ตอนที่ 390
ตอนที่ 390
หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เต๋าซุนก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาจะไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองโดยตรงและยึดมรดกมาเลยดีไหม ? แต่นั่นก็ดูเปิดเผยจุดประสงค์มากเกินไป
เขาเพิ่งมาถึงทวีปทางเหนือและไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกับอาณาจักรสังหาร
และตอนนี้ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำเกี่ยวกับมรดกของไข่มุกสังหารวายุ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น
“ปล่อยข้าได้แล้วรึยังอ่ะ” ชายหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจ
“จู่ๆ ข้าก็นึกเสียใจ ข้าควรทำอย่างไรดี” เต๋าซุนถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้า !!” ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของเขาไม่แน่นอน
ในที่สุดก็พูดว่า: "เจ้าอยากเป็นศัตรูกับเทือกเขาว่างเปล่าของข้าจริงๆรึ ?"
“ไม่ถึงขนาดนั้น” เต๋าซุนกล่าวพร้อมส่ายหัว
“ตอนนี้มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ข่าวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตคู่หู ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าก็อาจจะไปเปิดเผยข่าวเรื่องนี้ต่อได้ และอีกอย่างถ้าสิ่งที่เจ้าบอกมันไม่ใช่ความจริงล่ะ ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน ชายหนุ่มก็เงียบไปครู่หนึ่ง
เขาเองก็เคยมีความคิดนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาหามันไม่พบจริงๆ นั้นก็ยิ่งเป็นการทำให้น้ำขุ่นมากขึ้นอีก
“แล้วต้องทำยังไงเจ้าถึงจะเชื่อข้า” ชายหนุ่มยังคงถามต่อ
“ข้าจะผนึกอาคมไว้ในร่างกายของเจ้า แล้วเจ้าก็ตามข้ามา
เจ้าจะสามารถจากไปได้หลังจากที่เรื่องในคฤหาสน์เจ้าเมืองเสร็จสิ้นแล้ว "
เต๋าซุนได้ตอบกลับ
ชายหนุ่มดูดิ้นรนและลังเลอยู่นาน
ในที่สุด เขาก็มองไปที่ เต๋าซุน และพูดว่า "เจ้าห้ามนึกเสียใจอีกเด็ดขาดเชียว"
“ข้าไม่รับปาก แต่เจ้ามีทางรึ ? ถ้าเจ้าไม่ยอม ข้าก็จะฆ่าเจ้า”
เต๋าซุนได้ตอบกลับ
“นอกจากนี้ ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูของเทือกเขาว่างเปล่าโดยไม่มีเหตุผล ข้าแค่ต้องการทำหน้าที่ให้บรรลุเท่านั้น”
“ตกลง” ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าชื่อ ซือถูหยุนเฟย”
“เป็นแซ่ที่ซับซ้อน ดูเหมือนว่าสถานะของเจ้าในเทือกเขาว่างเปล่าจะไม่ต่ำต้อยสินะ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เทือกเขาว่างเปล่าเป็นหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้าม และ เต๋าซุน ก็รู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับมัน
ที่นั่นมีสมาชิกหลายแซ่ และแซ่ของชายหนุ่มคนนนี้ก็คือกองกำลังหลัก
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก
-
เต๋าซุนหันศีรษะของเขาไปมองกั้วเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆซึ่งหวาดกลัวและสลบไปแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย และท้องฟ้าสีขาวทางทิศตะวันออกก็เปลี่ยนเริ่มส่องแสง
กั้วเสี่ยวหยุนตื่นจากอาการสลบและมองเต๋าซุนที่อยู่ตรงหน้านาง
ทันใดนั้น นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและถามว่า "พี่ชาย ปู่ของข้าอยู่ที่ไหน"
“ปู่ของเจ้าตายไปแล้ว” เต๋าซุนตอบ
“เขาถูกชายชุดดำฆ่ารึ?” กั้วเสี่ยวหยุน ถามอย่างเศร้าใจ
“ไม่ จริงๆแล้วปู่ของเจ้าป่วยหนักและเสียชีวิตไปนานแล้ว
ชายชุดดำเพียงยืมร่างของเขาก็เท่านั้น ”
เต๋าซุนส่ายหัวแล้วตอบ
“ตายแล้ว….” กั้วเสี่ยวหยุนนอนอยู่บนเตียง ดวงตาของนางหมองคล้ำ และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“ช่วงนี้เจ้าควรสงบสติอารมณ์ไปก่อน จากนั้นก็ค่อยเริ่มต้นชีวิตใหม่” เต๋าซุนกล่าว
“ท่านปู่ไม่อยู่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าข้าควรทำอะไรต่อ” กั้วเสี่ยวหยุนตอบอย่างช่วยไม่ได้
“เจ้าอยากฝึกตนหรือไม่?” เต๋าซุนถาม
“ฝึกตน หรอเจ้าคะ?” เมื่อได้ยินสองคำนี้ กั้วเสี่ยวหยุน ก็สะดุ้งและตัวแข็งทันที
สำหรับคนธรรมดาส่วนใหญ่ในทวีป A
การฝึกบ่มเพาะดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว แต่ก็ห่างไกล
บนเส้นทางแห่งการฝึกตนนั้น ทรัพยากรและจิตใจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หลายคนต่างก็ไม่อาจไปถึงสวรรค์ได้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบข้าตอนนี้ คิดให้รอบคอบก่อนก็ได้” เต๋าซุนกล่าว
-
ในวันต่อมา เต๋าซุนและซือถูหยุนเฟยก็อยู่ที่เมืองไร้ความกลัว
พวกเขาวางแผนที่จะไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองกับกั้วเสี่ยวหยุน ท้ายที่สุดกั้วเสี่ยวหยุนก็มีโอกาสที่จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เต๋าซุนได้เห็นคนหน้าใหม่มากมายในเมือง
ดูเหมือนว่ากองกำลังหลายกลุ่มจะมารวมตัวกันที่นี่เป็นพิเศษ
สิ่งนี้ช่วยไม่ได้ และเต๋าซุนก็สงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการเปิดเผยผู้สืบทอดมรดกของเจ้าเมือง
“เจ้ารู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตคู่หูของไข่มุกสังหารวายุได้อย่างไร” เต๋าซุน มองไปที่ ซือถูหยุนเฟย และถาม
“เมื่อมรดกที่เป็นสิ่งมีชีวิตคู่หูปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าก็เข้าร่วมและต่อสู้เพื่อชิงมันด้วย
แต่เจ้าเมืองแห่งเมืองไร้ความกลัวนั้นเป็นผู้ได้มันไปในที่สุด” ซือถูหยุนเฟยกล่าว
“แต่ข้ามีหนังสือเกี่ยวกับมรดกนั้น
ในนั้นมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตคู่หูไข่มุกสังหารวายุ ”
“บันทึกนั้นอยู่ที่ไหน” เต๋าซุน ถาม
“ข้าเกรงว่าคนอื่นจะรู้และมันอาจจะถูกทำลายได้หลังจากถูกอ่านแล้ว” ซือถูหยุนเฟยตอบ
“นอกจากการพูดถึงสิ่งมีชีวิตคู่หูแล้ว มีอะไรอีกบ้างในหนังสือเล่มนั้น?” เต๋าซุน ถามต่อไป
“มีข่าวเกี่ยวกับไข่มุกวิญญาณอีกสี่เม็ดหรือไม่ ?”
“ไม่เลย” ซือถูหยุนเฟยส่ายหัวแล้วพูด
“มรดกนั้นถูกทิ้งไว้โดยผู้อาวุโสคนหนึ่ง
ย้อนกลับไปตอนนั้น หลังจากที่เขาได้รับสิ่งมีชีวิตคู่หูของไข่มุกสังหารวายุ เขาก็ถูกโจมตีโดยศัตรูที่แข็งแกร่ง
เขาเสียชีวิตในถ้ำก่อนที่จะพบไข่มุกสังหารวายุ
ต่อมา ถ้ำก็ถูกเปิดออก และเจ้าเมืองก็เอาสิ่งมีชีวิตคู่หูไป ”
เต๋าซุนพยักหน้าเล็กน้อย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กั้วเสี่ยวหยุนก็ตัดสินใจได้และยืนยันที่จะฝึกบ่มเพาะ
เต๋าซุนที่เห็นเช่นนั้นก็สุ่มหาวิชาบ่มเพาะที่ค่อนข้างดีและมอบให้อีกฝ่าย
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา วันนี้ก็เป็นวันที่คฤหาสน์เจ้าเมืองเลือกผู้สืบทอด
เต๋าซุน และ ซือถูหยุนเฟย แกล้งทำเป็นพี่ชายของ กั้วเสี่ยวหยุน และเตรียมที่จะติดตามนางไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมือง
ผู้ครองเมืองแห่งเมืองไร้ความกลัวชื่อ หลู่หยานกุ่ย และว่ากันว่าเขาเป็นตัวตันแข็งแกร่งที่อยู่จุดสูงสุดในอาณาจักร
ที่ตั้งของคฤหาสน์เจ้าเมืองอยู่ค่อนข้างห่างไกล
ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองไร้ความกลัว แต่อยู่ที่มุมทางตอนเหนือของเมือง
เมื่อ เต๋าซุน และ ซือถูหยุนเฟย มาพร้อมกับ กั้วเสี่ยวหยุน ที่นี่
เขาก็พบว่าคฤหาสน์ที่นี่ไม่ได้สวยงามขนาดนั้น
ผนังด้านนอกคฤหาสน์ทำจากอิฐสีแดงและกระเบื้องสีเขียว และมีต้นไม้หลายต้นปลูกอยู่รอบๆ
ผู้คนหลายสิบคนมารวมตัวกันที่หน้าประตู
มีทั้งชายและหญิง สันนิษฐานว่าพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อรับมรดก
แม้ว่าสภาพการเกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดจะค่อนข้างหายาก แต่หลังจากขยายขอบเขตแล้วก็ยังมีคนอยู่บ้าง
ในขณะนี้ เด็กชายและเด็กหญิงเหล่านี้ต่างก็ดูตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ขึ้นสู่ท้องฟ้าในก้าวเดียว!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นชายชราสวมเสื้อคลุมสีเขียวเดินออกจากคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
“ทุกคน ให้ข้าแนะนำตัวสั้นๆ ข้าเป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์เจ้าเมืองไร้ความกลัว พวกเจ้าเจ้าสามารถเรียกข้าว่าพ่อบ้านโม่ได้”
ชายชรามีผมหงอกที่ขมับก็พูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“พ่อบ้านโม่ โปรดดูแลพวกเราด้วย” ทุกคนรอบตัวกล่าวทักทายอย่างเร่งรีบ
“เอาล่ะ ข้าก็ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเจ้าเมือง ข้าจะอธิบายกฎคร่าวๆให้ฟัง”
ชายชรากล่าว " เงื่อนไขที่ว่าผู้สืบทอดมรดกจะต้องเกิดในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดนั้นเป็นเพียงเงื่อนไขเบื้องต้น
ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เกิดวันนี้จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดก
และพวกเจ้าก็มีอยู่ด้วยกันหลายคน แต่มรดกจะมอบให้นั้นสามารถมอบให้ได้เพียงคนเดียว ”
“พวกเราทราบแล้วขอรับ พ่อบ้านโม่เชิญอธิบายต่อได้เลย ”เด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ก็ไกลพยักหน้าและพูด
“จริงๆ แล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์อะไร ทุกคนจะได้ลองดูเมื่อถึงเวลา
ใครก็ตามที่สามารถสืบทอดมรดกได้ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นบุตรบุญธรรมของท่านเจ้าเมือง”
พ่อบ้านโม่หยุดชั่วคราวและพูดช้าๆ
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องอธิบายล่วงหน้าก่อน
การสืบทอดมรดกนั้นมีความเสี่ยง และท้ายที่สุดแล้วมีเพียงผู้ที่ได้รับการยอมรับจากมรดกเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้
ส่วนคนที่เหลือ…. ต้องตาย
โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนอื่นรอดไปได้อีกนอกจากผู้สืบทอด ”