ตอนที่ 69 : แวร์วูฟท้องเสียได้ยังไง
ตอนที่ 69 : แวร์วูฟท้องเสียได้ยังไง
จ้าวฉีเฉิงโบกมือพร้อมลมที่พัดกลิ่นเหม็นที่นั่นกระจายออกไป
“เรียกทุกคนมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หลินลั่วถามขึ้นมา “พวกคุณเป็นใคร ?”
เจ้าหน้าที่ข้าง ๆ จ้าวฉีเฉิงเอาเอกสารออกมาแสดงและพูดขึ้น “เราเป็นผู้พิทักษ์และเป็นผู้ปลุกพลัง เรามีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่”
“ผู้พิทักษ์ ?” คนคุ้มกันตระกูลเหลียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบหันไปมองทางซ้ายขวา
“ผมเป็นสมาชิกของตระกูลเหลียน ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ผมขอตัวก่อน !”
จ้าวฉีเฉิงและพวกปล่อยคนคุ้มกันตระกูลเหลียนไปโดยไม่ห้ามแม้แต่น้อย จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองหลินลั่วและถังเฉิง
“พวกนายคงเป็นผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่เพิ่งผ่านการสอบเข้ามหา’ลัย พวกนายบอกเราได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
ถังเฉิงรีบพูดขึ้นมา “ยังมองไม่ออกอีกเหรอ ? เราโดนพวกนอกกรีตโจมตี...”
หลินลั่วขัดขึ้นมา “เราถูกโจมตีโดยพวกนอกรีต ต้องขอบคุณลุงคนเมื่อกี้....มันคือเขาที่ทำให้เราฆ่าพวกนอกรีตทั้งสามคนได้”
“เขาน่ะเหรอ?” ผู้ปลุกพลังคนหนึ่งอึ้ง
เขาไปตรวจสอบศพของพวกนอกรีตทั้งสามคนก่อนที่จะคิ้วขมวด “หัวของแวร์วูฟโดนมีดตัดขาด แผลเรียบแต่ก็มีร่องรอยการบิด มันน่าจะถูกตัดโดยคนที่ใช้ขวานและอาวุธหนักอื่น ๆ ตอนที่กำลังหลบหนี”
“สภาพศพของผี13 นั้นหันหลังอยู่ ตัวกว่าครึ่งถูกพิษจากหนามพิษของต้นไม้กินคนของเสี่ยวม่าน”
“สำหรับตู้เสี่ยวม่านแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะโดนโจมตีจากด้านหลัง และตัดหัวขาดไป อาวุธดูคล้ายจะเป็นใบมีดลม ?”
“อย่าบอกนะว่าชายคนนั้นรู้จักสกิลใบมีดลมด้วย ?”
หลินลั่วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีใสซื่อ “คุณลุง พวกผมไม่เข้าใจ”
จ้าวฉีเฉิงมองไปที่หลินลั่วเพื่อมองหาพิรุธแต่ก็ไม่พบอะไร
เขาถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “งั้นพวกนายก็ไปได้แล้ว”
“ทุก ๆ ปี ก่อนและหลังการสอบเข้ามหา’ลัย พวกนอกรีตมักจะเคลื่อนไหว พวกนายควรอยู่ที่บ้านไม่ก็ในเมือง อย่าออกไปไหนเพียงลำพัง”
“เข้าใจแล้วครับ !” หลินลั่วและถังเฉิงตอบกลับ ก่อนจะรีบออกจากที่นั่น
“โอ้ ใช่สิ ยังมีอีกเรื่อง พวกนายมาลงชื่อกันไว้ พวกนอกรีตไม่ใช่คนธรรมดา พวกนายอาจจะถูกเรียกมาสอบสวนเรื่องนี้ต่อ”
“อีกอย่างแล้วถ้าพวกนายฆ่าพวกนอกรีต พวกนายก็จะได้รางวัล พวกนายจะได้รับข้อความแจ้งให้มารับรางวัลเมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้ว”
“ก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ” ถังเฉิงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น “รางวัล ? รางวัลอะไร ?”
จ้าวฉีเฉิงพูดขึ้นมา “เหรียญทองรึไอเท็มฟื้นฟู, ของที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ปลุกพลัง”
“...” ถังเฉิงพึมพำออกมา “ฉันได้ยินจากเหล่าหลี่ว่าการเงินของกิลด์ผู้ปลุกพลังน่ะดี ไม่รู้ว่าพวกเขาจะให้รางวัลอะไรกับเรา....”
จากนั้นทั้งสองคนก็พากันไปลงชื่อก่อนจะออกจากที่นั่น
จ้าวฉีเฉิงมองไปทางที่หลินลั่วและถังเฉิงเดินออกไป พร้อมกับครุ่นคิดไปตาม
“หัวหน้า เราจะไม่ตามไปเหรอ ?”
จ้าวฉีเฉิงส่ายหน้าและพูดขึ้น “ตู้เสี่ยวม่านอยู่ระดับกลาง ๆ ในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาล ฐานะของเธอน่ะสูงกว่าฉันซะด้วยซ้ำ !”
“เมื่อเธอเป็นคนนำทีมมา งั้นมันก็หมายความว่าไม่มีพวกนอกรีตคนอื่น ๆ มาอีก”
“งั้นเรา...” ,
“เอาศพของทั้งสามคนนี้กลับไปก่อน ตัวตนของตู้เสี่ยวม่านน่ะไม่ธรรมดา ยังมีผู้ปลุกพลังระดับอีปิคอยู่เบื้องหลังเธอ ให้หัวหน้าตัดสินใจเรื่องนี้ดีกว่า”
“อีกอย่างแล้วสามคนนี้ก็ตายอย่างแปลกประหลาด เราจะเอาศพพวกเขาไปตรวจสอบ”
“ได้ครับ หัวหน้า !”
ทั้งสามคนรีบทำการเก็บศพของพวกนอกรีตและกลับไปยังฐานผู้พิทักษ์
ถังเฉิงและหลินลั่วที่กำลังเดินทางกลับก็ยังพูดคุยกันไปด้วย
ถังเฉิงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “บอส พวกนั้นเป็นถึงผู้พิทักษ์เลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นพวกเขาตัวเป็น ๆ โคตรเท่เลย !”
“ผู้พิทักษ์ ?” หลินลั่วจำข่าวลือเกี่ยวกับผู้พิทักษ์และชื่อเสียงของพวกเขาได้บ้าง
พวกเขาเป็นผู้ปลุกพลังของทางการที่ถูกส่งมาประจำตามเมืองต่าง ๆ พวกเขามีอำนาจสูงส่ง บางเมืองยังถูกพวกเขาดูแลเลยด้วยซ้ำ
แต่ในเวลาเดียวกันสำหรับผู้ปลุกพลังทั่วไป โดยเฉพาะกับทางกิลด์ผู้ปลุกพลัง พวกเขาน่ะต่อต้านพวกผู้พิทักษ์
ในความเห็นของพวกเขาแล้ว ผู้ปลุกพลังนั้นควรจะเป็นอิสระ ทุกอย่างควรถูกตัดสินโดยกิลด์ผู้ปลุกพลัง
ดังนั้นทั้งสองกลุ่มจึงมักจะขัดแย้งกันบ่อย ๆ บางตระกูลถึงกับไม่พอใจทางพวกผู้พิทักษ์
“บอส !” ถังเฉิงพูดขึ้น “ที่พวกนอกรีตบอกว่าผู้เฒ่าพิษสนใจในตัวนาย นายคิดจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ?”
ผู้เฒ่าพิษนั้นคือ 1 ใน 13 ยักษ์ใหญ่ของกลุ่มผู้พิทักษ์รัตติกาล เขาเป็นถึงผู้ปลุกพลังระดับอีปิค
ด้วยสกิลพิษที่มี แม้แต่พวกผู้ปลุกพลังระดับตำนานก็ยังอาจจะตายได้
“ผู้เฒ่าพิษ ?” หลินลั่วยิ้มออกมา “นายจะไปกลัวอะไร ? เราอยู่ในเมืองปิ้นไห่ มันอาจจะมีพวกปลาซิวปลาสร้อยแอบเข้ามาได้ ทว่าผู้ปลุกพลังระดับอีปิคอย่างผู้เฒ่าพิษน่ะไม่มีทางลอบเข้ามาได้แน่ !”
