บทที่ 66 ผลการแข่งขันล่าสัตว์
วูบ!
เสียงลมแรงโหมกระหน่ำ ขณะที่หลินอวิ๋นโคจรปราณแท้ทั้งหมดไปรวมไว้ยังขา ก่อนยกมันขึ้นสูงเปรียบเสมือนดาบขนาดใหญ่ แล้วฟาดลงด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทาน
“เจ้าต้องการตัดสินผลด้วยกระบวนท่าเดียวใช่หรือไม่ ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!”
หลัวเฉิงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตนเองแล้วในขณะนี้ โดยไม่รอช้าอีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมดวงตาทอประกายราวสายฟ้า ก่อนพุ่งหมัดสองข้างออกไปพร้อมกันทันใด!
หมัดซ้ายสะท้านขุนเขา และหมัดขวาคีรีพินาศ
บูม!
ขาแกร่งไร้เทียมทานของหลินอวิ๋นถูกกระแทกด้วยหมัดขวาของหลัวเฉิงจนกล้ามเนื้อฉีกขาด และหมัดซ้ายของเขา ก็ปะทะเข้าที่หน้าอกของหลินอวิ๋นอย่างแรง
ปัง!
หน้าอกของหลินอวิ๋นถึงกับทรุดลง พร้อมกับปากที่พ่นเลือดออกมายาวกว่าฉื่อ ร่างของเขาลอยลิ่วออกไปกระแทกพื้นอย่างแรง
เมื่อมองจากตำแหน่งแรกจนถึงตรงที่เขาล้มลง ปรากฏรอยคราบเลือดสายหนึ่งลากยาวกว่าสามจั้ง จากนั้นหลินอวิ๋นก็หมดสติไปโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว
ทั่วทั้งหอคอยสูงพลันเงียบสงัด หลังผู้คนผงะอยู่ครู่หนึ่ง เสียงฮือฮาที่ดังลั่นราวกับพายุคลั่งก็โหมขึ้นอย่างกะทันหัน
“หลินอวิ๋นแพ้แล้ว!”
“ขนาดหลินอวิ๋นใช้โอสถสลายโลหิตเพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ก็ยังถูกหลัวเฉิงเอาชนะได้ นั่นไม่ใช่ว่าหลัวเฉิงมีความแข็งแกร่งที่สามารถรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับแรกได้กระนั้นหรือ!”
“เมื่อครู่มันเป็นเพลงหมัดแบบไหนกัน ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเพลงหมดสยบภูผาของตระกูลหลัว แต่ไฉนเพลงหมดสยบภูผาถึงทรงพลังได้ขนาดนี้....”
“ทุกคนก็ล้วนเห็นชัดกันอยู่แล้ว ว่าวิญญาณยุทธ์เขาเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะ ทว่าพลังที่เขาแสดงออกมานี้มัน…”
ผู้คนโดยรอบล้วนเบิกตากว้างตะลึงลานนิ่งอยู่กับที่
ขั้นหลอมกายาเผชิญหน้ากับขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ด้วยพลังที่แตกต่างเช่นนี้ แต่หลัวเฉิงกลับสามารถเอาชนะด้วยกำลังของตนเอง!
ก่อนที่การต่อสู้ครั้งนี้จะเริ่ม ไม่มีผู้ใดคิดเลยว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นดั่งเช่นตอนนี้!
แม้แต่ลั่วเหยาผู้งดงามก็มิได้มีท่าทีแตกต่างจากผู้อื่น ใบหน้าของนางก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ นางสูดหายใจเข้าแรงด้วยความตื่นเต้นจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลง นั่นก็เพียงพอจะเผยให้เห็นถึงความตกใจที่นางมีในตอนนี้
เมื่อตอนที่หลินอวิ๋นทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ นางคิดว่านางเองคงต้องเสียทรัพย์ไปจำนวนมากแล้ว แต่โดยไม่คาดคิด หลัวเฉิงผู้นี้กลับพลิกสถานการณ์ทำให้นางต้องประหลาดใจ!
ชายชราร่างผอมที่อยู่ด้านข้างนางทอดถอนใจ
“ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขาก็ฝึกฝนวรยุทธจนสามารถบรรลุขั้นปรมาจารย์ได้ ความเข้าใจของเขานั้นช่างยอดเยี่ยมมาก ไม่รู้เลยว่าเขาฝึกฝนมันมานานแค่ไหนแล้ว…”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วเหยาก็ช้อนตามองหลัวเฉิง ขณะที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดของนางโค้งแสดงรอยยิ้มอันเย้ายวนใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะเดิมพันถูกคนแล้ว…”
“ชนะ! เราชนะแล้ว...”
หลัวชิงหว่านจ้องมองชายหนุ่มในพื้นที่เปิดโล่งแล้วพึมพำด้วยใจที่อบอุ่น
แต่ฝ่ายที่ประหลาดใจยิ่งกว่าคนอื่นใดในที่นี้ ก็คือตระกูลหลัว
ในตอนแรก หลินอวิ๋นมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า จากนั้น หลัวเฉิงก็เอาชนะหลินอวิ๋นได้ เมื่อคิดว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว จู่ๆ หลินอวิ๋นก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์...
“น้องรอง เจ้าได้ให้กำเนิดบุตรชายที่น่าทึ่งยิ่งนัก!”
หลัวเหิงมองยังหลัวหงพร้อมกล่าวชื่นชม
หลัวหงเองตอนนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนมือไม้เขาสั่นเทา พานให้เขานึกถึงคำมั่นสัญญาของหลัวเฉิงก่อนหน้า ที่เขาลั่นวาจาไว้ว่าจะรวมครอบครัวกลับเป็นหนึ่งอีกครั้ง
บางที นั่นอาจไม่ใช่คำพูดลอยๆ ของเด็กคนหนึ่งก็ได้...
วืด!
หลินชางหลางทะยานไปยังกลางพื้นที่เปิดโลก เขารีบคว้าโอสถออกมาแล้วป้อนใส่ปากของหลินอวิ๋นทันที เมื่อตรวจดูอาการแล้วเห็นว่าหลินอวิ๋นได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาเขาก็ลุกโชนด้วยไฟเคียดแค้น ก่อนเพ่งมองหลัวเฉิงพร้อมเผยจิตสังหาร
แผนการที่เขาวางไว้ด้วยความอุตสาหะกลับพังทลายลงไม่เป็นท่า ซ้ำร้ายยังทำให้ตระกูลหลินประสบเคราะห์กรรมครั้งใหญ่อีกต่างหาก ความผิดพลาดทั้งหมดนี้เกิดจากเด็กเพียงคนเดียวเท่านั้น
ในขณะนี้ หลินชางหลางแทบอยากจะฆ่าหลัวเฉิงให้ตายด้วยมือเดียว!
หลัวเฉิงเพิกเฉยต่อแววตาอาฆาตของหลินชางหลาง เขาหันกลับมาประสานมือกล่าวกับเจ้าเมืองอวิ๋น “ท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยคิดว่าคงได้เวลาประกาศผลแล้ว”
อวิ๋นเต้าเจียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงดัง
“การต่อสู้กันครั้งนี้ ผู้ชนะคือหลัวเฉิง ตระกูลหลัวจึงเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันล่าสัตว์!”
หลัวหมิงซานแสดงอารมณ์สำราญดั่งไม่เคยมีมาก่อน เขาแย้มยิ้มหันไปทางหลินชางหลางกล่าวว่า “สัมปทาน สัมปทาน... ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา และช่วยส่งมอบเมืองหนานเฉิงฟางให้สำเร็จภายในเจ็ดวันด้วยล่ะ”
บูม!
ทันใดนั้น รัศมีอันรุนแรงพลันปะทุออกจากกายหลินชางหลาง ก่อตัวเป็นพายุคลั่งโหมกระหน่ำไปทั่วหอคอยสูง