ตอนที่แล้วบทที่ 64 คุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 66 ผลการแข่งขันล่าสัตว์

บทที่ 65 การปะทะอย่างดุเดือด


พัฟ!

สิ้นเสียงของหลัวเฉิง ไข่ใบยักษ์เก้าสีสันก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา แสงลึกลับเก้าสีนี้ ส่องสว่างไม่ด้อยไปกว่าพยัคฆ์หางแมงป่องของของหลินอวิ๋นแม้แต่น้อย!

ทันทีที่ไข่ใบยักษ์พลันปรากฏ สายตาผู้คนจำนวนมากก็ต่างจับจ้องไปยังจุดเดียวกัน

“มันคือวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดจริงๆ ทั้งยังไม่มีดาวแม้เพียงดวง!”

“แสดงว่าข่าวลือนั้นเป็นจริง สิ่งที่หลัวเฉิงปลุกขึ้นมาเป็นวิญญาณยุทธ์ขยะ ซ้ำร้ายยังเป็นขยะระดับต่ำที่สุด!”

ใบหน้าของพวกเขาล้วนตกตะลึง เมื่อเห็นว่าวิญญาณยุทธ์ที่ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของหลัวเฉิงนั้นคือไข่ใบใหญ่เก้าสีสัน

ความแข็งแกร่งที่หลัวเฉิงแสดงให้เห็นในวันนี้นั้นน่าประหลาดใจมาก จนพานให้หลายคนนึกสงสัยว่า วิญญาณยุทธ์ที่หลัวเฉิงปลุกขึ้นมานั้นใช่ขยะจริงหรือไม่

แต่ ณ ตอนนี้ พวกเขาล้วนได้ยืนยันด้วยตาตนเองแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง

“ฮ่าฮ่า วิญญาณยุทธ์ขยะที่ไร้แม้แต่ดาว ช่างเป็นการเปิดหูเปิดตาข้ายิ่งนัก แม้นเป็นเพียงศิษย์รับใช้ของสำนักซวนหยวนเรา แต่ก็มีความสามารถสูงกว่าเขาหลายร้อยเท่า”

ริมฝีปากขององค์ชายแปดจินหมินโค้งขึ้นแสดงสีหน้าเหยียดหยาม

วิญญาณยุทธ์ขยะประเภทนี้ ไม่มีคุณสมบัติที่จะผ่านประตูสำนักซวนหยวนด้วยซ้ำ!

ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของอวิ๋นเหมิงลี่ก็สั่นไหว เผยให้เห็นอารมณ์สับสนที่หาพบได้ยาก

อีกด้านหนึ่ง ชายชราร่างผอมที่อยู่ถัดจากลั่วเหยาก็พลันขมวดคิ้ว แล้วพึมพำความคิดในหัวออกมาอย่างลับๆ

“ช่างน่าแปลกนัก ไฉนวิญญาณยุทธ์ขยะเช่นนี้ จึงสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอดได้ หรือว่าเบื้องหลังของเขาจะมีราชาโอสถอยู่จริงๆ...”

ณ พื้นที่เปิดโล่งตรงกลางหอคอย

เมื่อเห็นวิญญาณยุทธ์ของหลัวเฉิง รอยยิ้มของหลินอวิ๋นก็เหยียดกว้างขึ้น จากนั้นกล่าววาจาเย้ยหยัน

“วิญญาณยุทธ์ที่น่าขายหน้าเช่นนี้ ไฉนเจ้าจึงแสดงมันออกมาเล่า คุกเข่าแล้วยอมแพ้ซะ”

หลังกลืนโอสถสลายโลหิตและทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ หลินอวิ๋นก็รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลนี้เป็นครั้งแรก เขาเกือบเห็นภาพลวงตาว่าตนนั้นเป็นหนึ่งในยุทธภพ

ไม่ทันไร ร่างหลินอวิ๋นก็ไหวกายเข้าหา แล้วปาดมือตบหลัวเฉิงประหนึ่งไม่ได้เอาจริง

ครืน!

ท่วงท่าการตบนั้นเรียบง่าย แต่พลังของมันนั้นช่างอัศจรรย์นัก ครั้นที่มันทะยานผ่านห้วงอากาศ ก็เกิดระเบิดจากการขาดสะบั้นดังลั่น

หลัวเฉิงไม่ได้หลบหรือถอยแม้เพียงก้าว เขาเข้าประจันหน้ากับฝ่ามือนั้นแล้วพุ่งหมัดสวนทันที

ปัง!

หมัดและฝ่ามือของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างแรง แผ่ระลอกคลื่นออกมาจนดังสนั่นไปทั่วพื้นที่เปิดโล่ง

หลังการปะทะ ร่างทั้งสองก็ปลิวถอยหลังออกไปพร้อมกันหลายก้าว

“พลังทัดเทียมกันงั้นรึ!”

“ขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอด มีพลังน่ากลัวมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”

ทั่วทั้งแท่นสูงเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาประหลาดใจยิ่ง

สองร่างที่เข้าห้ำหั่นกันในตอนนี้ ไฉนกลับมีฝีมือทัดเทียมกันได้!

เนื่องจากขณะนี้ หลินอวิ๋นได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ซึ่งมีพลังมากกว่าสองพันจิน ไม่เพียงแต่หลัวเฉิงยังสามารถรอดอยู่ได้ แต่กลับมีพลังที่เทียบเท่ากันอีก

“เป็นไปได้อย่างไร!”

หลินอวิ๋นเบิกตากว้างตกตะลึงด้วยความตกใจเป็นที่สุด

หลัวเฉิงลูบหมัดของตนแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ สุดท้ายแล้วก็มีพลังเพียงเท่านี้เองงั้นหรือ”

“ไอ้บัดซบ ข้าอยากเห็นนักว่า เจ้าจะรับมือข้าได้อีกสักกี่กระบวนท่ากัน”

หลินอวิ๋นแผดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งพร้อมดวงตาแดงก่ำ เสี้ยวอึดใจพลันขยับกายพุ่งเข้าหาหลัวเฉิงทันที ครั้นบรรลุถึงเขาก็ยกฝ่ามือที่ราวกับดาบฟาดลงในพริบตา

แววตาของหลัวเฉิงไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อฝ่ามือนั้นแม้แต่น้อย เขาโต้กลับด้วยกระบวนท่าเพลงหมัดสยบภูผาทันใด

ปัง! ปัง! ปัง!…

เสียงการปะทะแผดก้องกังวานไปทั่วเป็นวงกว้าง ไม่นานสองร่างที่ยืนอยู่ตรงกลางพื้นที่เปิดโล่งก็ได้ประมือกันไปแล้วยี่สิบหรือสามสิบกระบวนท่าเห็นจะได้

“นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของขั้นหลอมกายา แต่เป็นขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์”

“หลินอวิ๋นอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ความแข็งแกร่งของเขาย่อมมากกว่าสองพันจิน แต่หลัวเฉิงกลับสามารถรับมือเขาได้นานขนาดนี้ ทั้งยังสูสีกันอีกต่างหาก แสดงว่าพลังในขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอดต้องมากกว่าสองพันจินเช่นกัน หากเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ เขาจะมีพลังมากขนาดไหนกัน?”

เมื่อเห็นหลัวเฉิงต่อสู้กับหลินอวิ๋นอย่างดุเดือด ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

นี่มันฝืนกฎธรรมชาติเกินไปแล้ว!

“ดูสิ หลินอวิ๋นกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!”

ในพื้นที่เปิดโล่งขนาดนี้ สถานการณ์การต่อสู้ก็พลันเปลี่ยนไป โดยที่หลินอวิ๋นกำลังเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนอย่างต่อเนื่อง

การใช้โอสถสลายโลหิตเพื่อฝืนทะลวงพลังยุทธ์ สุดท้ายแล้วมันก็หาใช่ระดับพลังยุทธ์ที่แท้จริง หลังต่อสู้เป็นเวลานาน ระดับพลังยุทธ์ของหลินอวิ๋นก็เริ่มลดทอนลงเรื่อยๆ จนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในตอนนี้

“ไปตายซะ! ไปตายซะ! ไปตายซะ! หลัวเฉิงไอ้บัดซบไปตายซะ!”

ใบหน้าของหลินอวิ๋นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น พร้อมกับเลือดที่เออล้นออกมาจากมุมปาก เขาคำรามด้วยบันดาลโทสะ ก่อนไหวร่างพลันทะยานขึ้นสู่ฟ้าสูง แล้วใช้วรยุทธระดับสี่ดาวที่เขาเพิ่งฝึกฝนมา เพลงเตะสะบั้นเมฆา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด