ตอนที่แล้วบทที่ 36 องค์หญิงและองค์ชาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 สังหารหมู่

บทที่ 37 กองไฟ


“นายน้อยเทียน เจ้ามีอะไรอยากจะพูดกับน้องสาวของข้าอย่างนั้นรึ? พอดีข้าเห็นเจ้าเหลือบมองไปที่นางอยู่หลายครั้งตั้งแต่ที่เราพบกัน” เย่วหลวนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อ่อ ใช่แล้ว ข้าแค่สงสัยว่าทำไมองค์หญิงลำดับที่ 3 ถึงมาอยู่ในป่าแห่งนี้กับท่าน นอกจากนี้ตอนนี้นางยังคงชี้อาวุธมาที่ข้าอยู่เลย” หลงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว

“เอ่อ ข้าขอโทษ ข้าลืมเก็บอาวุธของข้า” ในที่สุดเย่วเฟ่ยก็ปริปากพูดขณะที่หน้าของนางกลายเป็นสีแดง และรีบเก็บอาวุธของตัวเอง

“ฮ่าๆๆ...อย่างนั้นนี่เอง ข้าคิดว่าเป็นเรื่องอื่นเสียอีก” เย่วหลวนหัวเราะขณะที่เขาหันไปมองเย่วเฟ่ยแล้วหันหลังกลับไปมองหลงเฉิน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรฝ่าบาท แล้วพวกท่านสองคนมาทำอะไรในป่าแห่งนี้อย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินถาม

“เจ้าอาจทราบอยู่แล้วว่า น้องเฟ่ยมีระดับบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีประสบการณ์ต่อสู้ไม่มากนัก เนื่องจากนางอยู่แต่ในวังมาโดยตลอด ข้าเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้ฝึกฝนในป่าแห่งนี้ ข้าเลยชวนนางมาที่นี่กับข้า

ซึ่งท่านพ่อของพวกเราก็เห็นด้วยกับคำขอนี้หลังจากที่นางขอร้องไม่หยุด แม้ว่าที่นี่จะมีสัตว์อสูรอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดแข็งแกร่งกว่าระดับจิตวิญญาณขั้น 10 ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ฝึกฝนที่ดี จะว่าไปแล้วทำไมเจ้าถึงมาที่นี่กันล่ะ?” เย่วหลวนพูดและถามกลับ

“ข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกับท่าน ข้ามาเพื่อฝึกฝนเช่นกัน” หลงเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะพูด

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตระกูลของเจ้าจะอนุญาตให้เจ้ามาที่นี่ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้เป็นอันตรายอะไรสำหรับพวกเรา แต่ก็ยังเป็นสถานที่ที่มีหลายคนต้องเอาชีวิตมาทิ้ง เช่นเดียวกับเจ้าที่เป็นแค่จอมยุทธระดับหลอมกายา เจ้าควรกลับออกไปจากที่นี่จะดีกว่า สหายน้อย” เย่วหลวนแนะนำ

“ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ฝ่าบาท เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ทะลวงผ่านระดับก่อจิตวิญญาณแล้ว ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถดูแลตัวเองในป่าแห่งนี้ได้”

‘หลงเทียนคนนี้อาจเพิ่งทะลวงผ่านระดับก่อจิตวิญญาณและมาที่นี่เพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูร นั่นถือเป็นการกระทำที่ค่อนข้างโง่เขลา แต่ทำไมข้ากลับไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนโง่เขลา’ เย่วหลวนคิด

“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น เจ้าอยากจะเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่? แม้ว่าเจ้าจะพูดว่าเจ้าสามารถจัดการสัตว์อสูรได้ด้วยตัวเองก็ตาม แต่มันจะดีกว่าสำหรับเจ้าที่จะอยู่กับพวกเรา ข้าไม่อยากให้ผู้นำเหรินก่อความวุ่นวายในเมืองมังกรอีก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า” เย่วหลวนแนะนำ

“ขอบคุณฝ่าบาท ข้ากำลังหาสถานที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้อยู่พอดี แต่ข้าไม่สามารถเดินทางไปพร้อมกับพวกท่านได้ มีเพียงแค่การต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวเท่านั้นที่จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นข้าอยากจะไปตามทางของตัวเอง” หลงเฉินพูดด้วยความมั่นใจ

“ถ้าเจ้าพูดอย่างนั้น เช่นนั้นข้าก็ไม่ห้ามเจ้า” เย่วหลวนกล่าว

“ข้าหวังว่าเจ้าจะเอากระโจมมาด้วย เจ้าสามารถวางมันไว้ใกล้กับพวกเราได้ และค่ายกลของข้าจะแจ้งเตือนเมื่อมีใครเข้ามาใกล้พื้นที่ของเรา ดังนั้นที่นี่ถือว่าปลอดภัยมาก เจ้าสามารถนอนคิดได้เลยว่าจะทำอะไรต่อในวันพรุ่งนี้”

“ข้าน้อมรับความใจดีของฝ่าบาท เช่นนั้นข้าก็จะทำตามข้อเสนอของท่าน” หลงเฉินกล่าว และเริ่มวางกระโจมของเขา

หลังจากเตรียมกระโจมเสร็จแล้ว หลงเฉินสังเกตเห็นว่าด้านนอกเริ่มมืดแล้ว และเห็นเย่วหลวนกับเย่วเฟ่ยกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟ

“ทิวทัศน์ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก” หลงเฉินกล่าวขณะที่เขาเดินเข้าไปนั่งใกล้เย่วหลวน

“ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ข้าสงสัย ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อน และไม่ได้รู้จักกันดี แต่ทำไมฝ่าบาทถึงอนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่ ท่านไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวท่านเองกับองค์หญิงลำดับ 3 เลยหรือ?” หลงเฉินตัดสินใจถาม

