ตอนที่แล้วตอนที่ 351 ทางเลือกใหม่ การแยกตัวของซูหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 353 สูญเสียอย่างหนัก

ตอนที่ 352 ถูกปิดล้อม (ฟรี)


ตอนที่ 352 ถูกปิดล้อม

ตอนนี้ซูหยางเตรียมตัวพร้อมแล้ว และประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เขาจึงใช้เจตจำนงทองคำ 100 ดวงเพื่อผสานกฎแห่งการสำรวจ

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็มองไปที่ฟางฮัน และคนอื่นๆ

“สหาย ข้าคงต้องขอตัวก่อน เราคงต้องแยกกันตรงนี้แล้ว”

ฟางฮัน และอีกสามคนตกตะลึง รู้สึกงุนงงเล็กน้อยว่าทำไมซูหยางจะจากไปเร็วนัก

แต่พวกเขาไม่ได้ถามสิ่งใด ทุกคนต่างมีสิ่งที่ต้องทำแตกต่างกันไป

เมื่อซูหยางเลือกจากไป นั่นหมายความว่ามีบางสิ่งที่สำคัญกว่า

หากถามอะไรออกไป พวกเขาก็อาจไม่ได้รับคำถาม

งั้นไม่พูดถึง จะเป็นการดีกว่า

นั้นจะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องอึดอัดใจด้วย

ดังนั้นฟางฮันจึงพูดขึ้นว่า "ในระหว่างที่เจ้าเข้าร่วมกลุ่ม เราเก็บเกี่ยวผลึกระดับต่ำได้ 8 ก้อน หากแบ่งเท่าๆ กัน เจ้าจะได้ 2 ก้อน"

“เจ้าต้องการผลึกอมตะหรือผลึกกฎเต๋า?”

ซูหยางคิดอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าผลึกกฎเต๋าจะดี และดูเหมือนจะมีค่ามากกว่าผลึกอมตะ แต่เขาก็ต้องการผลึกอมตะมากกว่า

ผลึกอมตะใช้สร้างดาวเคราะห์ชีวิต และดาวเคราะห์ชีวิตให้กำเนิดเจตจำนงทองคำอย่างต่อเนื่อง

นั้นจะเป็นทรัพยากรที่ยั่งยืน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าดีกว่าผลึกกฎเต๋า และเป็นที่ต้องการของเขามากกว่า

“ผลึกอมตะ 2 ก้อน”

"ตกลง"

ฟางฮันตอบตกลง และหยิบผลึกอมตะสองก้อนออกมาแล้วมอบให้ซูหยาง

จริงๆ แล้วถ้าใครในกลุ่มถอนตัวออกไปกลางคัน

ส่วนแบ่งทรัพยากรจะลดลง และไม่สามารถเลือกเองได้ด้วยซ้ำว่าจะเลือกอะไร

แต่ฟางฮันตั้งใจจะผูกมิตรกับซูหยาง

เฉิงปิง และหลู่หยูก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้

การที่พวกเขาได้รับผลึกกฎเต๋า และผลึกอมตะรวมถึง 8 ก้อนในเวลาเพียง 10 วัน ซูหยางก็มีส่วนร่วมอย่างมาก

"ขอบคุณ"

“แต่เจ้าต้องระวังเมื่อออกเดินทางคนเดียว ถ้ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็พยายามหนีซะ อย่าเข้าไปพัวพัน เพราะเจ้าได้ทำให้อสูรอมตะจำนวนมากขุ่นเคือง”

"ข้าเข้าใจดี"

ซูหยางยกมุมปาก แก้แค้นเหรอ?

เขายินดีรับ เขาไม่เคยกลัวการแก้แค้นของศัตรู

ไม่ว่าใคร หากทำลายร่างโคลนของเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพง

เมื่อร่างโคลนถูกทำลาย ผู้ที่ฆ่าเขาจะถูกปล้นโชคเป็นจำนวนมาก

เขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นพลังแห่งกฎเดียวกัน ทำไมมันถึงมีความแตกต่าง

บางทีนี่อาจเป็นพลังที่เกิดจากการแลกด้วยชีวิต

ซูหยางถือผลึกอมตะระดับต่ำ 2 ก้อน ขัดเกลาพวกมันโดยตรง และเพิ่มดาวเคราะห์ชีวิตอีกสองดวง

การปรับปรุงนี้แทบไม่เห็นความต่าง หากต้องการให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เขาต้องมีผลึกอมตะอย่างน้อยหนึ่งพันก้อน

ในขณะนี้ ซูหยางเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าทรัพยากรล้ำค่าที่ผู้อาวุโสของวิหารโกลาหลมอบให้เขานั้นมีค่ามากเพียงใด

ผลึกอมตะนับหมื่น ผลึกกฎเต๋านับร้อย

มันทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของการมีกองกำลังใหญ่หนุนหลัง

มันช่วยเหลือเขาได้มากจริงๆ

ด้วยได้รับทรัพยากรมากมายในช่วงต้น มันช่วยให้เขาสามารถทำอะไรได้มากขึ้นจากความแข็งแกร่งที่สูงพอ

จากสิ่งที่เกิดในสมรภูมิเอกะเนตร สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน หากเขาไม่ได้รับทรัพยาเหล่านั้น เขาก็คงไม่สามารถใช้พลังแห่งโชค และคำสาปได้

ส่วนความปลอดภัยของร่างหลัก คงไม่มีศัตรูคนใดฆ่าเขาได้ หากเขาไม่ออกไปไหน

นั้นช่วยเขาได้มากจริงๆ

หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะตอบแทนวิหารโกลาหลอย่างแน่นอน

หลังจากกล่าวอำลาฟางฮัน และคนอื่นๆ แล้ว ซูหยางก็ออกจากที่แห่งนี้ไป

เมื่อจากไป ซูหยางมองไปที่ความว่างเปล่ารอบตัว

น่าเสียดายที่กฎแห่งการสำรวจที่เขาฝึกฝนนั้นมุ่งเน้นไปที่การค้นหาในพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นหลัก และมันค่อนข้างยากที่จะใช้ตรวจจับอสูรอมตะที่มีทักษะปกปิด

อย่างน้อยเขาก็ไม่สามารถหาอสูรอมตะแม้แต่ตนเดียวที่ซ่อนอยู่รอบตัวได้

แต่นั่นไม่สำคัญ เขาจะฝึกฝนกฎข้ออื่นที่ใช้กับเรื่องนี้ในภายหลัง เมื่อถึงตอนนั้น หากทักษะปกปิดของอีกฝ่ายไม่ดีพอ ก็ไม่มีทางหนีพ้นจากสายตาของเขาไปได้

จะไม่มีใครซ่อนตัวจากเขาได้อีก

ทันทีที่เขาจากไป ผู้ฝึกฝน และอสูรอมตะที่อยู่รอบๆ ก็รับรู้ได้ในทันที

“เขาจากไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นเรื่องดี แต่ทำไมเขาจึงเลือกที่จะจากไปในตอนนี้?”

“ช่างเถอะ อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกลัวจะต้องตกเป็นเป้าหมายของเขา”

นี่คือ ปฏิกิริยาของฝั่งผู้ฝึกฝน

ทางฝั่งอสูรอมตะ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง และทุกคนเต็มไปด้วยจิตสังหาร

พวกเขาต้องการฆ่าซูหยางมานานแล้ว

ตอนนี้ โอกาสก็มาถึงในที่สุด

ชิงมู่ควบคุมกระจก และเฝ้าดูซูหยางออกมาจากพื้นที่ใจกลางป่า

“แค่สิบวัน โอกาสที่ข้าต้องการก็มาถึงแล้ว”

“เยี่ยมมาก ถ้าต้องรอถึง 100 ปี ข้าอาจจะทนไม่ไหว และเลือกที่จะยอมแพ้”

“สำหรับตอนนี้ ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว”

รูม่านตาแนวตั้งบนใบหน้าของชิงมู่กำลังสั่นไหว และมุมปากของเขาก็ยกขึ้น เขาดูตื่นเต้นมาก

ใช่ เขารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ

โอกาสแก้แค้นมาถึงแล้ว

ชั่วขณะหนึ่ง คลื่นใต้น้ำพวยพุ่งสูงขึ้นในสมรภูมิเอกะเนตร เหล่าอสูรอมตะได้วางแผนไว้แล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ปิดล้อมรอบตัวซูหยางอย่างเงียบๆ

เช่นเดียวกับตาข่ายขนาดยักษ์ที่หดตัวลงเรื่อยๆ ซูหยางจะไม่มีวันหนีรอดออกไปได้

หลังจากออกจากพื้นที่ใจกลางป่า ซูหยางก็สุ่มทิศทางที่จะก้าวไปข้างหน้า

ในเวลาเดียวกัน เขาได้กระตุ้นพลังแห่งกฎใหม่ ‘ตาข่ายสวรรค์’ ที่เขาเพิ่งเชี่ยวชาญ!

มันครอบคลุมระยะทางหลาย 30 ล้านลี้ และสามารถรับรู้ความผันผวนของพลังงานที่เกิดขึ้นภายในช่วงนี้ได้อย่างรอบคอบ

ระยะนี้กว้างมาก มากกว่าขอบเขตการรับรู้ที่เขาปลดปล่อยออกมาได้นับพันเท่า

ข้อเสียคือ ถ้าทรัพยากรซ่อนอยู่ลึกเกินไปก็อาจจะพลาดได้

แต่จากข้อมูลที่เขาได้รับ

แม้ว่าความผันผวนของพลังงานจะไม่มาก แต่ก็มีทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ไม่น้อย

เพียงว่าหลังจากที่ผู้ฝึกฝนเข้าสู่สมรภูมิเอกะเนตร ขอบเขตการรับรู้ก็ถูกลดทอนลงหลายเท่า

ไม่มีใครเลือกที่จะค้นหาไปทั่ว

นั่นเป็นเหตุผลที่ซูหยางเลือกความสามารถที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบพื้นที่ขนาดใหญ่ได้

เมื่อเขาผสานกฎอื่นๆ เข้าไปเพื่อมองผ่านวิธีปกปิดในอนาคต ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็จะหายไป

ทันทีที่ตาข่ายสวรรค์ถูกกระตุ้น ซูหยางก็ได้พบเจอบางอย่าง

แต่มันไม่ใช่ทรัพยากร แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นทรัพยากรเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว อสูรอมตะคือโชค และผลึกอมตะเดินได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นทรัพยากร

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็เป็นของดีที่เขาต้องการ

“พวกเขากล้ากลับมาแก้แค้นจริงๆ แต่ก็เข้าใจได้นอกจากปล้นโชคแล้ว ข้ายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งใดๆ เลย”

ซูหยางเข้าใจในทันทีว่าทำไมอสูรอมตะจึงรวมตัวกันกลับมาแก้แค้น

จริงๆ แล้วถ้านี่คือร่างหลักของเขา มันอาจดูอันตรายไปหน่อย

เมื่อลองคิดว่า ซูหยางก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้โง่

นอกจากนี้ยังฉลาดมากด้วย และรู้ว่าจะต้องรอจนกว่าเขาจะออกจากจุดที่ผู้ฝึกฝนมารวมตัวกันก่อนถึงจะเลือกลงมือ

ปิดล้อมโดยไม่มีจุดบอด

ในเวลานี้อาจกล่าวได้ว่าเขาต้องตายอย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายนี่เป็นเพียงโคลน ไม่ใช่ร่างหลัก ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเลย และเขาจะทำให้ศัตรูเหล่านี้ต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน

“ในเมื่อเจ้าต้องการโจมตีข้า ข้าก็จะรอ อย่างทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

ซูหยางไม่ได้เดินทางไปไหนต่อ และรออยู่ที่นี่

หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางก็ถูกล้อมรอบไปด้วยอสูรอมตะถึง 23 ตน

ในหมู่พวกเขามีอสูรอมตะถึง 6 ตนที่เป็นถึงจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง

พวกเขาล้วนเป็นอสูรอมตะตาเดียวที่มีตาข้างเดียว และมีรูม่านตาแนวตั้ง

ซูหยางเหลือบมองผ่านทุกคนเพื่อดูโชคที่ล่องลอยอยู่เหนือหัว

อสูรอมตะที่มีโชคหนาแน่นที่สุดมีเมฆแห่งโชคสีเขียวที่กว้างถึง 30 ฟุต

ซูหยางล็อคเป้าหมาย และเขาจะพยายามให้ตนตายด้วยน้ำมือของอสูรอมตะตนนี้

การปล้นโชคหลังตายรุนแรงมาก และจะสามารถนำผลประโยชน์สูงสุดมาสู่ตัวเขาได้

เมื่อมาถึง อสูรอมตะตนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า "การปล้นโชคของคนอื่นนั้นน่ารังเกียจอย่างยิ่ง เจ้าจะต้องถูกลงโทษ"

ซูหยางเยาะเย้ย "ต้องถูกลงโทษงั้นเหรอ น่าขัน ข้าไม่เคยได้ยินว่าต้องได้รับผลกรรมใดๆ มีแต่พวกเจ้าที่มุ่งเป้ามาที่ข้าเท่านั้นที่ต้องจ่ายราคาแสนสาหัส"

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวเราก็จะได้รู้กัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด