บทที่ 31 ใครบอกว่าซูชิงเหม่ยโดนคัดออก?
บทที่ 31 ใครบอกว่าซูชิงเหม่ยโดนคัดออก?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ล่วงเลยมาถึงวันเสร์อีกครั้ง รายการ "I Am a Singer" กำลังจะออกอากาศตอนที่สอง
ก่อนจะถึงเวลา 20.00 น. กระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ก็คึกคักเป็นพิเศษ
"หยูซิน สู้ๆ คว้าอันดับหนึ่งให้ได้อีกสัปดาห์!"
"เฉิงหลิน นักแต่งเพลงอัจฉริยะ อย่างเฟี้ยว!"
"เพลงร็อคจงเจริญ สายเลือดร็อคไม่มีวันตาย!"
"ครั้งนี้เซิ่นเหยาไม่พลาดอันดับสามแน่นอน!"
"ข่าววงใน ซูชิงเหม่ยได้อันดับห้า โดนคัดออก!"
"คราวนี้คะแนนเซิ่นเหยาทิ้งห่างซูชิงเหม่ยอีกแล้ว"
"ซูชิงเหม่ยร้องไม่ดีหลายรอบ คราวนี้น้ำตาเธอต้องไหลพรากกลางเวทีแน่ๆ"
ในบรรดาประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องของซูชิงเหม่ย หลายคนมั่นใจว่าซูชิงเหม่ยจะต้องถูกคัดออกในรอบนี้แน่นอน บ้างก็ลือว่าเธอต้องอัดใหม่หลายเทคกว่าจะผ่านมาตรฐาน
รวมๆ แล้วมีข่าวลือต่างๆ นานาสารพัด
นอกจากต้องเผชิญกับข่าวฉาวและประเด็นเรื่องชู้สาว จนตกเป็นเป้าโจมตีทางออนไลน์แล้ว ผลงานอันย่ำแย่ของซูชิงเหม่ยในรอบแรกของรายการ "I Am a Singer" ยิ่งทำให้แอนตี้แฟน เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
หากซูชิงเหม่ยตกรอบจริงๆ เกรงว่า ฉายาที่เธอเคยได้รับอย่าง ราชินีน้อย แห่งวงการเพลงคงไม่อาจรักษาไว้อีกต่อไป
“ชิงเหม่ย สู้ๆ พวกเราเป็นกำลังใจให้!”
"ไม่ต้องกลัวชิงเหม่ย เราจะสนับสนุนเธอเสมอ!"
แม้เหล่าแฟนคลับของซูชิงเหม่ยจะพยายามเชียร์เธออย่างเต็มที่ แต่จากคำพูดของพวกเขาก็สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่พวกเขาเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่
ท้ายที่สุดแล้ว การแสดงของซูชิงเหม่ยในรอบที่แล้วนั้ทำได้ไม่ค่อยจะดีนัก และครั้งนี้เธอต้องร้องเพลงของศิลปินคนอื่น ซึ่งอยากจะคาดเดาว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาเป็นเช่นไร
เวลา 20.00 น. ณ วิลล่าแห่งหนึ่งในเกียวโต
เจียงหยูเอ๋อกำลังนั่งอยู่หน้าทีวีด้วยความตื่นเต้นและรอคอย รอการออกอากาศของรายการ "I Am a Singer"
ในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านดนตรีของ “เอสสเตชั่น” การคอยอัพเดทข่าวสารและความเคลื่อนไหวของวงการเพลงจีนถือเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังเป็นวิธีการฝึกฝนที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวน้อยผู้หลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็กเช่นเธอ แต่ลึกๆแล้ว เจียงหยูเอ๋อ ก็แค่อยากจะติดตามไอดอลของเธอเท่านั้น
และ ไอดอลของเธอก็คือเฉิงหลิน
ใช่แล้ว เป็นนักแต่งเพลงหน้าตาธรรมดาที่สวมแว่นตาเหมือนโอตาคุคนนั้น
เจียงหยูเอ๋อชื่นชมผู้ชายที่มีความสามารถในการเขียนเพลงมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงสนับสนุนเสวี่ยโจวสุดตัว ผู้ชายที่สามารถรังสรรค์เพลงดีๆแบบนั้นออกมาได้ ต่อให้ไม่หล่อเธอก็ชอบอยู่ดี!
ดังนั้น เฉิงหลิน ชายหนุ่มสวมแว่นตาหน้าตาธรรมดา จึงเป็นที่ชื่นชอบของเจียงหยู่เอ๋อเช่นกัน
ส่วนการถกเถียงบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับซูชิงเหม่ยจะถูกคัดออกหรือไม่นั้น เจียงหยู่เอ๋อร์ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เพียงแต่ว่ารายการของวันนี้ทำให้เจียงหยูเอ๋อผิดหวังเล็กน้อย เฉิงหลินที่เธอชื่นชอบขึ้นแสดงเป็นคนแรก และร้องเพลงเก่าเพลงหนึ่ง แม้ว่าโดยรวมแล้วจะถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แต่ก็ไม่มีจุดเด่นที่น่าประทับใจเท่าไหร่
“เด็กหนุ่มนั่นเหมือนจะดูตื่นเต้นนิดหน่อยนะ”
พ่อของเจียงหยูเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ อดทักขึ้นมาไม่ได้ เขาเป็นรองประธานสมาคมนักเขียนเกียวโต ซึ่งโดยปกติแล้วเวลานี้เขาควรจะอ่านหนังสืออยู่
แต่วันนี้ เขาถูกลูกสาวสุดที่รักลากตัวออกมาเพื่อรอเชียร์ไอดอลของเธอด้วยกัน
แต่เมื่อการแสดงเริ่มต้นขึ้นเขาก็พบว่าเฉิงหลิงคนนี้ดูไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
เจียงหยูเอ๋อรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะเดียวกันเธอก็คว้าแขนของเจียงเทา พ่อของเธอที่กำลังจะลุกขึ้นกลับไปห้องหนังสือไว้:
“พ่อ รายการยังไม่จบเลย คนต่อๆ ไปอาจทำไม่ดีเท่าเฉิงหลิงก็ได้ใครจะไปรู้!”
เจียงเทาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ พลางทรุดตัวนั่งลงอีกครั้ง เขาขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า "ตกลง ราการนี้เขาแข่งกันที่ความเก่ง หรือใคร่ห่วยกว่ากันกันแน่??"
“พ่อ!” เจียงหยูเอ๋อร์กระทืบเท้า เจียงเทาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหุบปากและดูรายการในทีวีไปพร้อมกับลูกสาวของเขาต่อไป
ถัดมาเป็นการแสดงของ หยูซิน ต่อด้วยจางหัว ทั้งคู่เป็นนักร้องรุ่นเก่าระดับตำนานที่เจียงเทารู้จักเป็นอย่างดี เขาจึงฟังเพลงด้วยความเพลิดเพลินขณะเดียวกันก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก
“นักร้องในยุคพ่อยังฝีมือไม่ตกเลย แล้วดูคนหนุ่มสาวที่พวกลูกชอบตอนนี้สิ เฮ้อ”
เจียงหยูเอ๋อหน้าบูดทันที เธอโต้กลับทันควันว่า: "พ่อจะไปรู้อะไร ในเว็บมือสมัครเล่นก็มีนักร้องรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเหมือนกัน นอกจากร้องเพลงเพราะแล้ว เขายังสามารถแต่งเพลงได้ด้วย!"
เจียงเทาไม่เข้าใจว่าสถานีมือสมัครเล่นคืออะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าลูกสาวของเขาแค่แสดงความไม่พอใจออกมา เขาจึงทำเพียงยิ้มและไม่ได้ไม่พูดอะไรอีก
คนที่สี่ที่ขึ้นแสดงก็คือ นักร้องสาวเซิ่นเหยาในชุดราตรีเปลือยหลังสึชุดเซ็กซี่ ซึ่งเรียกเสียงเชียร์และปรบมือจากผู้ชมชายในสตูดิโอได้ในทันที
เจียงเทาทำเพียงส่ายหัว ขณะที่เจียงหยูเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เธอเป็นสาวน้อยที่ชอบติดตามข่าวซุบซิบในวงการบันเทิงอยู่แล้ว จึงรู้เรื่องราววงในบางอย่างพอสมควร เธอลูบคางครุ่นคิด ก่อนจะเปรยขึ้นว่า:
“เซิ่นเหยาวันนี้ดูจะทุ่มสุดตัว คงอยากจะเอาชนะซูชิงเหม่ยอีกครั้ง”
ย้อนกลับไปในตอนประกาศอันดับในรอบที่แล้ว เซิ่นเหยาได้พูดไว้ว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงอีก" ซึ่งก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ผู้คนต่างเข้าใจโดยนัยว่าเธอกำลังพาดพิงถึงซูชิงเหม่ย
บ้างก็กล่าวหาว่าซูชิงเหม่ยชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ชอบแย่งทรัพยากรต่างๆจากศิลปินในสังกัดเดียวกัน
ขณะที่หลายคนก็รู้สึกเสียดายที่นักร้องดาวรุ่งมีพรสวรรค์อย่างซูชิงเหม่ยต้องมาตกต่ำถึงจุดนี้ถึงกับพ่ายแพ้ให้กับนักร้องระดับสองอย่างเซิ่นเหยา
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากหยิบยกเอาเซิ่นเหยากับซูชิงเหม่ยมาเปรียบเทียบกัน
แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่า ในรอบนี้เซิ่นเหยาจะยอมทุ่มเทเปลี่ยนลุคตัวเองมากขนาดนี้ เปลี่ยนจากสาวใสน่ารัก มาเป็นชุดเซ็กซี่สุดเร่าร้อนทะลุปรอท
"โลกเรานี่มันเสื่อมลงทุกวันจริงๆ" เจียงเทาส่ายหัวพลางบ่นงึมงำ คนรุ่นเก่ามักจะมีความคิดแบบอนุรักษ์นิยมเป็นเรื่องปกติ
เจียงหยูเอ๋อฟังเซิ่นเหยาร้องเพลงด้วยความสนใจ มันเป็นเพลงเศร้าสุดคลาสสิกที่คุ้นหู ซึ่งเซิ่นเหยาก็พยายามแสดงความรู้สึกโศกเศร้าออกมาอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่ายังคงขาดเสน่ห์บางอย่างไป
หลังจากฟังเพลงแล้ว เจียงหยูเอ๋อก็เบะปาก และรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าประทับใจเลยในรอบนี้
เจียงเทายืนขึ้นพร้อมกับหนังสือในมือ เขาไม่สนใจที่จะดูรายการทีวีอีกต่อไป
แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้า
บนเวทีที่มืดสลัว รูปร่างเพรียวบางปรากฏขึ้นอย่างเลือนลาง ร่างนั้นมีส่วนโค้งเว้างดงามพร้อมขาเรียวยาว ที่สำคัญที่สุดคือ เธอแผ่ออร่าเย็นยะเยือกออกมาแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นใบหน้าชัดนัก แต่ก็อดที่จะถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศที่เธอมีไม่ได้
ทันใดนั้นแสงไฟก็สาดส่องลงบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น
ซูชิงเหม่ยในชุดเดสสีขาว เดินออกมากลางเวทีอย่างสง่างาม
"ว้าว!"
เจียงหยูเอ๋ออ้าปากกว้าง แน่นอนว่าเธอรู้จักซูชิงเหม่ย ถึงแม้ว่าปกติเธอจะไม่ค่อยถูกใจผู้หญิงที่ดูเย็นชาแบบนี้สักเท่าไหร่ และไม่ได้ติดตามผลงานมากนัก
แต่ในขณะนี้เธอกลับถูกซูชิงเหม่ยดึงดูด
ผู้หญิงคนนี้สวยมาก เป็นความสวยที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ชื่นชม!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดเจียงหยูเอ๋อมากกว่าคือเสียงเพลงท่อนอินโทรที่ดังขึ้น
มันเป็นเพลงที่เธอคุ้นเคยมาก
“เสียดายที่ไม่ใช่เธอ?”
ในจอทีวี ซูชิงเหม่ยบนเวทียกไมโครโฟนขึ้นมาและเปิดปากร้อง :
“เวลานี้จู่ๆ ก็รูู้สึกช่างคุ้นเคยเหลือเกิน”
“ราวกับอดีตและปัจจุบันเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน”
เจียงหยูเอ๋ออ้าปากค้าง: "เดี๋ยวก่อนนี่มันเพลงเสียดายที่ไม่ใช่เธอจริงๆด้วย เป็นไปได้ยังไง? ทำไมซูชิงเหม่ยถึงร้องเพลงของเสวี่ยโจว?"
เธอคือราชินีน้อยแห่งวงการเพลงที่โด่งดังมาก! คนที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น ทำไมถึงร้องเพลงของนักร้องหน้าใหม่จาก s สเตชั่นได้?
นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!
และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ... ซูชิงเหม่ยยังร้องเพลงนี้ได้เพราะมากอีกด้วย
ถึงแม้ในใจลึกๆ เจียงหยู่เอ๋อร์จะไม่ค่อยอยากจะยอมรับ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ซูชิงเหม่ยร้องออกมานั้นฟังดูเพราะกว่าต้นฉบับของเสวี่ยโจวเสียอีก อย่างกับว่าเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้หญิงร้องอย่างไรอย่างนั้น
เจียงหยู่เอ๋อร์รีบหยิบมือถือขึ้นมา เข้าไปดูคอมเมนต์ในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่กำลังถ่ายทอดสดรายการอยู่
“โอ้พระเจ้า เพราะมาก!”
“ฟังซูชิงเหม่ยร้องฉันหายง่วงเลย!”
“ไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลย เพลงใหม่เหรอ?”
"โอ้ย จู่ๆ ก็นึกถึงแฟนเก่าขึ้นมา ฮือๆๆ!"
“ใครบอกว่าซูชิงเหม่ยจะโดนคัดออก? มงลงขนาดนี้จะตกรอบได้ไงก่อน!”