูเหมือนหลุมฝังศพจริงๆ
พวกเขานำกองหญ้าที่ถอนออกมาปกคลุมไว้ด้านบนพร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ให้เรียบร้อยทั้งชุดเกราะและอาวุธ จากนั้นจึงออกเดินทางทันที!
หมู่บ้านขนาดกลางแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่าแปดพันตารางเมตร ภายในมีถนนคอนกรีตหนึ่งสายเป็นทางเข้าออกเดียว สองข้างทางมีบ้านเรือนตั้งอยู่หลายหลัง
ตำนานเล่าว่าเดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศจีนโบราณ มีปราชญ์ลัทธิเต๋าต้องการฆ่าปีศาจน้อยตนหนึ่ง จึงสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นในสี่สิบเก้าวัน ต่อมาเมื่อมีการเปิดประเทศใหม่ ลูกหลานของปราชญ์ลัทธิเต๋าจึงสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ขึ้นตามแบบดั้งเดิมเพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ซ่งเจิงฟังเรื่องเล่าลอยๆของลิงผอมโดยไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ที่เขารู้คือหมู่บ้านแห่งนี้ช่างน่าสับสนเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เขาพอจะเห็นทัศนียภาพภายในหมู่บ้านจากที่สูงมาบ้าง แต่เมื่อเข้ามาก็ยังมึนงงกับเส้นทางอยู่ดี
พวกเขาเดินไปตามถนนเรียบๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็พบทางเลี้ยวไม่รู้จบ หากเดินวนไปมาคงได้เป็นลมก่อนแน่!
‘นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย…’ ซ่งเจิงคิด
ทั้งสามเดินไปตามถนนเส้นเล็กอย่างระมัดระวังโดยมีลิงผอมเดินนำหน้า ซ่งเจิงอยู่ตรงกลาง และพี่ใหญ่กุ้ยเป็นคนปิดท้าย พี่ใหญ่ทั้งสองมีท่าทีปกป้องน้องเล็กตรงกลางตามสัญชาตญาณ
ขณะที่พวกเขากำลังคิดว่าสถานการณ์ปกติดีนั้น จู่ๆซ่งเจิงก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบราวกับถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้านพลางกำกระทะในมือแน่น
จากนั้นสายตาของเขาจึงเหลือบไปเห็นไก่ตัวหนึ่ง ใช่... ไก่! ไก่ตัวผู้! มันเกาะอยู่บนผนังที่สิบเอ็ดนาฬิกาของซ่งเจิง
ซ่งเจิงสะกิดลิงผอมและบุ้ยใบ้ไปทางเจ้าไก่ ลิงผอมหันมองตามเช่นเดียวกับพี่ใหญ่กุ้ยที่หยุดดูทันที ตอนนี้พวกเขาทั้งสามกำลังสบตากับไก่ตัวผู้พร้อมกัน...
พี่ใหญ่กุ้ยยื่นมือออกไปหวังจะจับมัน ซ่งเจิงยกนิ้วโป้งให้แต่ลิงผอมกลับโบกมืออย่างไม่เห็นด้วยเหล่าซอมบี้นั้นไวต่อเสียง พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะใช้ท่าทางง่ายๆที่เรียกว่ากลยุทธ์ภาษามือในการสื่อสารกัน
พี่ใหญ่กุ้ยกระวนกระวายอยากจับไก่ตัวนั้นใจแทบขาด มุมปากของลิงผอมกระตุกขึ้นขณะเดินไปเหยียบเท้าอีกฝ่ายให้หยุด พี่ใหญ่กุ้ยทำหน้ามุ่ยเมื่อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้ เขาได้แต่มองมันตาละห้อยน้ำลายสอ
ลิงผอมกลอกตา เขานำทั้งสองเลี่ยงไปตามถนนเล็กทางขวาก่อนหลบหลังบ้านที่อยู่ห่างจากเจ้าไก่ราวสิบเมตร
ลิงผอมโผล่หน้าออกมาแอบมองมันอย่างระแวดระวัง ไก่ตัวนั้นยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนผนังราวกับท่อนไม้
เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่กลางหัวพลางครุ่นคิด ก่อนมองไปยังเจ้าไก่ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
พี่ใหญ่กุ้ยเฝ้าดูท่าทางของลิงผอมพลางลูบท้องตัวเองอย่างกังวล ซ่งเจิงเห็นลิงผอมขมวดคิ้วมุ่นดูเคร่งเครียดจึงยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากให้พี่ใหญ่กุ้ยเงียบเสียง ร่างใหญ่จึงได้แต่เดินไปอยู่ข้างหลังคนทั้งสองอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ซ่งเจิงปล่อยเส้นใยพลังจิตออกมาก่อนยืดมันเข้าใกล้ไก่ตัวนั้น นี่คือความสามารถพิเศษอีกอย่างของเส้นใยพลังจิต เนื่องจากพลังจิตของสัตว์กลายพันธุ์ทุกตัวค่อนข้างรุนแรง เส้นใยของเขาจึงสามารถรับรู้ถึงพลังเหล่านั้นได้ทันทีที่เข้าใกล้
นี่มันเหมือน… เหมือนกับ… ออร่าของมนุษย์! มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่แผ่พลังงานแบบนี้ออกมาได้
ซ่งเจิงขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเส้นใยเข้าใกล้ไก่ตัวนั้นในระยะสองเมตร เขาชี้ไปที่ลิงผอมและพี่ใหญ่กุ้ย ชี้มาที่ดวงตาตัวเอง ก่อนจะทำท่าปาดคอ
ลิงผอมสั่นศีรษะและใช้ภาษามือบอกว่าไก่ตัวนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ซ่งเจิงใช้ภาษามือตอบว่ามันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ ฆ่ามันซะ!
พี่ใหญ่กุ้ยสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ อุตส่าห์ได้พบไก่ทั้งทีแต่มันกลับเป็นสัตว์กลายพันธุ์ โลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน!
ขณะที่ทั้งสามกำลังโต้เถียงกันว่าจะฆ่าไก่ดีหรือไม่นั้น มันก็โก่งคอขันเสียงดังลั่นท่ามกลางแสงแดดจ้า
“เอ้ก… อีเอ้ก เอ้ก!”
สิ้นเสียงไก่กลายพันธุ์ก็หายวับไปราวกับไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน!
พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง...
เจ้าลิงผอมโผล่หัวออกไปดูลาดเลาอีกครั้ง
“โฮก! โฮก!” ฉับพลันเกิดเสียงคำรามแหบพร่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!