ตอนที่ 70 : 7 จักรพรรดิแห่งทะเลลึก ! เริ่มการแข่งแบบเดี่ยว !
ตอนที่ 70 : 7 จักรพรรดิแห่งทะเลลึก ! เริ่มการแข่งแบบเดี่ยว !
ตกดึก เหลียนอี้หนิงยืนอยู่กับชายวัยกลางคน พลังที่ชายคนนี้แผ่ออกมาเหมือนสายลมที่ก่อตัวเป็นพายุอันรุนแรง
“หนิงเอ๋อ ที่คนของพ่อพูดมาเป็นความจริงรึเปล่า ? ลูกไปใกล้ชิดกับคนที่ถูกประเมินแค่ระดับ D”
เหลียนอี้หนิงกัดฟันแน่นและพูดขึ้น “ไม่ใช่ ! พ่อคะ ถึงหลินลั่วจะเป็นแค่นักบวชระดับ D แต่เขาชนะการแข่งแบบทีมมา ! ถ้าไม่มีเขา งั้นหนูคง...”
“เงียบ !” เหลียนเจิ้งกัดฟันพูดขึ้นมา “อย่าลืมสิว่าลูกเป็นใคร ! ลูกเป็นคนของตระกูลเหลียน ลูก....ลูกหมั้นกับเกาะเก้าอสรพิษไว้แล้ว 1 ใน 7 จักรพรรดิแห่งทะเลลึก !”
“ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูพวกเขา แม้แต่พ่อก็คงรับมือกับพวกเขาไม่ไหว ! ”
เหลียนอี้หนิงเถียงขึ้นมา “หนูไม่ได้อยากแต่งงานกับพวกเขาสักหน่อย หนูชอบหลินลั่ว หนูอยาก....”
“หนิงเอ๋อ !” เหลียนเจิ้งพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “ตอนแรกพ่อคิดว่าลูกน่ะโตพอที่จะแบ่งเบาภาระของตระกูลได้ ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะยังเด็กแบบนี้”
“เกาะเก้าอสรพิษนั้นคือ 1 ใน 7 ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดใน 7 ทะเล แม้แต่ทางการก็ยังต้องไว้หน้าพวกนั้นด้วย !”
“พ่อหมั้นลูกกับคุณชายของพวกเขาก็เพราะความสัมพันธ์กับผู้ปกครองเกาะเก้าอสรพิษ ตอนเด็ก ๆ ลูกยังบอกว่าโอเคอยู่ไม่ใช่รึไง ?”
“นั่นมันตอนหนูอายุ 8 ขวบ !” เหลียนอี้หนิงพูดขึ้น “พ่อคะ หนูจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนูคิดว่าหนูแค่เล่นสนุก ทว่าหนูถือว่าพี่จิ่วเฉอยี่เป็นแค่พี่ชาย หนูไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเขาจริง ๆ”
“หนิงเอ๋อ !” เหลียนเจิ้งอยากจะพูดบางอย่าง แต่ตอนนั้นประตูห้องกลับเปิดออกพร้อมเหลียนฉิงเอ๋อที่เดินเข้ามา
“ฉิงเอ๋อ มีเรื่องอะไร ?”
“พี่” เหลียนฉิงเอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น “ฉันเป็นคนสอนหนิงเอ๋อเอง”
“อะไรนะ ? ฉิงเอ๋อ เธอจะทำเกินไปแล้ว !”
เหลียนฉิงเอ๋อพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเฉยเมย “พี่ใหญ่ เราอยากไล่ตามความสุขตัวเองมันผิดตรงไหน ?”
“ทุกคนมีสิทธิ์จะไล่ตามความสุขของตัวเอง หนิงเอ๋อไม่ได้ชอบจิ่วเฉอยี่เลยแม้แต่น้อย คนที่เธอชอบคือหลินลั่วต่างหาก พี่ตามใจลูกหน่อยไม่ได้รึไง ?”
“รึอยากให้เขาเป็นเหมือนเจิ้งหมิงเซิ่น ? !”
“เธอว่าไงนะ ? !”
ในวันต่อมา ก่อนจะเช้า ทั้งลานก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
ใจกลางลานแห่งนั้นมีสนามประลองถูกตั้งขึ้นมา มันยาวและกว้าง 200 ม. พื้นเป็นดินธรรมดา มันเป็นเวทีที่เหมาะกับพวกผู้ปลุกพลังบางคน
อาวุธมีทั้งโจมตีใกล้และไกล ดังนั้นระยะห่างจึงสั้นเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นแล้วพวกอาวุธระยะใกล้ก็จะได้เปรียบ
มันไกลเกินก็ไม่ได้ เพราะถ้าไกลเกินไป พวกผู้ปลุกพลังที่ใช้อาวุธระยะไกลก็สามารถใช้มีดบินของตัวเองโจมตีคู่ต่อสู้ไปเรื่อย ๆ จนเอาชนะได้
ดังนั้นระยะห่าง 200 ม.จึงถือว่าพอดีแล้ว
นอกจากนี้แต่ละสนามประลองนั้นก็มีผู้ปลุกพลังระดับทอง 2 คนคอยดูแล กรรมการกับหมออย่างละคนเพื่อให้ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่มั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม
“การแข่งแบบเดี่ยวกำลังจะเริ่ม ! ทุก ๆ ปีการแข่งแบบเดี่ยวในเมืองปิ้นไห่นั้นจะมีคนดูเป็นร้อยล้านคน !”
“เร็วเข้า รีบไปจองที่ได้แล้ว !”
“ฉันจะเดิมพันข้างอัศวินมังกรตงฟางเหอ !”
“คิดจะเกาะเขารวยรึไง ? ฮ่าฮ่า...”
“ครั้งนี้ตงฟางเหอไม่พลาดแน่ ! ลงมือแค่ครั้งเดียวก็จัดการกับคู่แข่งได้แน่ !”
“ฉันจะเดิมพันข้างหลินลั่ว นักบวชระดับ D ! ฉันว่าเขาต้องพลิกมาเอาชนะทุกคนได้แน่ !”
“ฉันจะเดิมพันข้างมู่หรงเสวี่ยเหิน ! เธอเป็นเทวทูต ! เธอแข็งแกร่งอย่างมาก !”
“ฉันจะเดิมพันข้างเฉินผิงอัน ! เขาเป็นนักดาบไร้เทียมทาน พลังโจมตีก็สูง !”
“ฉันจะเดิมพันข้างหยางเฉินหลี่ ตัวแทนของตระกูลเรา !”
“ตัวแทนของตระกูล ? แค่พวกคนรากหญ้า”
“ดูนั่น ! พวกเขามากันแล้ว...”
ไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากทางเข้า พวกเขาคือผู้ปลุกพลัง 10 อันดับแรกที่ถูกเลือกจากการสอบแบบทีมเมื่อวานนี้
คนที่เดินนำหน้ามาคือหลินลั่ว, เหลียนอี้หนิง และถังเฉิง
เมื่อเห็นผู้ชมล้นหลาม ถังเฉิงก็ได้แต่ก้มหน้า
“คนเยอะจริง ๆ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าฉันจะได้เข้าร่วมการแข่งแบบเดี่ยวด้วย !”
ถึงเขาจะเป็นแค่ผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ C ทว่าเขาก็เป็นไม่กี่คนที่ไปถึงชั้น 26 ได้ เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีกี่คนที่อยากทำให้ได้แบบเขา
เหลียนอี้หนิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉิง นายต้องทำใจให้พร้อมเพื่อที่จะต่อสู้ อย่าลนลาน !”
ถังเฉิงกัดฟันพูดขึ้นมา “ฉันเลเวล 25 แล้ว สูงกว่าคนอื่น ๆ เกือบ 10 เลเวล ถึงเป็นผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ A แต่ฉันก็เอาชนะได้แน่ !”
หลินลั่ว, เหลียนอี้หนิง และถังเฉิงเดินหน้าตั้งแต่ชั้น 21 ถึง 25 ด้วยการใช้ไวรัสโรคห่าฆ่ามอนเตอร์ทั้งชั้น เลเวลของทั้งสามคนจึงพุ่งพรวดขึ้นมา
นี่ไม่ต้องพูดถึงตัวหลินลั่วเอง แม้แต่เหลียนอี้หนิงและถังเฉิงก็ยังมีเลเวลถึง 25 !
ในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ พวกเขาน่ะเลเวลนำโด่ง !
ตงฟางเหอที่เลเวลสูงที่สุดในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ก็ยังแค่เลเวล 22 !
“นักเรียนทุกคน...” เสียงแก่ ๆ ดังขึ้นพร้อมชายวัยกลางคนร่างสูงที่ปรากฏตัวขึ้นบนเวที
รองนายกเทศมนตรี กั้วโฉวยี่ !
“นักเรียนทุกคน วันนี้เป็นการแข่งแบบเดี่ยวประจำปีของเมืองปิ้นไห่ ในที่สุดพวกนายก็จะได้แสดง....ว่าเรียนรู้และความพยายามกว่าสิบปีที่ผ่านมานั้นทำอะไรได้บ้าง”
ตอนที่นายกพูดเปิดงานอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาหาหลินลั่วและคนอื่น ๆ
เธอสวมเกราะทอง มีผมสีดำที่พาดลงมา เธอคือมู่หรงเสวี่ยเหิน
“สวัสดีหลินลั่ว ฉันขอแนะนำตัวก่อน ฉัน มู่หรงเสวี่ยเหินจากโรงเรียนที่ 2 ยินดีที่ได้พบ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือออกมา เขาก็รู้สึกเจ็บ ๆ เพราะโดนหยิกที่แขน ก่อนที่หลินลั่วจะยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ
“สวัสดี ฉันหลินลั่วจากโรงเรียนที่ 12”
อีกฝ่ายเป็นถึงอัจฉริยะ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแบบนี้
มู่หรงเสวี่ยเหินมองไปที่เหลียนอี้หนิงและยิ้มออกมา “หลินลั่ว ฉันจะไม่อ้อมค้อม ที่ฉันมาหานายก็เพื่อชวนนายเข้าโจมตีดันเจี้ยนของผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ เพื่อที่เราจะได้อันดับหนึ่งของดันเจี้ยนนั้น”
ผู้ปลุกพลังแต่ละคนต่างก็มีนิสัยที่แตกต่างกันไป
หลินลั่วน่ะดูเป็นคนเจ้าวางแผนและเด็ดขาด เขาต้องมีความสามารถอยู่แน่
การถามไปตรง ๆ แบบนี้จะได้สร้างมิตรภาพและอาจจะขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายได้
ไม่งั้นแล้วถ้าอ้อมค้อมไปอาจจะทำให้ตัวเองโดนดูถูกเสียเอง
“หือ ?” หลินลั่วเลิกคิ้ว “ทำไมถึงเลือกฉัน ?”
มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มออกมา “แค่ดันเจี้ยนเลเวล 30 แต่ฉันคิดจะท้าทายระดับฝันร้าย เพราะมันเป็นเคลียร์ครั้งแรก ดังนั้นมันจึงมีโอกาสสูงที่จะดรอปใบเปลี่ยนอาชีพ”
“เพื่อการเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ ฉันเลยมองหาผู้ปลุกพลังดี ๆ ที่เลเวลต่ำกว่า 30 นายคือแชมป์แบบทีมของปีนี้ นายน่ะเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ”
“ตราบใดที่เคลียร์ดันเจี้ยนระดับฝันร้ายได้ งั้นฉันก็จะมีสิทธิ์เลือกใบเปลี่ยนอาชีพ ส่วนนายก็จะมีสิทธิ์ในการเลือกอุปกรณ์สวมใส่และไอเท็มอื่น ๆ นายคิดว่าไง ?”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขที่อีกฝ่ายยื่นมา หลินลั่วก็ตอบกลับโดยไม่ลังเล “ฉันปฏิเสธ”
มู่หรงเสวี่ยเหินอึ้ง
ดันเจี้ยนนี่เพิ่งกำเนิดขึ้นมา เธออุตส่าห์ไปหามันมาจนได้ แต่หลินลั่วกลับปฏิเสธเธอ !
ในดันเจี้ยน มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
พวกเขาจะได้สู้ด้วยกัน, รวมกลุ่มกัน พวกเขาอาจจะช่วยเหลือกันจนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นไปด้วย
ไม่ใช่ว่าพวกผู้ชายชอบโชว์ความแข็งแกร่งต่อหน้าสาว ๆ รึไง
ถ้าแสดงความสามารถออกมาได้ดี ก็อาจจะทำให้สาว ๆ ตกหลุมรักเลยก็ได้
ถึงจะไม่ได้นอนด้วย ทว่าก็ยังเพียงพอที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นเพื่อนรึคนรักเลยก็ได้
ไม่คิดเลยว่า...
.
“ทำไม ?” มู่หรงเสวี่ยเหินถามขึ้นมาด้วยท่าทีไม่พอใจ “หลังจากการสอบสิ้นสุดลง เรามีเวลา 2 เดือนเพื่อจะเคลียร์ดันเจี้ยน เราต้องพยายามเก็บเลเวลให้ถึงเกณฑ์ของการเข้ามหา’ลัย”
....
“ยิ่งผู้ปลุกพลังเปลี่ยนอาชีพได้ก่อนที่จะเข้ามหา’ลัย...”
“ฉันรู้อยู่แล้ว” หลินลั่วขัดมู่หรงเสวี่ยเหินขึ้นมาและพูดขึ้น “แต่ฉันเปลี่ยนอาชีพไปแล้ว”
“ว่าไงนะ ? !” มู่หรงเสวี่ยเหินตกใจขึ้นมาจริง ๆ
ผ่านมาไม่ถึง 15 วันตั้งแต่ที่ปลุกพลัง หลินลั่วจะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 ได้ยังไง ?
ในอีกความหมายคือตอนนี้เขาเลเวลอย่างน้อย 30 !
“มันจะเป็นไปได้ยังไง....”
“หลินลั่ว !” ตอนนั้นเองก็มีอีกเสียงดังขึ้นมา
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นตงฟางเหอ, หยางห้าวหราน และฟางหยวนที่เดินเข้ามา ตงฟางเหอที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นเหมือนจะโกรธจัด
“นายเป็นใคร ?” หลินลั่วหันกลับไปมองตงฟางเหอตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็มองไปที่หยางห้าวหรานที่อยู่ด้านหลัง
หยางห้าวหรานเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับหลินลั่ว หยางห้าวหรานถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในโรงเรียนทัดเทียมกับเหลียนอี้หนิง
ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนเป็นลูกน้องของตงฟางเหอ
ตงฟางเหอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น “หลินลั่ว! ฉันถามหน่อยว่าเมื่อวานนายทำอะไรกับมังกรฉัน ?”
“ว่าไงนะ ? มังกรที่อึราดน่ะเหรอ ฮ่าฮ่า...”
เมื่อวานนี่ หลินลั่วใช้สกิลกับมังกรของเขา
ตอนที่เขาออกมาจากหอฝึกฝน มันเหมือนกับว่าหลินลั่วได้ใช้สกิลกับมังกรของเขา
ตอนนั้นเขาคิดว่ามันจะไม่ได้ผล ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าสกิลจะมาแสดงผลตอนที่อยู่นอกหอฝึกฝน
“หัวเราะอะไร !” ตงฟางเหอกัดฟันพูดขึ้น “บอกฉันมาว่าฝีมือนายรึเปล่า !”
สายตาของหลินลั่วเปลี่ยนไป เขาแสดงท่าทีเฉยเมยออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม ?”
“ดี ดี !” ตงฟางเหอกัดฟัน “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน !”
หลังจากที่พูดจบ ตงฟางเหอกับพวกก็เดินออกไปทันที สายตาของหลินลั่วดูเย็นชาขึ้นมา
“กล้าโจมตีฉันในหอฝึกฝน นี่ก็ยังมาขู่ฉันอีก ดูเหมือนว่าฉันจะปล่อยเขาไว้ไม่ได้...”
“หลินลั่ว” เหลียนอี้หนิงดึงชายเสื้อหลินลั่ว “นายอยากไปหาพ่อฉันมั้ย ยังไงซะ....ตงฟางเหอก็...”