“ฮ่าฮ่าฮ่า เหตุผล? เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องกังวลหรือไม่? อย่างแรก พ่อของพวกเราไม่เคยปล่อยให้พวกเราออกไปไหนตามลำพังโดยไม่มีผู้คุ้มกัน ดังนั้นแม้ว่าเจ้าจะมองไม่เห็นพวกเขา แต่ราชองค์รักษ์ของพวกเราก็อยู่ใกล้ๆ คอยสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าอยู่ตลอดเวลา นายน้อยเทียน

อย่างที่สอง แม้ว่าจะไม่มีผู้คุ้มกัน และพวกเราอยู่กันตามลำพัง ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถทำร้ายพวกข้าได้ เจ้ายังแข็งแกร่งไม่พอที่จะทำเช่นนั้น” เย่วหลวนหัวเราะขณะที่เขาพูด

‘ก่อนหน้านี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าสัมผัสได้ว่ามีจอมยุทธสองคนอยู่ใกล้ๆ และทั้งสองคนนั้นเป็นจอมยุทธระดับแก่นทอง เนื่องจากข้าไม่สามารถสัมผัสเจตนาชั่วร้ายจากพวกเขาได้ ข้าจึงเดาว่าพวกเขาน่าจะเป็นราชองครักษ์และมาที่นี่เพื่อปกป้องเย่วหลวนกับเย่วเฟ่ย แล้วตอนนี้การคาดเดาของข้าก็ได้รับการยืนยันแล้ว’

ข้าต้องไปคนเดียวและรีบหาหลงชูให้เจอ แล้วฆ่ามันให้ได้ ถ้าคนพวกนี้ตามข้าทันและเจอหลงชูกับสหายของมัน ข้าคงไม่สามารถฆ่ามันได้ ถ้าถูกราชองครักษ์จับตามองอยู่’ หลงเฉินพูดกับตัวเอง

“ทำไมเจ้าถึงทำหน้าจริงจังขนาดนั้น? ไม่ต้องกังวลสหายน้อย พวกเขาจะไม่ทำร้ายเจ้า” เย่วหลวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ ไม่มีอะไร ข้าแค่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้นฝ่าบาท จะว่าไปข้าได้ยินองค์หญิงลำดับ 3 พูดแค่ครั้งเดียวเอง หรือว่านางเป็นคนไม่ชอบพูด?” หลงเฉินถามเสียงต่ำ

“ฮ่าๆฮ่าๆ นางนี่นะเป็นคนไม่ชอบพูด?? ปกติแล้วถ้านางได้พูด นางจะพูดไม่หยุด ตอนนี้นางแค่เขินอายเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่นางไม่รู้จัก แล้วเจ้าจะได้เห็นถ้าเจ้าอยู่กับพวกเรา” เย่วหลวนพูดพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“ท่านพี่! ท่านพูดจาไม่ดีกับข้าอีกแล้ว ข้าจะไม่พูดกับท่านอีกแล้ว” เย่วเฟ่ยพูดเสียงแผ่วเบาขณะมองไปที่เย่วหลวน แต่เมื่อนางสังเกตเห็นหลงเฉินกำลังจ้องมองมาที่นาง นางก็ก้มหน้าลงทันทีด้วยความเขินอาย

‘เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดี พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนดีจริงๆ’

“ข้าไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเจ้าเสียหน่อย เฟ่ยเอ๋อ ข้าแค่บอกจุดที่น่ารักของเจ้าให้น้องชายเทียนฟังเท่านั้น” เย่วหลวนหัวเราะขณะพูด

“ฮึ...ข้าจะไปนอนแล้ว” เย่วเฟ่ยลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้าไปในกระโจมของนาง

“ฮ่าๆ นางเป็นคนที่เขินอายได้ง่ายยิ่งนัก ถึงจะเป็นแบบนั้น ข้าโชคดียิ่งนักที่มีน้องสาวแบบนี้”

“เอาล่ะ ข้าเองก็จะไปนอนแล้ว เจอกันตอนเช้า น้องชายเทียน” เย่วหลวนลุกขึ้นยืนและเข้าไปในกระโจมของเขาเช่นกัน

‘พวกเขาสองคนดูสนิทกันมาก การได้เห็นความผูกพันอันใกล้ชิดระหว่างพี่ชายและน้องสาวแบบนี้ก็ดี แต่บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขามีแม่คนเดียวกัน แล้วถ้าพวกเขามีแม่คนละคนกันพวกเขาจะเป็นแบบนี้หรือไม่’ หลงเฉินคิดอยู่ในใจ

“เอาล่ะ ข้าควรให้ความสำคัญกับเรื่องของตัวเองก่อน ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องของตระกูลราชวงศ์” หลงเฉินพูดพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในกระโจมของเขาเช่นกัน

หลงเฉินเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเขาทันทีหลังจากที่เข้ามาในกระโจม ความก้าวหน้าของเขายังคงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เขารู้ว่าต้องใช้เวลาอีกสองสามวันเพื่อไปถึงจุดสูงสุดของระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 5 หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงหลงเฉินก็หยุดฝึกฝนบ่มเพาะพลัง และออกไปข้างนอกกระโจมเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

“องค์หญิงเฟ่ย ท่านยังไม่นอนอีกหรือ?” หลังจากที่หลงเฉินออกมาจากกระโจมของเขา เขาก็สังเกตเห็นเย่วเฟ่ยนั่งอยู่ด้านนอกกระโจมของนาง และกำลังมองดูดาวบนท้องฟ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด