บทที่ 180 ซาวด์เนสท์จู่โจม
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 180 ซาวด์เนสท์จู่โจม
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองไนย์ รัฐเนวาดา มันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทดลองแห่งหนึ่งในเนวาดา ซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา รถเอสยูวีเจนเนอรัลมอเตอร์สที่มีโลโก้ของกระทรวงพลังงานสหรัฐติดอยู่ค่อย ๆ เข้าใกล้สถานีเรดาร์ภาคพื้นดินที่อยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตร
หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแล้ว ในที่สุดมันก็เคลื่อนตัวเข้าสู่สถานที่ทดลองภายใต้การคุ้มกันขอรถทหารสองคันที่ติดตามมา
ผู้พันวิลเลียมยืนอยู่หน้ารถพลางขมวดคิ้วขณะที่เขาสังเกตเห็นรถ SUV ที่ใกล้เข้ามา
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามโดยเอียงศีรษะไปทางกัปตันโรเบิร์ตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
"ผมไม่แน่ใจ อย่างที่คุณรู้ พวกระดับสูงเองก็ไม่มั่นใจในเพื่อนหุ่นยนต์ของเรา ดังนั้นเขาจึงห้ามไม่ให้เราติดต่อกับพวกเขาผ่านเครือข่ายภายนอก" กัปตันโรเบิร์ตยักไหล่ด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส
ผู้พันวิลเลี่ยมมองไปทางเขาแล้วพูดว่า "พวกเขาคือออโต้บอตส์ ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์"
แต่จากนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่โต้เถียงต่อ เพราะเขารู้ดีว่าคำพูดของโรเบิร์ตเป็นความจริง นักการเมืองที่เป็นคนคุมพวกเขาเป็นกลุ่มชายชราที่สงสัยทุกอย่าง และพวกเขาก็ไม่ไว้ใจทุกสิ่งด้วย
ความเสียหายที่เกิดจากรบที่ลาสเวกัส ไม่ได้เป็นเพียงถังน้ำเย็นที่เทราดลงบนหัวของผู้บังคับบัญชาสหรัฐเท่านั้น แต่มันคล้ายกับอ่างเก็บน้ำทั้งหมดได้พังทลายลงพร้อมกัน
เครื่องบิน 92 ลํา รถถังและยานพาหนะทางทหารกว่า 200 คันถูกทําลาย จํานวนทหารที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเกิน 2,000 นาย โดยมีทหารอเมริกันมากกว่า 1,400 นายในหมู่ผู้เสียชีวิต
การสู้รบกับมนุษย์ต่างดาวครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างแสนสาหัสต่อสหรัฐอเมริกา มากกว่าค่าใช้จ่ายรวมกันของสงครามอิรักและสงครามอัฟกานิสถานเสียอีก
แม้ว่าในท้ายที่สุดประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเห็นด้วยกับแผนร่วมมือกับพวกออโต้บอตส์ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น
ตั้งแต่แรกเริ่ม หน่วยงานข่าวกรอง เพนตากอนและทำเนียบขาว ส่วนใหญ่ต่อต้านการอนุญาตให้ออโต้บอตส์ประจําการในสหรัฐอเมริกา สุดท้ายออฟติมัสไพร์มจึงได้แต่ยอมรับคำขอของรัฐบาลสหรัฐ โดยสร้างฐานความร่วมมือในอนาคตกับกองกำลังซาวด์เนสท์อยู่นอกประเทศ
ซึ่งในขณะที่สหรัฐยังอยู่ในขั้นตอนการสร้างฐานทัพให้เสร็จสมบูรณ์ รัฐบาลก็แสดงเจตนาอันเลวร้ายออกมา โดยการสั่งให้เหล่าออโต้บอทส์ไปอยู่ในสนามพื้นที่ทดสอบเนวาดาชั่วคราว ซึ่งมันตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองไนย์ รัฐเนวาดา พื้นที่ทดลองของเนวาดา
มันเป็นสถานที่ที่กองทัพสหรัฐทําการทดสอบและทําลายอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่
ซึ่งบริเวณใกล้เคียงของสถานที่ทดลองเนวาดา มันเป็นที่ตั้งของกองพลขีปนาวุธสองกอง มีรถถังและเครื่องบินขับไล่ประเภทต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 200 คัน แถมยังมีนิวเคลียร์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนอีก
การวางออโต้บอตส์ไว้ในตําแหน่งที่มีป้อมปราการหนาแน่นล้อมรอบเช่นนี้ บ่งบอกถึงระดับความระมัดระวังที่รัฐบาลสหรัฐได้ดี
ไม่นานรถคันนี้ก็มาถึงที่หมาย และหลังจากประตูเปิดออก ชายหนุ่มผิวขาวในชุดสูทสีดําก็ก้าวออกมา
ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในวัยสามสิบ ชายคนนี้เดินเข้าไปหาผู้พันวิลเลียมและกัปตันโรเบิร์ตด้วยความเคารพ ทักทายพวกเขาตามธรรมเนียมแล้วจึงพูดว่า "ผู้พัน ผมมาจากสถานีเรดาร์นันกานดา นี่คือภาพที่เราถ่ายในวันนี้ และผมได้รับคําสั่งให้ส่งมอบให้คุณ"
เขาดึงรูปภาพหลายสิบภาพจากกระเป๋าเอกสารของเขาและส่งมอบให้ ผู้พันวิลเลียมเหลือบมองกระเป๋าเอกสารที่พองโต และรู้ว่าข้างในมีสิ่งของอยู่มากกว่ารูปภาพ เขาทำความเคารพเสร็จและก็รับรูปถ่ายมัทนที
กัปตันโรเบิร์ตก็โน้มตัวเข้าไปดูใกล้ ๆ เช่นกัน และเมื่อตรวจสอบภาพด้วยกัน สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมกันทันที รูปภาพตรงหน้านั้นมีลักษณะคล้ายเครื่องบินลำหนึ่ง สามารถมองเห็นโครงส่วนของมันได้อย่างชัดเจน
"เครื่องบินเล็กลำนี้…มันดูคล้ายกับ..."
กัปตันโรเบิร์ดูภาพใบหนึ่งอย่างแบบละเอียดอีกครั้ง เขาพยายามระบุประเภทของเครื่องบิน
"ยานบินกรีมรีปเปอร์..." ใบหน้าของผู้พันวิลเลียมเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความคิดที่วุ่นวายของเขาก่อนที่จะหันกลับมาสนใจชายหนุ่มตรงหน้า "ภาพพวกนี้ถ่ายมานานแค่ไหนแล้ว? แล้วมันอยู่ที่นไหน?"
ชายคนนั้นก็ตอบว่า "33 นาทีที่แล้ว เหนือโคโลราโด..."
"งั้นเหรอ..."
ผู้พันวิลเลียมพยักหน้าและพูดกับเขาอีกครั้งว่า "ผมต้องจัดการมันใช่ไหม?"
"ถูกต้องแล้ว ผู้พัน"
ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าเอกสารที่เขานํามาให้อีกฝ่ายทันทีพร้อมโค้งคํานับ ก่อนจะหันหลังกลับและออกไปด้วยรถของเขา
ทันทีที่เขาจากไป ผู้พันวิลเลียมก็ส่งรูปภาพทั้งหมดที่เขาถืออยู่ให้กัปตันโรเบิร์ตซึ่งอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเอกสารด้วยตัวเอง
ในไม่ช้า แผ่นดิสก์หลายแผ่นและเอกสารอื่น ๆ ก็ถูกนําออกไปด้วย ผู้พันวิลเลียมมองดูสิ่งของพวกนี้อยู่ครู่หนึ่งถึงได้เงยหน้าขึ้น
"กัปตัน ส่งคนไปหาออฟติมัสไพร์ม แจ้งแผนกยุทโธปกรณ์ทันที ผมจะเริ่มประชุมการรบร่วมทางไกลเดี๋ยวนี้..."
“รับทราบครับ”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ที่ฐาน C3 นอกสถานที่ทดลองเนวาดาในสํานักงานสื่อสารของเสนาธิการทหารร่วม
"สายเข้ารหัสสําหรับการประชุมเสนาธิการร่วมเชื่อมต่อกันแล้ว ผู้พัน..."
ด้วยการเตือนจากเจ้าหน้าที่สื่อสาร ผู้พันวิลเลียมสูดลมหายใจลึก ๆ พร้อมกับพยักหน้าและเดินตรงไปที่กล้องความละเอียดสูงหลายตัว เขาทักทายแล้วพูดว่า "...ทุกท่านครับ เราเพิ่งได้รับรายงานจากข่าวกรองมาเมื่อครู่นี้ เนื่องจากสถานการณ์วิกฤต ผมจึงต้องประชุมครั้งนี้เพื่อรายงานสถานการณ์ให้ทุกคนทราบ..."
ใต้กล้องตรงหน้าเขามีจอ LCD หลายจอตั้งอยู่ แต่ละจอแสดงภาพบุคคลทหารระดับสูง ทุกคนสวมเครื่องแบบนายพล พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้บัญชาการสูงสุด และรัฐมนตรีทหารของกองทัพสหรัฐ
"ข่าวกรองเรื่องอะไร?"
เออร์วิน เลขาธิการกองทัพบกถาม
ผู้พันวิลเลียมเหลือบมองออฟติมัสไพร์มที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า "เมื่อไม่กี่วันก่อน ดาวเทียมทหารดวงหนึ่งของเราที่ซาวด์ เนสท์ ซึ่งเพิ่งอัปเกรดด้วยระบบสแกนสเปกตรัมใหม่ ได้ตรวจพบการตอบสนองของสเปกตรัมไม่นานนัก ที่ซาเวจเคาน์ตี้ในโคโลราโด.. หลังจากนั้นเราจึงเพิ่มการเฝ้าระวังในโคโลราโด และเมื่อกว่าหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ดาวเทียมของเราจับภาพอีกชุดหนึ่งได้...หลังจากระบุตัวตนแล้ว ได้รับการยืนยันแล้วว่าภาพที่ถ่ายมาเป็นดีเซปติคอน เฟรนซี่ ..."
"เฟรนซี่!"
ทันทีที่ทุกคนได้ยินชื่อเฟรนซี่ผ่านหน้าจอ ผู้พันวิลเลียมก็สามารถสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในหมู่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่เข้าร่วมการประชุมเสนาธิการร่วมผ่านทางไกลในทันที
อันที่จริง ไม่ใช่แค่พวกเขา ผู้พันวิลเลียมเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ในการต่อสู้ที่ลาสเวกัส หากการปรากฏตัวของเมกะทรอนทําให้ชาวอเมริกันรู้ถึงความสามารถในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของดีเซปติคอนแล้วล่ะก็ เฟรนซี่ที่ไม่ได้แข็งแกร่ง ไม่มีพลังทางร่างกาย ได้สอนพวกเขารู้ซึ้งถึงพลังทําลายล้างที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตจักรกล
ไม่ใช่แค่การสูญเสียกองทัพอากาศ ทหารสหรัฐต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของมันหลายครั้ง การสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นจากการรุกรานเขตที่ 7 สองครั้ง ซึ่งการสังหารโหดในเขต 7 นั้นได้โจมตีหัวใจของรัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่า เมื่อเมกะทรอนถูกยืนยันว่าตายแล้ว สตาร์สครีมที่เหล่าออโต้บอตส์กลัวยังไม่ปรากฏตัว
ซุนเฉิงจึงได้กลายเป็นเป้าหมายที่อันตรายที่สุดในสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐไปเสียแล้ว
ส่งผลให้ที่ประชุมได้ถูกอนุมัติคำสั่งอย่างรวดเร็ว จนผู้พันวิลเลียมเองก็คาดไม่ถึง
"ผู้พัน เราอนุมัติให้ส่งกองกําลังซาวด์เนสท์ เรามีคําขอเพียงข้อเดียว ใช้ทุกวิถีทางเพื่อทําลายสิ่งมีชีวิตจักรกลที่ชื่อว่าเฟรนซี่ให้สิ้นซาก!"
“ได้ครับ ผมรับประกันภารกิจนี้ต้องสําเร็จ!”