ตอนที่แล้วตอนที่ 65 : เปลี่ยนอาชีพ ! ผลของสกิลเลเวล 8 !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 67 : ต้นกำเนิดของหมอกดำ !

ตอนที่ 66 : เบื้องหลัง ! ตระกูลเหลียน ?


ตอนที่ 66 : เบื้องหลัง ! ตระกูลเหลียน ?

“เกือบได้เวลาแล้ว ทำไมเขายังไม่ออกมาอีก ?”

“ใช่ นี่มันก็ผ่านมา 12 ชม.แล้ว เด็กนั่นยังอยู่ในชั้น 30 อยู่เหรอ ?”

“มัน....เหลืออีก 2 นาทีสุดท้าย”

ที่ลานหอฝึกฝน ผู้คนพากันมารวมตัวกัน

แม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้ว ทว่าทั้งลานก็ยังเปิดไฟสว่าง มีผู้ปลุกพลังกับผู้ชมร่วมหมื่นคนที่มารอคอยกันอย่างกังวล

นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปีกับการสอบเข้ามหา’ลัยที่กินระยะเวลานานขนาดนี้ !

12 ชม. ! !

พิธีกรปิงปิงดูเหนื่อยล้านิด ๆ แต่เธอก็ยังคึกคัก เธอยังคงยืนอยู่หน้ากล้องและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

“เพื่อน ๆ ทุกคน ตอนนี้เหลือเวลาแค่ 2 นาทีก่อนจะครบ 12 ชม.ในการสอบเข้ามหา’ลัย แชมป์ในการแข่งแบบทีมในปีนี้กำลังจะปรากฏตัวแล้ว !”

“น่าแปลกใจจริง ๆ !”

“ไม่คิดเลยว่าแชมป์ของเมืองปิ้นไห่ปีนี้จะเป็นทีมที่มีผู้ปลุกพลังระดับ D !”

“มันพิสูจน์ได้ว่าไม่มีผู้ปลุกพลังคนไหนที่อ่อนแอ มีแค่คนที่อ่อนแอ ตราบใดที่หาทางใช้ความสามารถที่มีได้อย่างเหมาะสมและพยายามอย่างหนัก แม้จะได้คะแนนประเมินที่ต่ำ ทว่าเราก็ยังแสดงฝีมือที่เก่งกาจออกมาได้ !”

“เราได้ข่าวมาจากโรงเรียนที่ 12 ว่าหลินลั่วคนนี้น่ะขยันเรียนตั้งแต่เด็ก เขาอ่านหนังสือถึงดึกทุกวัน เขายังได้เกรดสูงในทุกวิชาด้วย เพื่อน ๆ ทุกคนที่อยู่หน้าทีวี ตราบใดที่พวกเธอขยันพอ งั้น...ก็จะเป็นแบบหลินลั่วได้ !”

ปิงปิงรายงานข่าวออกมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น สีหน้าของคนดูบางคนก็ตื่นเต้นไปตาม

“พี่ลั่วขยันเรียนและฝึกฝนอย่างหนักงั้นเหรอ ? ผลการเรียนของเขาได้คะแนนดี ฉันไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง ?” ถังเฉิงฟังที่ปิงปิงประกาศก็ต้องแสดงสีหน้าสับสนออกมา

ในฐานะเพื่อนสนิทของหลินลั่วแล้ว เขาไม่เคยเห็นหลินลั่วขยันมาก่อน

สำหรับผลการเรียนแล้ว ถ้า 20 อันดับแรกถือว่าได้คะแนนดี งั้นถือว่าหลินลั่วได้คะแนนดีก็ได้

ครูหลี่หยูที่อยู่ข้าง ๆ แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาและพูดขึ้น “อะแฮ่ม บางทีความจริงกับสิ่งที่รายงานนั้นอาจจะต่างกันเล็กน้อย....”

ในหลาย ๆ มุม ผู้ปลุกพลังจากโรงเรียนอื่น ๆ ต่างก็พากันเงยหน้ามองไปที่หอฝึกฝน

“บ้าเอ้ย! ฉันไปตรวจสอบกับเพื่อนมา หลินลั่วเป็นแค่นักบวชระดับ D จริง ๆ ในโรงเรียนที่ 12 เขาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยด้วยซ้ำ !”

“แล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ตอนแรกฉันคิดว่าตอนที่อยู่ชั้น 21 ฉันจะไปที่ชั้น 22 ได้ แต่ใครจะไปคิดว่าฉันจะต้องหนีออกมาเพราะหมอกพิษของเขา”

“ฉันก็ด้วย ! จางหยางกับฉันน่ะเก็บเลเวลอยู่ที่ชั้น 22 ถ้าอยู่ถึงตอนที่หมดเวลา อย่างน้อยเราคงเลเวล 18 ! ใครจะไปคิดว่าเราต้องโดนบีบออกมาเพราะหมอกพิษ...”

“ฉันลองไปถามครูมาแล้ว ครูบอกว่าสกิลของเขาคือการควบคุมหมอกพิษให้หมุนเวียนในพื้นที่เล็ก ๆ อย่างเขตแดนลับและดันเจี้ยน มันคงใช้กับโลกภายนอกไม่ได้”

“ใช่ ครูเราก็บอกว่าหมอกพิษที่เขาควบคุมได้เรียกว่าไวรัสโรคห่า ไม่ใช่ว่ามันคือโรคระบาดที่แค่ซื้อยาแก้พิษจากนักปรุงยาก็แก้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ รวมถึงยาต้านพิษของพวกหอการค้าด้วย ตราบใดที่มียาพวกนี้ ไวรัสโรคห่าก็ทำอะไรเราไม่ได้ !”

“บ้าชิบ ! การแข่งแบบเดี่ยวพรุ่งนี้ ฉันต้องเอาคืนมันให้ได้ !”

“ฉันก็ด้วย ! ฉันไปถึงชั้น 23 แล้ว ฉันมีสิทธิ์ที่จะท้าสู้กับเขา !”

“ในการแข่งแบบเดี่ยว มีแค่ 100 อันดับแรกใน 3 ชั้นสุดท้ายเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้สู้ เขาไปถึงชั้น 30 ได้ พวกที่มีสิทธิ์ที่จะสู้กับเขามีแค่คนที่ไปถึงชั้น 28-30 ได้เท่านั้น คนที่ขึ้นไปสูงได้ขนาดนั้นจะมีสักกี่คน ไม่ถึง 10 คนเลยด้วยซ้ำ !”

“เฮ้อ !”

“รอดูก่อน รัฐมนตรีกรมศึกษาและหัวหน้ากิลด์ผู้ปลุกพลังต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้แน่ !”

“ฉันไม่สน ! การแข่งเดี่ยวในวันพรุ่งนี้ ฉันจะท้าเขาสู้ !”

หลายคนพากันถกเถียงกัน บนเวทีเองก็มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นเช่นกัน

“ตรวจสอบมาแล้ว ! หลินลั่วคนนี้ไม่มีภูมิหลังอะไรพิเศษ พ่อเขาตายตั้งแต่เขายังเด็ก แม่เขาเป็นนักเดินเรือ ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้านักเดินเรือของเรือสำราญ”

“ไม่มีภูมิหลังพิเศษ ? งั้นความลับในตัวเด็กนี่ก็ยิ่งเปิดเผยได้ง่าย ! หาทางดึงตัวเขาเข้ามา ไม่ว่าจะต้องทุ่มอะไรก็ทุ่มไป !”

“ครับ !”

“ฉันได้ยินมาว่าตระกูลตงฟางทำการตรวจสอบเด็กนี่ ถ้าพวกนั้นเคลื่อนไหว....”

“ตระกูลตงฟาง ? ตางฟางไต่ซ่งไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ทว่าบรรพชนของพวกเขาน่ะเป็นคนเจ้าเล่ห์ โชคร้ายที่เขาบาดเจ็บหนักเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนนี้สภาพเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

“ช่างเรื่องนั้น ดึงตัวเด็กนี่มาให้ได้ก่อน !”

“ครับ !”

เสียงสั่งการยังดังออกมาจากมุมเวทีอย่างต่อเนื่อง

หลายคนมองไปที่แสงที่หอฝึกฝนพร้อมใจที่คาดหวัง

พวกเขาไม่อยากจะปล่อยให้เด็กนี่หลุดมือไป !

ที่ตรงหน้าเวที กั้วโฉวยี่ รองเทศมนตรีนั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมนิ้วที่เคาะที่พักแขน  มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเขาด้วยท่าทีเคารพ “รองนายก มีอย่างน้อย 7 ตระกูลที่คิดจะแย่งตัวหลินลั่ว”

กั้วโฉวยี่พูดขึ้นมาเบา ๆ “ไม่ต้องไปขวางพวกนั้น หลินลั่วน่ะโผล่มาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้ามีอุปสรรคชิ้นใหญ่ขวางหน้าเขา โอกาสจะกลายเป็นหายนะแทน !”

“หวังว่าเขาจะผ่านพ้นอุปสรรคพวกนี้ไปได้”

“ครับ !”

“มีอีกเรื่อง....” พนักงานโน้มตัวเข้ามากระซิบกับกั้วโฉวยี่ “มี....เรื่องพวกเด็ก ๆ ด้วย”

“เรื่องอะไร ?” กั้วโฉวยี่สายตาสั่นไหว  “ตงฟางเหอมีเรื่องกับหลินลั่ว แต่พวกคนในตระกูลใหญ่ต้องมีคนคอยปกป้องอยู่แน่ ถ้าเด็ก ๆ พวกนี้คิดจะหมายหัวหลินลั่วที่เป็นอัจฉริยะในหมู่คนธรรมดาแล้ว เขาคง...”

“ส่งคนคุ้มกันสองคนไปดูแลเขา”

“ได้ครับ !”

คนคุ้มกันที่ว่าคือผู้พิทักษ์ของมนุษย์ นี่คือผู้ปลุกพลังที่เป็นเจ้าหน้าที่ราชการที่ถูกส่งมาดูแลเมืองต่าง ๆ

อำนาจที่พวกเขามีเหนือกว่านายกเทศมนตรีด้วยซ้ำ

กั้วโฉวยี่มองไปที่หอฝึกฝนพร้อมยกมือขึ้นลูบเครา “หลินลั่ว หลินลั่วเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ! เราคือผู้พิทักษ์ของมนุษย์ เรามีเป้าหมายเพื่อ....”

“ออกมาแล้ว !” มู่หรงเสวี่ยเหินในเกราะทองยืนอยู่บนหลังคามองไปที่หอฝึกฝนที่รายล้อมไปด้วยผู้คน

สายตาคู่งามของเธอสะท้อนแสงออกมา

“แฮ่ก แฮ่ก....บัดซบ  ! เจ้านั่นออกมาแล้ว !”

“เหี้ย !”

“ไอ้ห่านี่ !”

“ไปตายซะไป !”

ในห้องสูทของตระกูลตงฟาง ตงฟางเหอกำลังสบถออกมาไม่รู้จบ คนที่ร่วมมือกับเขาอย่างหลี่เหมยนั้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล  หลี่เหมยทนความเจ็บตามตัวจากการที่โดนตงฟางเหอลงโทษ เธอกัดฟันแน่นและพยายามไม่ส่งเสียงออกมา

“นังคนชั้นต่ำ !”

“ตายไปซะ ! ไอ้ห่านั่นด้วย !”

“ตงฟางเหอ! เธอรับปากฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ? ไหนว่าเธอกับฉันจะร่วมมือกันเพื่อยึดเมืองนี้เป็นของเราไง !”

“อ๊ะ....” หลี่เหมยมองไปที่แผ่นหลังของตงฟางเหอพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ทว่าเธอก็ยังทนความเจ็บเอาไว้ สายตาของเธอสะท้อนความแค้นเคืองและอาฆาตออกมา

“มู่หรงเสวี่ยเหิน ! มู่หรงเสวี่ยเหิน ! เป็นความผิดของเธอ ! ฉันต้องฆ่าเธอทิ้ง สุดท้ายพี่เหอจะได้มาเป็นของฉัน !”

“หลินลั่วนั่นด้วย ! แกกล้ามาแย่งแชมป์ของพี่เหอ ฉันจะฆ่าแก !”

“ออกมาแล้ว !”

“เขาออกมาแล้ว !”

ในมุมของลาน เฉินผิงอันค่อย ๆ ดมกลิ่นตามแขนขาเพื่อยืนยันว่าตัวเขาไม่ได้มีกลิ่นเหม็นติดตัวอีก  ทว่าสายตาของเขาก็ยังจับจ้องไปที่หอฝึกฝนไม่ละสายตา

“ห้าวจ้าว มีอีกอย่างที่น่าสนุก”

“อะไร ?” ห้าวจ้าวที่อยู่ข้างๆถามขึ้นมา

“จนถึงตอนนี้เราเคยเห็นแต่รูปหลินลั่ว เราไม่รู้เลยว่าหน้าตาเขาจริง ๆ เป็นแบบไหน !”

ห้าวจ้าวยิ้มออกมา “ฮี่ฮี่ ดูจากรูปก็ดูหล่อดีนะ หล่อกว่านาย !”

เฉินผิงอันฮึดฮัดออกมา “หล่อแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร ? เขาใช้หมอกพิษมาตั้งหลายชั้น ดาบฉันน่ะกำลังหาที่ลับคมอยู่พอดี ฉันอยากเห็นว่าเขามีความสามารถจริง ๆ รึแค่ฉวยโอกาสได้เก่ง ? !”

“ออกมาแล้ว...”

ในห้องหนึ่ง หยางเฉินหลี่เก็บเครื่องมือทำนายที่โต๊ะมองไปทางหอฝึกฝน

ข้าง ๆ เขามีคนอีกสองคนยืนขนาบข้างอยู่

“ฉันให้ตำแหน่งกับพวกนายไปแล้ว รีบไป”

ชายร่างสูงพูดขึ้นมา “ฮี่ฮี่ น้องหยาง นายอายุเท่าไหร่แล้ว ถ้าขืนนายยังทำหน้าตาถมึงทึงแบบนี้ นายหาแฟนไม่ได้แน่ !”

“นายอยากอยู่คนเดียวไปตลอดรึไง ?”

“ฉันบอกแล้วไง เราจะเป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยเดียวกันในอนาคต นายอยากให้ฉันแนะนำสาว ๆ ให้มั้ย”

“ไม่ ไม่ต้องเลย !” หยางเฉินหลี่ยังหน้านิ่งดังเดิม อยู่ ๆ เขาก็คิ้วขมวด “พวกนายจะไปจัดการกับปัญหานี้รึเปล่า ?”

“ไม่จำเป็นหรอก” ชายคนหนึ่งโน้มตัวพิงเก้าอี้และพูดขึ้น “มีภารกิจใหม่มา เราสองคนไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้นแล้ว เราแค่ต้องไปจับตาดูหลินลั่วนั่น...”

ตอนที่พูดนั้นเขาก็ชี้ไปที่หอฝึกฝน

“หลินลั่ว....” หยางเฉินหลี่กระจ่างขึ้นมาทันที “ดูเหมือนว่าฉันคงต้องหามหา’ลัยใหม่แล้ว...”

“ออกมาแล้ว !” เหลียนฉิงเอ๋อมองไปที่เหลียนอี้หนิงพร้อมกับวิ่งไปที่หอฝึกฝนด้วยสายตาคาดหวัง

“ถ้าตอนนั้นฉันใจกล้าเหมือนหนิงเอ๋อก็คงดี”

“...”

ด้านบนหอฝึกฝน อยู่ ๆ ก็มีคลื่นแผ่กระจายออกมา

คนบนเวทีพากันหันกลับไปมอง

“ออกมาแล้ว !”

แสงสีขาวจาง ๆ ค่อย ๆ ร่วงลงมาจากด้านบนตัวหอฝึกฝนลงมาที่ใจกลางลาน  มีร่างที่สูงโปร่งปรากฏขึ้นมาตอนที่แสงสลายไป

เด็กหนุ่มในชุดขาวถือคทาแดง มันเหมือนมีแสงสีแดงเลือดส่องประกายออกมาจากด้านหลังเขาด้วย

หลินลั่วได้ออกมาจากหอฝึกฝนแล้ว

“นั่นหลินลั่ว !”

“เด็กนี่เป็นนักบวชระดับ D !”

“หล่อจริง ๆ !”

“ไอ้หนู ฉันขอท้าสู้กับนาย !”

“หลินลั่ว ! ฉันไปถึงชั้น 22 แล้วแท้ ๆ แต่กลับต้องโดนแกบีบออกมา....”

“ไอ้ห่านี่...”

เสียงโวยวายดังขึ้น ก่อนที่หลินลั่วจะได้ตั้งตัว มันก็มีร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาโผกอดเขา

เขารู้สึกถึงความนุ่มและชื้นที่แก้ม

เขา....กลับโดนขโมยจูบงั้นเหรอ ?

เมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบกับเหลียนอี้หนิงที่หน้าแดง เธอพยายามก้มหน้าและปิดตา

“...”

“บัดซบ ! เทพธิดาเหลียน !”

“ลูกสาวคนเล็กของตระกูลเหลียน !”

“เบื้องหลังหลินลั่วมีตระกูลเหลียนคอยหนุนหลัง !”

“ไม่แปลกใจเลย.....”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด