ตอนที่แล้วตอนที่ 22 อาหารเช้าเป็นเรื่องสนุก  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 รอจนทันเวลา

ตอนที่ 23 การโอ้อวดของฮงเหมย


ตอนที่ 23 การโอ้อวดของฮงเหมย

ซ่งลุ่ยยิ้มอย่างเขินอายและตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“จริงเหรอ ถ้างั้นฉันมาทุกวันเลยนะ แค่เธอไม่คิดว่าฉันรบกวนเธอก็ดีแล้ว !”

“มาทำไม ฉันกลัวว่านายจะเบื่ออาหารที่ฉันทำซะก่อน”

เมื่อซ่งลุ่ยได้ฟัง เขาก็รีบตอบด้วยความซื่อสัตย์จากใจ

“ฉันแน่ใจว่าจะไม่เบื่ออย่างแน่นอน ให้กินไปจนชั่วชีวิตก็ไม่เบื่อ กินไปหลาย ๆ ชาติก็ยังไม่เบื่อเลย !”

หลินหลินค่อย ๆ ยิ้มออกมาและมองไปที่ซ่งลุ่ยแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “นายนี่ปากหวานจริง ๆ !”

พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและเก็บจานบนโต๊ะกินข้าว เมื่อซ่งลุ่ยเห็น เขาก็รีบลุกขึ้นเพื่อดึงหลินหลินให้หยุดและนั่งบนเก้าอี้แล้วพูดกับหลินหลิน “เธอนั่งให้สบายเถอะ เธอเป็นคนทำแล้ว ฉันจะเป็นคนเก็บจานไปล้างเอง !”

หลินหลินได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น เธอก็ไม่ยอมและต้องการที่จะแย่งซ่งลุ่ยทำ แต่ก็ถูกซ่งลุ่ยบังคับให้หลินหลินนั่งที่เก้าอี้แล้วพูดกับเธอว่า “เธอไม่เชื่อฟังฉันอีกแล้วใช่มั้ย ! เธอคงไม่อยากให้ฉันลงโทษเธอด้วยวิธีแบบนั้นหรอก !” พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาเป็นครึ่งวงกลมคล้ายจะจับหน้าอกของเธอและมองดูหลินหลินด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา

หลินหลินเห็นซ่งลุ่ยทำมือแบบนั้น เธอก็รีบเอามือมาปิดหน้าอกของเธอและมองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ไม่ ไม่ ไม่เอาแล้ว ไม่ดื้อแล้ว นายจะทำอะไรแบบไหนแล้วแต่นายเลย !”

เมื่อซ่งลุ่ยเห็นหลินหลินทำท่าทางนี้ ซ่งลุ่ยก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาจึงย้ายสิ่งของบนโต๊ะไปในครัวและเริ่มล้าง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ล้างเสร็จและเดินออกมาจากในครัว เขามองหลินหลินที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกทำให้เขามีความสุขมาก เขาเตรียมที่จะกำลังจะพูด แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นเวลาอย่างไม่ตั้งใจ เขากำลังจะเข้างานช้าแล้ว ! เขาจึงพูดกับหลินหลินอย่างรวดเร็ว

“ไว้คุยกันนะ ฉันสายแล้ว ขอตัวไปก่อนนะ” พูดจบก็ไม่รอให้หลินหลินตอบกลับ รีบเดินออกไปที่ประตูห้องทันที

หลินหลินมองไปที่ซ่งลุ่ยซึ่งกำลังรีบออกไป เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและตะโกนไปในทิศทางที่ซ่งลุ่ยกำลังไป “ตอนเที่ยง นายจะมาทานข้าวด้วยไหม ฉันจะได้ทำข้าวให้นายกิน !”

ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะได้ยินเสียงของซ่งลุ่ยที่ตอบกลับมาช้างไม่ชัดเจน “โอเค รู้แล้ว ! ฉันจะมา !”

หลังจากหลินหลินได้ยิน เธอก็ยิ้มหวานและหมุนตัวหันกลับเข้าไปในห้อง ซ่งลุ่ยรีบวิ่งไปที่ประตูห้องทำงาน เปิดประตูสำนักงานอย่างลนลานและปิดประตูอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หายใจหอบแฮก ๆ พักจนผ่อนคลายสักครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมามองในห้องทำงาน โชคดีที่เขายังมาไม่สาย !

ซ่งลุ่ยเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน เขาเริ่มคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับแผนการของวันนี้ เขารู้สึกว่าเขาควรไปที่นั่นก่อนและดูสถานการณ์ของอีกฝ่าย เพื่อดูพื้นฐานและนิสัยใจคอของคนหนีหนี้เหล่านี้ว่าเป็นอย่างไร

ซ่งลุ่ยคิดอย่างรอบคอบและรู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้เลยทีเดียว ก่อนอื่นให้ไปที่บ้านเช่าด้วยตัวเองแล้วดูว่าสถานการณ์เป็นยังไง หลังจากนั้นก็ค่อยมาตัดสินว่าจะใช้วิธีไหนต่อ แต่ว่าซ่งลุ่ยยังคงรู้สึกว่าควรหาใครสักคนมาให้คำแนะนำ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาค่อนข้างจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ ถึงอย่างไรก็ตามถ้าใช้คำแนะนำจากคนอื่นมาตัดสินใจก็ยังหลีกเลี่ยงความเลินเล่อและช่องโหว่ได้ แต่ว่าคนที่เขาเลือกก็มีอยู่แล้วในใจ ตอนนี้ไม่ไปหาเธอก็คงจะไม่ได้แล้ว ! สุดท้ายแล้วก็ต้องใช้ประโยชน์จากเธอให้ช่วยเหลือในเรื่องสำคัญ !

ซ่งลุ่ยที่คิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหาฮงเหมย รอสายไม่นานก็มีคนรับ เสียงที่มีเสน่ห์ดังออกมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์

“ฮัลโหล ใครน่ะ ?”

ซ่งลุ่ยตกใจจนสะดุ้งโหยง ทันใดนั้นเหงื่อเม็ดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาจากนั้นก็ได้สติกลับมา

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซ่งลุ่ย เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือกับปลายสายอีกด้านว่า “ฮงเหมย ฉันเอง ฉันซ่งลุ่ย !”

ฮงเหมยที่อยู่ปลายสายพอได้ยินเสียงของซ่งลุ่ย ทันใดนั้นเธอก็ตอบกลับซ่งลุ่ยด้วยเสียงที่มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น “ที่แท้ก็ซ่งลุ่ยนี่เอง ว่ายังไงล่ะ ? มีเรื่องอะไรเหรอ !”

“เอ่อ เนื่องจากที่ประธานจางให้ฉันไปเก็บค่าเช่า ฉันมีความคิดใหม่คืออยากจะให้เธอช่วยให้คำแนะนำฉันหน่อย เธอว่างตอนไหนบ้างเหรอ ฉันจะไปหาเธอ”

ฮงเหมยที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์หยุดคิดอะไรบางอย่าง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดกับซ่งลุ่ยว่า “นายมาที่นี่ตอนนี้เลย ฉันเพิ่งเข้างานพอดียังไม่มีงานอะไร ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องทำงาน นายมาหาฉันได้เลย !”

สีหน้าของซ่งลุ่ยแสดงสีหน้าเหมือนว่าการคาดการณ์ออกมานั้นถูกต้อง กลัดกลุ้มอยู่ภายในใจ แต่เขากลับตอบกลับฮงเหมยด้วยน้ำเสียงเบิกบานใจ “เยี่ยมไปเลย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบก็ไม่รอให้ฮงเหมยตอบกลับ เขาแกล้งทำเป็นรีบร้อนแล้ววางสายไป !

หลังจากนั้นซ่งลุ่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ คิดอยู่ภายในใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับฮงเหมยจะต้องชัดเจนและมีหลักการณ์ ไม่สามารถที่จะทำเป็นก้อร่อก้อติกอีกต่อไปได้ หลังจากคิดอยู่ภายในใจ เขาก็ตัดสินใจและลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปที่ห้องทำงานของฮงเหมย !

ซ่งลุ่ยเดินไปที่ประตูห้องทำงานของฮงเหมย เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาและถอนหายใจยาว ๆ ออกมา ตบหน้าของเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูไม่แข็งทื่อ เขามองดูท่าทางของตัวเองอีกครั้ง แล้วเคาะประตูห้องทำงานของฮงเหมย ไม่นานก็มีเสียงลอดออกมาจากในห้อง “เข้ามา !” ซ่งลุ่ยกัดฟันของเข้าและผลักประตูเข้าไป !

ซ่งลุ่ยผลักประตูเข้าไปและมองไปรอบ ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเพราะมีคนบอกให้เขาเข้ามา แต่ตอนนี้เขาเข้ามาแล้ว แต่พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลย ในใจของซ่งลุ่ยก็เกิดความสงสัยขึ้นมา มันเกิดอะไรขึ้น ?  ทันใดนั้นซ่งลุ่ยก็เกิดความสับสน แต่ทว่าเท้าของเขากลับไม่หยุดเดิน ยังคงเดินเข้าไปที่ห้องทำงานต่อ

ทันทีที่เขาเดินออกจากบริเวณประตูห้อง เขาได้ยินเสียงดัง “ปัง” ที่ประตู ซ่งลุ่ยตกใจและหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นฮงเหมยออกมาปิดประตูและล็อคจากด้านในอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนี้ทำเสร็จในเวลาไม่ถึงสองนาที หลังจากนั้นเธอก็หันมามองที่ซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่ยั่วยวนใจ

เมื่อเห็นฮงเหมยทำท่าทางแบบนี้ ในใจของซ่งลุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะกลัว แต่ว่าเขากลับไม่แสดงออกมาทางสีหน้า ยังคงยิ้มแย้มออกมาเหมือนเก่าและค่อย ๆ อ้าแขนออก เมื่อฮงเหมยเห็นท่าทางของซ่งลุ่ยแบบนี้ ในใจของเธอก็ดีใจ รีบวิ่งเข้าไปโผกอดซ่งลุ่ย !

ซ่งลุ่ยโอบกอดฮงเหมยและกระซิบที่หูของฮงเหมยว่า “เธอทำฉันตกใจหมดเลย เมื่อวานออกไปจัดการธุระกับประธานจางเป็นอย่างไรบ้าง ? คิดถึงฉันไหม”

ฮงเหมยแสร้งทำเป็นเขินอาย หน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนของซ่งลุ่ยและพูดว่า "แน่นอน ! เมื่อวานนี้ฉันคิดถึงนาย ! "

เมื่อซ่งลุ่ยเห็นท่าทางแบบนี้ เขาก็แสร้งทำเป็นโกรธและตอบว่า “เธอคิดยังไงกับฉัน และเธอคิดถึงฉันมากแค่ไหน ?” หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มแบบมีเลศนัยให้ฮงเหมย

หลังจากที่ฮงเหมยได้ยิน ในใจก็สั่นไหวและไม่ได้ตอบกลับ เธอคิดว่าเป็นสัญญาณบอกรักจากซ่งลุ่ย เธอจึงหันไปทางริมฝีปากของซ่งลุ่ยแล้วจูบปากของเขา ในใจของซ่งลุ่ยมีร่องรอยของความเศร้า แต่การเคลื่อนไหวบนปากของเขากลับดำเนินต่อไปและตอบสนองอย่างกระตือรือร้นต่อฮงเหมย ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็กอดและจูบกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด