บทที่ 32 ซูชิงเหม่ยทำพ่อฉันร้องไห้?
บทที่ 32 ซูชิงเหม่ยทำพ่อฉันร้องไห้?
ไม่นาน การแสดงของซูชิงเหม่ยก็มาถึงช่วงสุดท้าย
"ขอบคุณที่คนนั้นคือเธอ”
"มือที่เคยจูงมือฉัน"
"ยังคงรู้สึกอบอุ่นอยู่ที่อกของฉัน…….."
ซูชิงเหม่ยหลับตา ริมฝีปากสีเชอรี่เผยอขึ้นเบาๆ ร้องเพลงท่อนสุดท้ายอย่างอ่อนโยนปนเศร้าสร้อย ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทเพลงจนแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผู้ฟังทุกคน
เมื่อเพลงจบลง ผู้ชมทั้งห้องลุกขึ้นยืน ส่งเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่ง
“ซูชิงเหม่ย!”
“ซูชิงเหม่ย!”
บางคนถึงกับตะโกนไปพร้อมกับร้องไห้ ห้องบันทึกเทปทั้งห้องราวกับกลายเป็นคอนเสิร์ตส่วนตัวของซูชิงเหม่ย ผู้ชม 500 คนในห้องนั้นเหมือนกลายเป็นแฟนคลับของเธอไปแล้ว
เจียงหยูเอ๋อที่อยู่หน้าทีวีเองก็ปรบมืออย่างแรงเช่นกัน
“พระเจ้า! เพิ่งรู้ว่าซูซิงเหม่ยร้องเพลงเพราะมากขนาดนี้! ก่อนหน้านี้ฉันหูหนวกหรือไง?”
ต้องบอกว่าวันนี้การแสดงของซูชิงเหม่ยได้ทำให้เธอกลายเป็นแฟนคลับอย่างเต็มตัว
ในอดีต เธอแค่คิดว่าซูชิงเหม่ยเเค่สวยและร้องเพลงได้ แต่มันก็ไม่ค่อยถูกจริตกับสไตล์ของเธอสักเท่าไหร่
แต่วันนี้เพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" เปลี่ยนความคิดของเธอโดยสิ้นเชิง
ผู้หญิงคนนี้ร้องเพลงเก่งมาก!
ในขณะนี้มีคนมากมายที่กลายเป็นแฟนคลับของซูชิงเหม่ยเช่นเดียวกับเจียงหยู่เอ๋อร์ คอมเมนต์ในแพลตฟอร์มออนไลน์แทบจะระเบิด
"นับวันนี้เป็นต้นไป ฉันคือแฟนคลับของซูชิงเหม่ยแล้ว!"
"ฟังเพลงนี้แล้วน้ำตาไหลตาม นางร้องจนฉันอินมากๆ!"
"ต่อจากนี้จะติดตามผลงานเพลงของซูชิงเหม่ยทุกเพลงเลย!"
“เฮ้ทุกคน มีใครรู้บ้างว่าใครเป็นคนเขียนเพลงนี้?”
ในขณะนั้น พิธีกรที่กำลังเดินขึ้นไปบนเวที ราวกับรับรู้ได้ถึงความสงสัยของผู้ชมทุกคนเขาจึงเรียกซูชิงเหม่ยและถามว่า:
“คุณชิงเหม่ย ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นนักแต่งเพลงคนไหนที่แต่งเพลงเพราะๆแบบนี้ขึ้นมา คุณช่วยคลายความสงสัยให้พวกเราหน่อยได้ไหมครับ?”
ซูชิงเหม่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง: “ผู้แต่งชื่อ เสวี่ยโจว ทำนอง เสวี่ยโจว เรียบเรียงโดย เสวี่ยโจว และนักร้องต้นฉบับเองก็เป็นเสวี่ยโจวด้วยเหมือนกัน เขามาจากเว็บไซต์สถานีมือสมัครเล่น”
"ทำนอง เนื้อร้อง การเรียบเรียง และนักร้องต้นฉบับเป็นคนเดียวกัน?"
“เว็บไซต์มือสมัครเล่น?”
“เสวี่ยโจว?”
ในขณะที่ผู้ชมและชาวเน็ตต่างพากันงง ซูชิงเหม่ยก็เดินลงจากเวที ไม่เปิดโอกาสให้พิธีกรได้ถามต่อ
“เสวี่ยโจวคือใคร?”
ผู้คนมากมายที่ชื่นชอบเพลงนี้มีคำถามเดียวกันในใจ ขณะที่บางคนก็รู้สึกเหลือเชื่อ:
"ใครจะไปคิดว่าซูชิงเหม่ยจะร้องเพลงของนักแต่งเพลงมือสมัครเล่นจากเว็บไซด์มือสมัครเล่น”
"นึกว่าสถานีมือสมัครเล่นจะมีแต่มือใหม่ที่ทำเพลงเล่นๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมีความสามารถเก่งๆ แบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย!"
เมื่อเห็นคอมเมนต์มากมายที่ทุกคนถามหาเสวี่ยโจว เจียงหยู่เอ๋อร์ก็รู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ เธออยากบอกให้โลกรู้ว่า “เจ๊นี่แหละที่เจอเสวี่ยโจวเป็นคนเเรก ฮ่าๆ เจ๋งใช่ไหมล่ะ”
จากนั้น เธอก็หยิบมือถือขึ้นมา รีบส่งข้อความหาเสวี่ยโจวผ่านข้อความส่วนตัวในเว็บสถานีมือสมัครเล่นทันที
"เฮ้ เสวี่ยโจว! ดูทีวีอยู่รึเปล่า? นายกำลังดังใหญ่แล้วนะ!"
แต่เสวี่ยโจวก็ไม่ตอบกลับมาสักที เจียงหยู่เอ๋อร์สังเกตเห็นว่าพ่อของเธอกำลังแอบปาดน้ำตาอยู่ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“พ่อ เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร ฝุ่นเข้าตาน่ะ” เจียงเทาารีบเช็ดมุมตาแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องหนังสือไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากฟังการร้องเพลงของ ซูชิงเหม่ย เขาก็นึกถึงความรักครั้งแรกของเขาในเมืองน้ำ Jiangnan และวัยเยาว์ของเขากำลังวิ่งเล่นภายใต้พระอาทิตย์ตก ช่างเป็นความทรงจำที่สวยงามและอ่อนโยน
เสียงร้องของซูชิงเหม่ยทำให้เขาหวนนึกถึงรักแรกในวัยเยาว์ที่บ้านเกิด “เจียงหนาน” คิดถึงความทรงจำในช่วงวัยหนุ่มสาว ขณะยังคงวิ่งเล่นใต้แสงตะวันยามเย็น มันเป็นความทรงจำที่สวยงามและอ่อนหวาน
ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา และตอนนี้ เขาก็ต้องการรีบถ่ายทอดช่วงเวลาของห้วงอารมณ์นี้ไปเขียนบทกวีเพื่อหวนรำลึกถึงความรักณครั้งเยาว์วัย!
นี่ก็คือจิตวิญญาณของนักเขียน แค่ได้ยินเสียงเพลงที่กินใจก็หลั่งน้ำตา แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดมือของเขาจากการสร้างสรรค์บทกวีได้
เจียงหยูเอ๋อนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำว่า: "ว้าว นี่ซูชิงเหม่ยทำให้พ่อฉันร้องไห้จริงๆ เหรอ?"
จากนั้นเธอก็มองลงไปที่โทรศัพท์ พร้อมทั้งส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด: "เสวี่ยโจวบ้านั่น มัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงยังไม่ตอบข้อความฉันอีก?”
หลินเจียง สวนเสวี่ยเหม่ย
ที่บ้านของซูชิงเหม่ย
“มาแล้ว มาแล้ว กำลังจะประกาศอันดับแล้ว!”
โจวหยุนที่นั่งอยู่บนโซฟา ร้องขึ้นด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์
คืนนี้ จางหง และโจวหยุนมาที่บ้านของซูชิงเหม่ย เพื่อดูรายการ "I Am a Singer" ตอนที่สองด้วยกัน
แม้ว่าตอนแรกซูชิงเหม่ยวางแผนที่จะฝึกร้องเพลง ส่วนหลินโจวก็เตรียมที่จะบันทึกเพลง “เส้นทางธรรมดา” เพื่อจะตัดต่อและอัพโหลดลง “s สเตชั่น” ในวันพรุ่งนี้
แต่เมื่อจางหงและโจวหยุนมา ทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งดูทีวีด้วยกัน
ในขณะนี้ นักร้องทั้งเจ็ดคนได้แสดงจบแล้ว คะแนนก็ถูกนับเรียบร้อย ผู้กำกับจางเล่ยก็ถือกระดาษผลคะแนนเดินเข้าไปในห้องรับรองนักร้อง
สำหรับผู้ชมนี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด
ช่วงประกาศอันดับของแต่ละตอนมักทำให้เรตติ้งของรายการพุ่งสูงเสมอ
เนื่องจาก ช่วงเวลาดังกล่าวมักจะมีเรื่องที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเซิ่นเหยา ขณะนี้เธอนั่งข้างๆ ซูชิงเหม่ย แม้ว่าภายในใจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยังต้องรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้
ในทางกลับกัน ซูชิงเหม่ยยังคงนั่งเงียบโดยไม่มีรอยยิ้มเช่นเดิม แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังดูดีกว่ารอยยิ้มปลอมๆ ของคนที่อยู่ข้างๆ มาก
ความแตกต่างของสีหน้าท่าทางระหว่างทั้งสองดูราวกับภาพวาดชื่อดังที่ตรงกันข้ามกันอย่างชัดเจน
อันที่จริง ในเวลานี้ ซูชิงเหม่ยเพียงแค่กำลังครุ่นคิดถึงการร้องเพลงท่อนสุดท้ายของตัวเองที่เธอรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีนะ และกำลังทบทวนมันอยู่ในใจก็เท่านั้น
ในเวลานี้ ผู้กำกับจางเล่ยหันมายิ้มให้นักร้องทั้งเจ็ดคน ก่อนเอ่ยว่า:
“ทุกคนทำงานหนักกันมาก วันนี้การแสดงของทุกคนยอดเยี่ยมมาก แต่โชคร้ายที่...”
"ทุกท่านต่างทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ การแสดงคืนนี้ของทุกท่านยอดเยี่ยมมาก แต่น่าเสียดายที่..." จางเล่ยเปลี่ยนน้ำเสียงเล็กน้อย "...คืนนี้จะต้องมีหนึ่งคนที่ต้องอำลาเวทีนี้ไป"
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ผู้ชมต่างลุ้นระทึกจนหายใจไม่ทั่วท้อง
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้กำกับกำลังพยายามกดดันพวกเรา?”
“ซูชิงเหม่ยจะต้องติดท็อปสาม ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกคัดออก”
"คะแนนรอบที่แล้วของเธอน้อยเกินไปจริงๆ เฮ้อ!”
เหล่าแฟนคลับของซูชิงเหม่ยต่างกังวลใจ ในขณะที่กลุ่มแอนตี้แฟนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง:
“เป็นนักร้องมืออาชีพจะต้องมีมาตรฐาน ถ้าทำได้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้คุณก็ไม่มีมีสิทธิ์ที่จะยืนบนเวทีระดับนี้!”
“ถึงจะไม่ถูกคัดออก แต่คะแนนรวมสองรอบก็คงได้แค่ที่หก ยังรั้งท้ายอยู่ดี!”
“ฉันคิดว่าอาจารย์จางฮั่วน่าจะได้อันดับหนึ่ง”
ผู้กำกับจางเล่ยเข้าใจถึงจิตวิทยาของผู้ชมเป็นอย่างดี เขาจึงพูดต่อว่า:
"ในการจัดอันดับครั้งที่แล้ว สวี่เจี้ยนกับซูชิงเหม่ยอยู่ในอันดับ 6 และ 7 ถ้ารอบนี้ทั้งสามไม่ติดท็อปสาม ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกคัดออก เอาล่ะครับ งั้นเรามาประกาศผลอันดับที่ 4 กันก่อน"
นักร้องทั้งเจ็ดคนในสถานที่ต่างพากันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นเทคนิคที่ผู้กำกับจางใช้บ่อยๆ เขาตั้งใจทำให้ผู้ชมตื่นเต้น พอคิดว่าจะประกาศอันดับสามกลับประกาศอันดับสี่แทน
เหล่านักร้องทั้งเจ็ดคนต่างพากันส่ายหน้า ยิ้มเจื่อน นี่เป็นเทคนิคที่ผู้กำกับจางใช้กับผู้ชมบ่อยๆ เมื่อผู้ชมคิดว่าเขาจะประกาศ 3 อันดับแรก เขาก็เลือกที่จะประกาศอันดับ 4 แทน
"อันดับที่ 4 ได้แก่... เฉิงหลิน!"
นักร้องทุกคนปรบมือ เฉิงหลินยกมือปรับแว่นตาเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นยืนโค้งคำนับด้วยความเขินอาย
อันดับ 4 ไม่เลวร้ายนัก หากแต่ก็ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่ จางเล่ยเห็นบรรยากาศยังไม่ถึงใจ เขาก็เอ่ยเสริมเข้าไปอีก
"ต่อไป เราจะประกาศสามอันดับแรกแล้วนะครับ มาเริ่มจากอันดับที่ 3 กันก่อนเลย..."
นักร้องทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา และผู้ชมที่ดูรายการทางอินเทอร์เน็ตเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน:
"ใกล้ถึงเวลาตัดสินชะตากรรมของซูชิงเหม่ยแล้วสินะ"
“ถ้าเธอไม่ติดสามอันดับแรก เธอต้องถูกคัดออกแน่ๆ!”
“ซูชิงเหม่ย สู้ๆ นะ!”
จางเล่ยประกาศอย่างรวดเร็ว: “อันดับที่สาม หยูซิน!”
เสียงปรบมือดังขึ้น สำหรับนักร้องอาวุโสอย่างหยูซิน การแสดงของเขายังคงโดดเด่นคงเส้นคงวาเหมือนเคย
จากนั้นจางเล่ยก็กล่าวต่อ: "อันดับสอง ได้แก่... จางฮั่ว!"
“สุดยอด อาจารย์จางติดอันดับสองงสองสัปดาห์ติดเลยนะเนี่ย!”
นักร้องทุกคนปรบมืออีกครั้ง แต่บรรยากาศกลับเริ่มอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ
“อันดับสองและสามถูกประกาศแล้ว แปลว่าตอนนี้ถ้าซูชิงเหม่ยไม่อยากตกรอบเธอก็ต้องได้อันดับ 1 เท่านั้นะ”
“จากที่เจ็ดมาเป็นที่หนึ่ง? มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”
"ก็ไม่แน่ การแสดงของเธอในวันนี้ทำได้ดีมากจริงๆ"
"แค่อันดับห้าก็โชคดีแล้วมั้ง"
“โอ๊ย ฉันลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย”
แฟนคลับของซูชิงเหม่ยต่างกลั้นหายใจ จับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน รอคอยคำประกาศจากปากของจางเล่ย
ขณะเดียวกัน เซิ่นเหยาที่นั่งอยู่ข้างๆซูชิงเหม่ยในเวลานี้รอยยิ้มของเธอเริ่มแข็งกระด้าง สายตาสลับมองไปมาระหว่างซูชิงเหม่ยและจางเล่ยผู้ถือผลคะแนนอยู่ในมือ
จากอันดับที่เจ็ดมาเป็นที่หนึ่ง? มันจะเป็นไปได้ยังไง?
ฉันไม่เชื่อ!
ท่ามกลางความตึงเครียดของทุกคน ผู้กำกับจางเล่ยก็เอ่ยขึ้ยอย่างช้าๆ
“I Am a Singer ซีซั่นที่สอง ตอนที่สอง ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งก็คือ...”