“ก็จริง ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพวกนอกรีตที่มาหาเรา พวกมันคิดจะดึงนายเข้ากลุ่มด้วย น่าแปลกใจจริง ๆ”
ในการสอบแทบทุก ๆ ปี มันจะมีพวกนอกรีตเคลื่อนไหวเสมอ
ทั้งลอบสังหารพวกที่เป็นดาวเด่นในการสอบเข้ามหา’ลัย รึใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อดึงเด็ก ๆ เข้าร่วมองค์กรนอกรีต
ดังนั้นระหว่างการสอบในทุก ๆ ปี ผู้พิทักษ์และกลุ่มผู้พิทักษ์รัตติกาลจึงมัจะเกิดการต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย
“กลุ่มผู้พิทักษ์รัตติกาลโจมตีผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่เข้าร่วมการสอบเข้ามหา’ลัยมา ถ้าพวกนั้นไปหาเหลียนอี้หนิงล่ะ ?” หลินลั่วรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็พบกว่าเหลียนอี้หนิงส่งข้อความมาให้เขาก่อนแล้ว
“หลินลั่ว ฉันได้ยินจากคนคุ้มกันว่านายเพิ่งจะถูกพวกนอกรีตโจมตี นายเป็นอะไรรึเปล่า ?”
“ฉันไม่เป็นอะไร....” หลินลั่วตอบกลับ จากนั้นร่างของเขาก็หายไปกับความมืดมิดยามค่ำคืน
ที่ฐานของผู้พิทักษ์
ภายนอกแล้วกั้วโฉวยี่นั้นเป็นรองนายกเทศมนตรี ทว่าอันที่จริงแล้วตำแหน่งของเขาจริง ๆ คือหัวหน้าผู้พิทักษ์ประจำเมืองปิ้นไห่ เขาคือคนที่คอยสั่งการผู้พิทักษ์ทั้งหมดในเมือง
“หัวหน้า มีผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ทั้งหมด 35 คนที่โดนโจมตีในวันนี้ !”
“มี 7 คนที่ตายไป ส่วนที่เหลือปลอดภัยดี !”
“พวกนอกรีตตายไป 27 คน มี 11 คนที่บาดเจ็บหนักและโดนจับไว้ได้ ส่วนที่เหลือหนีไปได้ !”
“ตายไป 7.... ” กั้วโฉวยี่กำเอกสารในมือไว้แน่น
เขารู้ดีว่าผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่โดนฆ่าไปในทุก ๆ ปีนั้นล้วนแต่เป็นคนที่พวกนอกรีตให้ความสนใจ
บางคนปลุกพลังอาชีพที่พิเศษขึ้นมาได้และได้รับการประเมินค่าไว้สูง บางคนมีสกิลพิเศษ บางคนมีพรสวรรค์รึไม่ก็แข็งแกร่งผิดปกติ
มันจึงไม่ได้น่าแปลกใจที่ผู้ปลุกพลังที่โดดเด่นแบบนั้นจะได้รับความสนใจจากพวกนอกรีต
บังคับให้เด็ก ๆ เข้าร่วมองค์กร ไม่ก็ฆ่าเด็ก ๆ ทิ้งซะ !
“แล้วหลินลั่วล่ะ? มีอะไรผิดปกติกับทีมแชมป์ปีนี้รึเปล่า ?”
จ้าวฉีเฉิงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาได้พูดขึ้น “หัวหน้า หลินลั่วไม่ปกติแน่”
“พวกนอกรีตที่โจมตีเขาคือทีมที่นำโดยตู้เสี่ยวม่าน ทั้งสามคนเป็นผู้ปลุกพลังระดับทอง”
“ตอนนั้นมีคนคุ้มกันตระกูลเหลียนที่โดนขังไว้ในหมอกดำด้วย ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคือพวกนั้นกลับเป็นฝ่ายที่ตายไปเอง รวมถึงตู้เสี่ยวม่านด้วย”
“หือ ?” กั้วโฉวยี่สนใจขึ้นมา “ตายได้ยังไง ?”
“หลังจากที่ตรวจสอบมาแล้ว เราพบว่าแวร์วูฟหยางเซียง หยางเซียงนั้นตายด้วยขวาน นี่น่าจะเป็นฝีมือคนของตระกูลเหลียน”
“แต่เราพบว่าหยางเซียงนั้นท้องเสียรุนแรง หนักซะจน....ตอนที่สู้ก็ยังถ่ายไปด้วย”
“ท้องเสีย ?” กั้วโฉวยี่สีหน้าแปลกไป “หมายความว่าหยางเซียง....อึราดไปด้วยสู้ไปด้วยงั้นเหรอ ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้น...” จ้าวฉีเฉิงสีหน้าดูแปลกยิ่งกว่าเก่า “แต่...เราต่างก็รู้ว่าผู้ปลุกพลังแวร์วูฟรึพวกที่ปลุกพลังสายเลือดขึ้นมานั้นล้วนแต่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง”
“ไม่ว่าจะเป็นเนื้อดิบรึแม้แต่พิษ ทว่าน้ำย่อยพวกเขาก็เพียงพอที่จะจัดการได้ มันมีคนที่มีสายเลือดแวร์วูฟในหมู่ผู้พิทักษ์ด้วย แต่เราไม่เคยได้ยินว่าเขาเคยมีอาการท้องเสียเลย”
“ดังนั้น...”
“นอกซะจากว่าจะมีคนใช้สกิลทำให้หยางเซียท้องเสียจนทำให้เขาไม่อาจจะกลั้นอึได้ระหว่างที่สู้ สุดท้ายคนของตระกูลเหลียนจึงฆ่าเขาไปได้”
“ในหมูสามคนที่นี่ คนของตระกูลเหลียนป็นนักสู้ระดับทอง อีกสองคนเป็นผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ระดับ C อัศวินหิน”
“งั้นนายเลยสงสัยว่าเป็นฝีมือของหลินลั่วสินะ ?”
จ้าวฉีเฉิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเขาใช้หมอกพิษในหอฝึกฝนได้ตั้งแต่ชั้น 21 ถึง 25 งั้นการทำให้หยางเซียงท้องเสียได้นั้นคงไม่ใช่เรื่องยาก”
“อาการท้องเสีย...” กั้วโฉวยี่ขนลุก
เขาคิดออกว่าภาพมันจะออกมาเป็นแบบไหน แวร์วูฟที่กำลังสู้อย่างคึกคักกลับปวดท้องจนอึราดออกมาไม่หยุด
แค่คิด...ก็รับไม่ได้แล้ว
“แล้วมีอะไรอีก ?” กั้วโฉวยี่ถามต่อ
จ้าวฉีเฉิงตอบกลับ “ส่วนผี-13 ตายด้วยฝีมือตู้เสี่ยวม่าน เขาโดนพืชพิษกินไปครึ่งตัว”
“ถ้าเข้าใจไม่ผิด ผมสงสัยว่าหลินลั่วน่ะจะเป็นนักบวชทมิฬ”
“นักบวชทมิฬ ?” กั้วโฉวยี่พึมพำออกมาเบา ๆ “นักบวชทมิฬเด่นในเรื่องควบคุมและทำให้ศัตรูอ่อนแอลง มันคล้ายกับที่นายคาดเดาเอาไว้ก็จริง”
“แต่การตายของตู้เสี่ยวม่านนั้นทำให้ผมแปลกใจยิ่งกว่า” จ้าวฉีเฉิงยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “ตู้เสี่ยวม่านโดนฆ่าจากด้านหลัง !”
“เธอโดนตัดหัว แผลนั้นเรียบไม่มีรอยอื่น มันเกิดขึ้นจากใบมีดลมไม่ก็นักดาบที่มีทักษะสูงใช้ดาบตัดหัวของเธอโดยไม่ลังเล !”
กั้วโฉวยี่คิ้วขมวด “ลอบโจมตี ? นักดาบ ? รึว่าหลินลั่วจะมีสกิลโจมตีแบบนั้นด้วย ? รึว่ามีคนอื่นในหมอกดำนั่นด้วย ?”
จ้าวฉีเฉิงส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีคนอื่นอยู่ในหมอกดำนั่นด้วย”
“แต่ผมกังวลเรื่องอื่นมากกว่า”
“เรื่องอะไร ?”
“ตู้เสี่ยวม่านเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับผู้เฒ่าพิษ มันจะ..”
“หึหึ ผู้เฒ่าพิษไม่กล้ามาที่เมืองปิ้นไห่หรอก ถ้าเขากล้ามาจริง ๆ ฉันนี่และที่จะเป็นคนตัดขาเขาเอง !”
“หัวหน้านี่สุดยอดจริง ๆ !” จ้าวฉีเฉิงออกปากชม “งั้นหลินลั่ว...”
“รอดูวันพรุ่งนี้ก่อน ฉันอยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะรับมือกับการสู้แบบเดี่ยวยังไง ?” กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมา “เด็กนี่น่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ ....”