บทที่ 596 : แร็กนาร็อก (12)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 596 : แร็กนาร็อก (12)
"เฮ้"
ฉันเปิดปากของฉัน
ปัง! ทันใดนั้นมีเสียงบางอย่างดังขึ้น
ไรก็ได้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ล้มลงตึงไปข้างหลังทันที
ฉันยิ้ม
จู่ๆฮีโร่ในเกมก็เริ่มพูดได้…ฉันเข้าใจได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเขาวันนี้เคยเกิดขึ้นกับฉันมาแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นไรก็ได้ก็เริ่มมองไปรอบๆ ห้อง และทำหน้าเลิ่กลั้กเหมือนเจอผี
“นี่ นี่…ในสมาร์ทโฟนที่นายถืออยู่…ฉันกำลังพูดอยู่ในนี่”
“...”
“ทำไม? คิดว่ากำลังฝันอยู่เหรอ?”
“....”
“ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับนาย แต่อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ฉันจะพูดกับนายเป็นครั้งสุดท้าย”
ฉันกระแอมในลำคอแล้วพูดขึ้นทันที
“หยุดเล่นเกมขยะแบบนี้เดี๋ยวนี้นะ ล้มหงายหลังขนาดนั้นแล้วยังไม่เลิกเล่นอีก? ไม่มีความว่าที่หนึ่งในเกมเฮงซวยแบบนี้หรอก นายไม่รู้สึกสมเพชในสิ่งที่ตัวเองทำเลยเหรอ? ไม่ละอายใจที่ไม่ได้เจอครอบครัวบ้างเหรอ?”
“...”
“นายอาจจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือความฝัน ที่ฉันต้องมาพูดแบบนี้เพราะนายติดเกมเข้าขั้นรุนแรง”
เขาอาจจะเข้าใจว่าตัวเองติดเกมมากจนจิตคลุ่มคลั่งและเริ่มประสาทหลอน
“ขอบคุณนายมากสำหรับความพยายามและทำงานมันอย่างเต็มที่ แต่ต่อจากนี้ไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงซะ”
"… …เดี๋ยว…นั้นมัน"
“ฉันไม่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น…”
ฉันตัดการเชื่อมต่อจากไรก็ได้ทันที
ผู้ชายคนนั้นไม่ปรากฏออกมาให้เห็นอีกต่อไป
ทั้งใบหน้าที่งุงงงและน้ำเสียงสั่นเทาก็หายไปแล้ว
'?'
ฉันคิดว่าเขาพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ฉันใช่ข้อศอดสะกิดเฟรย์ที่อยู่ข้างๆ
“เหม่ออะไรอยู่? ประตูใกล้จะปิดแล้วนะ”
ช่องว่างระหว่างมิติที่แตกร้าวกำลังเริ่มซ่อมเเซมตัวเอง
หากเอาแต่ลังเล ประตูที่เราพยายามเปิดจะถูกปิดลงอีกครั้ง
สัญญาณการเชื่อมต่อของไรก็ได้ก็จะหายไปเช่นกัน
'นี่คือจุดจบที่แท้จริง'
ฉันหันมองเห็นเขาเป็นเพียงกระจุกแสงสว่างที่อยู่ห่างไกลออกไป
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับผู้ชายคนนั้นจบลงแล้ว ไรก็ได้เป็นมนุษย์ที่อยู่บนโลก และฉันเลือกที่จะอยู่ที่นี้ต่อ
เซิร์ฟเวอร์สำหรับเกมนี้จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ จุดที่เชื่อมต่อระหว่างพวกเราก็จะหายไปตลอดกาล
"ไปกันเถอะ"
ฉันมุ่งไปข้างหน้าต่ออย่างไม่ลังเล
แสงสว่างบนท้องฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ฉันไม่ต้องการที่จะเชื่อมต่อกับเขาอีกแล้ว
ฉันได้พูดทุกอย่างที่ฉันต้องการพูดไปหมดแล้ว และอีกอย่างการทักทายแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วเช่นกัน
"เฟร์ยกำลังทำอะไรอยู่? ไปกันเถอะ ถ้ายังอยู่อีกลีลาฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี้นะ….”
จู่ๆแผงควบคุมของไรก็ได้เปล่งประกาย
[ร้านของขวัญ!]
[ซื้อ 'รูปปั้นม้าศึก' ราคา 5,000 ทอง]
[มอบ 'รูปปั้นม้าศึก' ให้กับ 'ฮาน (★★★★★★★)'!]
ตุ้บ!
รูปปั้นม้าสีขาวก็ปรากฏอยู่ในมือขวาของฉัน
รูปปั้นม้าศึกธรรมดาที่ทำจากไม้คุณภาพต่ำ
ฉันหรี่ตาลงมองมัน
ฉันเลิกสะสมของเล่นไร้สาระแบบนี้มานานแล้ว
รูปปั้นมากมายที่ฉันเคยเก็บไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกโยนทิ้งไปนานแล้ว
'แต่ว่าฉันจะเก็บรูปปั้นตัวนี้ไว้'
ฉันเปิดกระเป๋าหนังที่เข็มขัดแล้วใส่รูปปั้นม้าศึกเข้าไป
และฉันก็ปิดปากกระเป๋าให้แน่น
'เอาล่ะ ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็ตาม… .'
พกรูปปั้นนี้ไว้ก็คงจะดีเหมือนกัน
['ฮาน (★★★★★★★) มีความสุขหลังจากได้รับ 'รูปปั้นม้าศึก']
[ฮีโร่มีความชื่นชอบในตัวนายท่านตัวเพิ่มขึ้น!]
เปรี้ยะ!
ข้อความโฮโลแกรมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าแตกออกเป็นสองส่วน
[การเชื่อมต่อสิ้นสุดลง!]
[ข้อผิดพลาด - 7909]
[บัญชีใช้งานข้างต้นถูกลงโทษสำหรับการใช้โปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาต สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของเราเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม บัญชีที่ได้รับอนุมัติคือ… … .]
ฉันรัดกระเป๋าไว้กับเข็มขัดให้แน่นแล้วมองไปข้างหน้า
พอร์ทัลที่ฉีกขาดกำลังจางหายไป
“เฟรย์”
[ฮะ… ?]
“ฉันมีอีกเรื่องที่จะถามเธอ”
เฟรย์หันมาหาฉัน
ฉันพูดต่อ
“ถ้าเธอได้เห็นดูข้อมูลทรัพย์สินของฉันบนโลกจะมีรายการสินทรัพย์มันจะอาจดูค่อนข้างมาก ฉันคิดว่ามันน่าจะประมาณ 3 พันล้านวอน และอาจมีที่ดินสักสองสามแห่งในกังนัม อาคาร และรถยนต์ยุโรป….โอนทั้งหมดให้เป็นเป็นชื่อของไรก็ได้ที”
[นั่นเป็นทรัพย์สินที่โลกิวางแผนจะใช้บนโลกไม่ใช่เหรอคะ?]
“ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อไหร่ แล้วทำไมต้องเก็บมันไว้ด้วย?”
ฉันเกาแก้มของฉัน
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ยูเน็ตมอบให้ฉันเป็นของขวัญเมื่อฉันกลับไปยังโลก แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว
“ถ้าฉันกลับไปยังโลก ค่อยบอกเขาคือให้ก็ได้ ฉันรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไงและรู้ที่อยู่ของเขาแล้ว และมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ตอนนี้”
[โลกิจะทำแบบนั้นจริงๆเหรอคะ?]
"ใช่"
เฟรย์สบตากับฉันแล้วหายตัวไปพร้อมละอองดาวโปรยลงมา
ดูเหมือนว่าเธอกำลังเข้าถึงฐานข้อมูลเซิร์ฟเวอร์เพื่อค้นหาข้อมูลที่จำเป็นในการถ่ายโอนทรัพย์สินของฉันให้เป็นชื่อของไรก็ได้ มันน่าจะเรียบร้อยภายในหนึ่งชั่วโมง และเธอจะกลับมาเมื่อฉันเริ่มสู้กับเทล
‘กับไรก็ได้เอง… .'
ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าเราคงได้เจอกัน
ฉันกระโดดเข้าไปในพอร์ทัลที่กำลังจะปิด
ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของฉันถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และถูกสร้างขึ้นใหม่ท่ามกลางสว่างที่เจิดจ้า
'ฉันจะไม่มีวันลืม'
ฉันทบทวนความทรงจำที่จางหายไปหลายครั้ง
แม้ว่าฉันจะลืมความทรงจำทั้งหมดไป แต่ฉันจะต้องไม่ลืมสิ่งที่ฉันต้องทำเด็ดขาด
ฉันดูแลม้าศึกเอื้อมมือไปจับสิ่งที่อยู่ในกระเป๋า
การที่ได้สัมผัสรูปปั้นม้าศึกนั้นช่วยให้ฉันไม่ลืมว่าฉันเป็นใคร
และ
[มิติที่ 0000 - E.D.E.N]
เรือเหาะอัมเดดซีร่อนลงมาจอดที่พื้นดินเงียบๆ
ฉันปัดฝุ่นออกจากแขนเสื้อแล้วมองไปรอบๆ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ป้ายไฟนีออนหักครึ่งทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลเวียนไปมารอบๆป้าย
ฉันยืนอยู่บนหลังคาตึกเก่าๆหลังหนึ่ง
'เซิร์ฟเวอร์ที่ 1'
ฉันมองไปรอบๆ
เซิร์ฟเวอร์ที่ 1มันเป็นมหานครขนาดใหญ่ที่ไม่ทราบขนาดที่แน่นอน
มีอาคารสูงหลายร้อยแห่งและมีสะพานลอยคล้ายใยแมงมุมที่คดเคี้ยวไปรอบเมือง บนถนนมีรถยนต์หลายคันกำลังแล่นไปตามถนน
สถานที่แห่งนี้…มันเหมือนกับเมืองแห่งอนาคต เหมือนกับสิ่งที่จะได้เห็นในหนังแนวไซไฟเท่านั้น
'ฉันสามารถบอกได้ทันทีหลังจากเห็นมัน'
ที่ใจกลางเมือง มีตึกระฟ้าที่สูงเหนือเมฆตั้งโดดเด่นอยู่
มันน่าจะสูงมากกว่า 1,000 เมตร อาคารนั้นจะเป็นสำนักงานใหญ่ของโมเบียส รอบอาคารมีเรือเหาะหลายลำกำลังลาดตระเวนพร้อมกับไฟที่สว่างจ้า
'ฉันจะต้องจับตาดูทิศทางของมันก่อน'
ฉันเปิดตาของฉันให้กว้างกว่าเดิมเล็กน้อย
ในเมืองใหญ่ที่มีผู้คนหลายแสนคนอาศัยอยู่
ใต้อาคารที่ฉันยืนอยู่ฉันเห็นผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่ไปมาไปมาบนถนนและพูดคุยกันเสียงดัง
'สถานที่แห่งนี้คือที่ที่ฉันต้องทำลาย'
ฉันเหวี่ยงตัวเองไปใต้ราวบันได
ร่างกายฉันเริ่มตกลงมาภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วง
ก่อนที่ฉันจะล้มฉันก็พลิกตัวทันที
ตู้ม!
ถนนที่ปูด้วยยางมะตอยบุบลงไปและรถที่วิ่งอยู่ข้างๆ ก็ถูกฉันเหวี่ยงโยนทิ้งไป
"พระเจ้า!"
“นั้นมัน…ตัวอะไร?!”
ฉันปัดเศษยางมะตอยที่ติดบนร่างกายส่วนบนของฉันออกไป
ฉันออกมาจากรอยแตกบนถนนและปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมของฉันสองสามครั้ง
"มนุษย์!?"
“ใคร……!”
พลเมืองที่ถอยกลับไปสองสามก้าวมองมาที่ฉันและเริ่มส่งสียงดัง
'พวกเขาเป็นพนักงานของโมเบียสใช่ไหม? '
พวกเขาอาจถูกดึงเข้ามาจากมิติต่างๆ เพื่อให้เข้ามาทำงานช่วยโมเบียส ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือไม่ก็ตาม
ตราบใดที่มันปรับสเกลให้เท่ากับ 100 ล้านมิตินั้น ก็ดูเหมือนว่าจะมีสเกลที่ค่อนข้างเหมาะสม
เมื่อมองดูตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นพลเมืองที่ค่อนข้างทันสมัย
“เฮ้ นายโอเคไหม… อ้าก!”
เปรี๊ยะะะ
ชายในชุดสูทที่ยื่นมือออกมาหาฉันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
หากสัมผัสมันอย่างไม่ระวังก็จะต้องเดือดร้อนแบบนี้แหละ
ฉันเริ่มเดินไปตามถนนอย่างช้าๆ