บทที่ 65 โชคดีที่เค้กยังอร่อยทีเดียว
ลู่เหยามีประสบการณ์ในการปรุงยาวิเศษ
เพียงแค่ใช้ศรัทธาเป็นเชื้อเพลิง เผาหินก็พอ
ลู่เหยาคลิกที่【หินสารพัดนึก】ก็ปรากฏไอคอน【หลอม (ศรัทธา 10)】ขึ้นมา
เลือกไอคอนต่อ
หลังศรัทธา -10 ภาพใหญ่ของหินสารพัดนึกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ก้อนหินที่มีประกายวิบวับจุดๆ กลายเป็นนิ่มและบิดเบี้ยวใต้เปลวไฟสีขาวซีด
【หลอมล้มเหลว】
ลู่เหยาคิดในใจว่าก็จริง
จากคำอธิบายหินสารพัดนึก ประโยคที่ว่า "มีโอกาสหนึ่ง" นั่นแหละคือปัญหา ถ้าราคาไม่โปร่งใส ก็มักเป็นเพราะราคาที่แท้จริงสูงเกินไป...
เหมือนหนวดปลาหมึกของเถ้าแก่เจ้าของร้านไก่ย่าง
อาหารเย็นและของแห้งส่วนใหญ่ จะบอกว่าราคาเท่าไหร่ต่อจิ๋น(ครึ่งกิโล) ส่วนหนวดปลาหมึกร้านไก่ย่างติดป้ายราคา 27 หยวนโดยประมาณ คนที่ไม่ค่อยซื้อจะไม่ค่อยสังเกตว่า หลังป้ายราคาหนวดปลาหมึกเขียนหน่วยเป็น 100 กรัม คิดแล้วราคาจริงต่อจิ๋นเป็น 138 หยวน
ผู้ขายเล่นกลเล็กๆ แบบนี้ ก็เพราะเขารู้ดีว่าราคานี้เกินเหตุ ถ้าแสดงออกมาตรงๆ จะทำให้พนักงานออฟฟิศจำนวนมากถอยหนี ผู้บริโภคพอจ่ายตังค์ก็จะรู้ตัวทีหลังว่า โดนหลอกซะแล้ว!
ในจำนวนนั้น บางส่วนถึงจะรู้สึกแพงเกินไป แต่ก็ยังฝืนซื้อ
【หินสารพัดนึก】ก็ใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันนี่แหละ
เทียบกับพวกนี้ ลูกเต๋าทองยังถือว่าไม่หลอกเด็กหลอกผู้ใหญ่เลย จิตสำนึกการตลาดชั้นดี
การหลอมนั่นเป็นหลุมไม่มีก้นเลย ต่อให้มีศรัทธามากแค่ไหน ก็ทนกับการเสียไปอย่างต่อเนื่องแบบนี้ไม่ไหว... เทพเจ้าหมิงสุดท้ายก็ทำได้แค่【ชามปรุงยาวิเศษที่ชำรุด】ก็ถือเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหินสารพัดนึกเหมือนกัน
ลู่เหยาคิด
ถ้าหลังจากนี้เจออุปกรณ์ที่เพิ่มโอกาสการหลอมได้ หรือมีลูกน้องคนไหนมีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับการหลอมหรือถลุง จะลองดูอีกที ตอนนี้เขามีอุปกรณ์ในมือไม่น้อย ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร
แต่การเสริมพลังความสามารถนี้ น่าจะลองได้
เผื่อว่าถ้าล้มเหลวแล้วอุปกรณ์จะเสียหาย ลู่เหยาจึงหาของมาทดลองก่อน
【เผา (ศรัทธา 10)】
ลู่เหยาคลิกไอคอนนี้ กรอบสี่เหลี่ยมก็ผุดขึ้นมาบนหน้าจอทันที
【โปรดใส่สมบัติที่ต้องการเสริมพลัง】
ลู่เหยาโยนชามปรุงยาวิเศษลงไป
บนหน้าจอ ชามถูกห่อหุ้มด้วยไฟแห่งศรัทธา
อีกครู่หนึ่ง
【เผาล้มเหลว】
ความล้มเหลวอยู่ในการคาดเดา
ข่าวดีคือ การเผาล้มเหลวไม่มีผลเสีย ไม่ทำลายอุปกรณ์ตัวนั้น
ตอนนี้ อิซาเบลพาคนลงไปขุดเจาะพัฒนาต่อในเหมือง พวกเธอค่อยๆ มีผลผลิตออกมาเรื่อยๆ ตัวเลข【หินสารพัดนึก】ที่มุมซ้ายบนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ลู่เหยาใช้หินสารพัดนึกก้อนที่สอง ที่สาม
ยังคงล้มเหลวต่อ
จนกระทั่งในครั้งที่สิบเก้า สถานการณ์ในที่สุดก็เปลี่ยนแปลง
【เผาสำเร็จ】
ภาพใหม่เอี่ยมปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ในภาพเป็นถ้วยหินที่ใสทั้งก้อน
...
【ชามปรุงยาวิเศษ LV1】: ศรัทธา +1/ชม. ใช้ไฟแห่งศรัทธาให้ความร้อน สามารถปรุงยาวิเศษที่ไม่คงตัวได้
【สูตรยาวิเศษ】
ยาบ้า: ใส่ทรายหนึ่งช้อน เลือดหนึ่งช้อน เกลือหนึ่งช้อน แล้วใส่ซากศพเน่าอีกหนึ่งช้อน
ผลของยา: ได้รับสถานะ【บ้าคลั่ง】พลังโจมตี +1 การป้องกัน -2
...
ยาบ้าจริงๆ แล้วก็มีผลต่อค่าพลัง แต่ก่อนหน้านี้ชามชำรุด จึงแสดงข้อมูลพวกนี้ไม่ได้
ลู่เหยาค่อนข้างพอใจกับผลการทดลองนี้
บรรลุวัตถุประสงค์
ถ้าสะสมหินสารพัดนึกพอเพียง ก็ค่อยๆ ลองเสริมพลังอุปกรณ์ที่ยังไม่มีเลเวลบ้าง
อย่างเช่น 【ไม้กายสิทธิ์】【ฉมวกวิเศษ】【จดหมายล่องลอย】【อำพันร่ำไห้เลือด】
ลู่เหยาตัดสินใจ ย้ายเผ่าคนถ้ำมาที่นี่ชั่วคราว พวกมันถนัดขุดเจาะ พอดีเลยสำหรับการขุดแร่
ส่วนเสือดาวลายจุดก็ประจำการบนเกาะต่อไป เพื่อลดขนาดของฝูงหนูคลั่งเดินทาง ป้องกันไม่ให้พวกมันกลับมาแข็งข้ออีก
...
ที่บริษัท พี่สาวเผิงไม่มาทำงานสองวันแล้ว
พี่หวงที่ปกติไม่ชอบให้คนลางาน กลับทำเป็นไม่เห็น
ลู่เหยาค่อนข้างสงสัย เขาเคยโทรไปปรึกษาพี่สาวเผิงเรื่องงานก่อนหน้านี้ พี่สาวเผิงทำตัวปกติมาก เพียงแต่ไม่ได้พูดว่าทำไมไม่มาทำงาน
อีกฝ่ายไม่พูด ลู่เหยาก็เข้าใจและไม่ถาม
ตอนเที่ยง พี่หวงมาหาลู่เหยา
"หนุ่มน้อยลู่ เดี๋ยวนายไปหาเผิงเสี่ยวอี้ที แล้วเอานี่ไปให้เธอด้วย"
พี่หวงยื่นถุงหิ้วให้เขา ในนั้นใส่เค้กชีสจากร้านเฮาลี่หล่ายหนึ่งกล่อง
"เธออยู่ที่ตึก 305 เฟสสอง โครงการศตวรรษ ตรอกหลัวกู่ เข้าไปหาเธอเลย วันนี้เลิกงานก่อนนะ"
เจ้านายสั่ง ลู่เหยาจึงออกจากบริษัทก่อนเวลา ต่อรถไปจนถึงโครงการศตวรรษ
พี่สาวเผิงเปิดประตู เห็นลู่เหยาแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่
"พี่หวงให้นายมาเหรอ"
"อื้ม"
ลู่เหยาส่งขนมให้เธอ "พี่สาวเผิง งั้นผมไปก่อนนะครับ"
ในใจเขายังคิดถึงเกมซิม
"จะไปไหน มากินด้วยกัน พี่กำลังลดน้ำหนัก กินไม่ไหวหรอก"
พี่สาวเผิงโบกมืออย่างเป็นธรรมชาติ "เข้ามา ยืนทำไมล่ะ"
ลู่เหยามีความรู้สึกว่า อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นน้องชายจริงๆ
ทั้งสองกินขนมไปด้วยดื่มน้ำผลไม้ไปด้วย
พี่สาวเผิงเช็ดปากด้วยกระดาษทิชชู่ "นายกลับไปบอกพี่หวงนะ ให้เขาอย่าเป็นห่วง ฉันไม่ลาออกหรอก สองวันนี้ไม่สบายตัวจริงๆ ไปตรวจที่โรงพยาบาลเมืองหมายเลขสองมา กำลังรอผลตรวจซ้ำอยู่"
ลู่เหยาพยักหน้า บอกว่าจำได้แล้ว
"คราวก่อนเด็กสาวคนนั้น อิซาเบลเป็นไงบ้าง"
พี่สาวเผิงนั่งขัดสมาธิบนโซฟา ถามอย่างสนใจ "กลับมาหรือยัง หรือว่าหนีไปจริงๆ"
ลู่เหยาได้แต่พูดว่า "เธออยู่ที่บ้าน"
"อย่าเชียว ไม่เอาเด็ดขาด"
พี่สาวเผิงพูดอย่างจริงจัง "ในฐานะที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ฉันจำเป็นต้องบอกนายเรื่องประสบการณ์ชีวิตบางอย่าง"
"คบกันต่างเมือง โดยเฉพาะต่างประเทศ มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาสูงมาก ถ้าเผลอไปนิดเดียว วันไหนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหงา ดื่มเหล้านิดหน่อย หรือได้ยินคำหวานๆ ใจอ่อนไปนิด อาจจะเผลอไผลทำอะไรลงไปก็ได้"
"คนเราทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ได้หรอก"
"คนอย่างอิซาเบลที่หน้าตาและบุคลิกแบบนั้น จะไม่มีใครจีบเหรอ ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ต้องตามจีบทุกวันแน่ๆ จนกว่าจะลากไปจดทะเบียนสมรส"
"ทำไมนายไม่รู้สึกตื่นตระหนกเลยวะ โง่หรือไง"
"..."
ลู่เหยายิ้มแหยๆ
เขามีเหตุผลสงสัยว่า พี่สาวเผิงชวนเขากินขนมหวาน ก็เพื่อจะมาซุบซิบนินทาเรื่องอิซาเบลนี่แหละ
ตอนที่ลู่เหยากำลังจะหาข้ออ้างถอยตัว ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก
พี่สาวเผิงเดินไปดูทีหนึ่ง แล้วเปิดประตูพูดว่า "ทำไมเวลานี้เธอถึงมาล่ะ เอ๊ะ แล้วคนนี้เป็นใครเหรอ"
อีกฝ่ายพูด "พี่เสี่ยวอี้ป่วย แล้วยังอยู่คนเดียว หนูในฐานะหลานสาว ก็เลยตัดสินใจมาหาเอง พ่อหนูคงไม่สะดวกมาอยู่แล้ว"
ลู่เหยามองไปตามเสียง
ที่แลไป เขาพบว่าคนที่มาคือคนรู้จัก ก็คือลูกสาวของพี่หวง อาเหมย นั่นเอง
เดี๋ยวนะ
อาเหมยเรียกพี่สาวเผิงว่าพี่สาวลูกพี่ลูกน้อง?
ที่แท้พี่สาวเผิงก็มีเส้นสายนี่เอง ซ่อนลึกซะด้วย
ลู่เหยาตกใจ
ไม่แปลกใจเลยที่พี่หวงชอบให้เขาไปทำธุระ ในบริษัทเป็นเครือญาติกันหมด เจ้านายเรียกใครไปก็อาจถูกคนอื่นซุบซิบนินทา สุดท้ายก็เลยเป็นเขาที่เป็นพวกวัยรุ่นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คนนอกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบทบาทนี้
ลู่เหยาสังเกตเห็น ข้างๆ อาเหมยยังมีผู้หญิงอีกคน
เธอใส่เสื้อไหมพรมลายขวางหลากสี ผมสีเทาเงินสั้นๆ ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย ดูอายุราวๆ ยี่สิบกว่าๆ มีความสดใสอ่อนเยาว์เฉพาะตัวของสาววัยรุ่น ทำให้คนยากจะละสายตาไปจากเธอได้
เป็นซ่งชิอี้นี่นา
เธอมาที่นี่ได้ยังไง หรือว่ามาสืบเรื่องของฟู่เฉิงกังเรื่อยมากันแน่
ลู่เหยาพลันรู้สึกร้อนใจหน่อยๆ
เขารีบกินขนมชิ้นหนึ่งเพิ่มอย่างเร่งรีบ
โชคดีที่เค้กยังอร่อยทีเดียว