ตอนที่ 17: คนเฝ้าสุสาน
ตอนที่ 17: คนเฝ้าสุสาน
“มีอะไรเหรอเหล่าชี?” เมื่อเห็นสีหน้าของนักฆ่า คนอื่นจึงเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา
“เวรเอ๊ย!! อุปกรณ์ของฉันถูกดรอปน่ะสิ!!”
หลังจากตกตะลึงอยู่หลายวินาที ในที่สุดเหล่าชีจึงกรีดร้องลอดไรฟัน
“อะไรถูกดรอปไป?” ทุกคนยิ่งตื่นตระหนก “แหวนคงไม่ได้ถูกดรอปไปหรอกใช่ไหม?”
“ก็แหวนนั่นแหละที่ถูกดรอป!!” เหล่าชีหลั่งน้ำตาออกมา “แล้วฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับลูกพี่ยังไงดี!!”
"เรื่องนี้..."
ทุกคนแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
“เวร!! ทำไมของถูกดรอปจากคุณต้องเป็นแหวนด้วย!!” สีหน้าของมังกรหัวล้านเปลี่ยนไปเช่นกัน
ในกิลด์การค้าอย่างสมาคมมังกรดำ อุปกรณ์สวมใส่ของทุกคนถือเป็นทรัพย์สินของกิลด์
ผู้เล่นสมาคมมังกรดำเพียงมีสิทธิ์ใช้อุปกรณ์สวมใส่ดังกล่าวเท่านั้น ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด ใครก็ตามที่ทำให้อุปกรณ์สวมใส่ชิ้นนั้นหายจะต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นการชดเชย
ดังนั้นสิ่งแรกที่กลุ่มมังกรหัวล้านทำหลังจากคืนชีพคือการตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ถูกดรอปหรือไม่
ในฐานะเครื่องประดับของนักฆ่าอย่างแหวนมายาเร้นลับมีคุณสมบัติในการเสริมแกร่งการลอบเร้นเช่นกัน จึงถือเป็นเครื่องประดับดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่าประเมินค่าไม่ได้ แต่ในช่วงนี้มันคือหนึ่งในอุปกรณ์สวมใส่ที่มีค่ามากที่สุดในห้องสมุดอุปกรณ์สวมใส่ของกิลด์
แต่ตอนนี้มันกลับถูกดรอปไปแล้ว
พวกมังกรหัวล้านรู้สึกอย่างไรในตอนนี้คงพอจะจินตนาการได้ไม่ยาก
หากเป็นการต่อสู้กับ Boss หรือกิลด์วอร์แล้วเกิดดรอปขึ้นมา ผู้นำกิลด์ย่อมไม่สืบสาวเอาความ
แต่ตอนนี้ผู้คนบางส่วนกลับเอาอุปกรณ์สวมใส่ของกิลด์ไปโจมตีผู้อื่นแต่กลับถูกฆ่ากลับมา เรื่องนี้จึงถือเป็นความสูญเสียส่วนตัว
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งแปดคนที่ไปปะทะกับหนึ่งคนมากลับถูกสังหารจนเกลี้ยง ไม่เพียงแต่สูญเสียอุปกรณ์สวมใส่เท่านั้น แต่ประเด็นสำคัญคือยังนำความอับอายกลับมาอีกด้วย
แบบนี้ยังจะใช้ชีวิตที่กิลด์ในภายภาคหน้าได้อย่างไร?
“แล้วฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าแหวนจะถูกดรอป ถ้าฉันรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่พกติดตัวไปด้วยหรอก!” เหล่าชีตะโกนด้วยความวิตกเช่นกัน "ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเจ้าโง่อย่างคุณนั่นแหละ หากไม่ใช่เพราะคุณพาพวกฉันไปปล้นอุปกรณ์สวมใส่ไอ้เด็กเวรนั่น ฉันจะมาตายแบบนี้หรือไง?"
มังกรหัวล้านได้ยินเช่นนี้จึงรีบเอ่ยคำ "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามหาความรับผิดชอบสักหน่อย สิ่งสำคัญคือจะเอาแหวนกลับมายังไงต่างหาก"
“จะเอากลับมาเหรอ?” ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของมังกรหัวล้าน
ทุกคนที่ต่อสู้กับหวังยวนทราบดีว่า “กำลังคนบางส่วน” ของหวังยวนทรงพลังมากแค่ไหน แม้หวังยวนจะไม่ได้ลงมือ แต่สองตัวนั้นที่อยู่ข้างกายเขาก็แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อแล้ว
ความร่วมมืออันสมบูรณ์แบบของทั้งสอง รวมถึงทุกการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดคริติคอลฮิตช่างเหมือนกับทหารมืออาชีพที่ผ่านสมรภูมิโดยไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดที่ไม่มีความจำเป็น
สองตัวนั้นเอาชนะเจ็ดถึงแปดคนได้ แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
สิ่งของกองไว้รวมกัน คนอยู่กันเป็นกลุ่ม การที่สามารถอยู่ร่วมกับยอดฝีมือแข็งแกร่งทั้งสองนั้นได้ หวังยวนจะต้องแข็งแกร่งไม่ผิดแน่
เจอกับยอดฝีมือไม่ธรรมดาทั้งสาม แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้?
การส่งคนไปเพิ่มไม่ต่างจากเอาของไปประเคนให้แต่อย่างใด
“คุณคิดว่าไง เหล่าอวิ๋น” มังกรหัวล้านจนปัญญาขณะมองนักเวทนามอวิ๋นจงอีเฮ่อ (นกกระเรียนในเมฆา) ผู้อยู่ข้างกายเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ฉันคิดว่าควรบอกหัวหน้าไปตามความจริง” อวิ๋นจงอีเฮ่อครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ยคำ “ถึงตอนนี้เรื่องราวมันอยู่เหนือการควบคุมของพวกเราแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังพอหาคนที่สามารถแก้ปัญหาได้ หาไม่แล้วหากเจ้าพวกนั้นขายแหวนที่โรงประมูลขึ้นมา พวกเราได้งานเข้าแน่”
“เฮือก… ขายงั้นเหรอ”
เมื่อได้ฟังคำของอวิ๋นจงอีเฮ่อ ทุกคนต่างสูดไอเย็นเข้าไป
อย่างน้อยตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าอุปกรณ์สวมใส่อยู่ที่ไหน หากถูกนำไปประมูลแล้วมีใครบางคนซื้อขึ้นมา มันก็จะหายไปตลอดกาล
"ตกลง!"
มังกรหัวล้านพยักหน้าอย่างจนใจแล้วเอ่ยคำ "ให้หัวหน้าจัดการแล้วกัน"
…
อีกด้านหนึ่ง หวังยวนกับสุ่ยหลิงหลงข้ามผ่านป่าอสนีจนมาถึงส่วนลึกของป่าที่ทำเครื่องหมายไว้ในภารกิจ
อย่างที่คิดเอาไว้ มีพื้นที่โล่งขนาดใหญ่อยู่ในส่วนลึกของป่าตามที่ซูลพูดถึง
พื้นที่โล่งถูกปกคลุมไปด้วยซากศพสีขาว
ตรงกลางของพื้นที่โล่งมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ซึ่งมีความสูงมากกว่าสองเมตรตั้งอยู่
…
“เหล่าหนิว ที่นี่ไม่มีผีใช่หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นฉากนี้ สุ่ยหลิงหลงจึงแสดงอาการหวาดกลัวจนหน้าซีดออกมา จากนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าหาหวังยวน
“เหลวไหล! ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันมาทำอะไร?” หวังยวนพูดไม่ออกขณะผลักสุ่ยหลิงหลงไปด้านข้าง ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วเหรอ?
ผีเผออะไร? ก็แค่อันเดดไม่ใช่เหรอ?
ทั้งที่เนโครแมนเซอร์คืออาชีพที่ต่อสู้ไปพร้อมกับอันเดด แต่เธอถึงกับมาถามว่ามีผีหรือเปล่า
“เนโครแมนเซอร์ช่างเป็นอาชีพที่ชั่วร้ายเหลือเกิน” สุ่ยหลิงหลงเผยสีหน้าเหยียดหยัน
หวังยวน "..."
ตรรกะของผู้หญิงช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน
“แท่นบูชากระดูกขาว อย่าเข้าใกล้!”
ขณะทั้งสองเข้าใกล้แท่นบูชา น้ำเสียงว่างเปล่าจึงดังขึ้นในหู
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจึงเห็นร่างผู้หนึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชา
คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งแล้วใส่ชุดคลุมทับอีกชั้น ในมือถือโคมสีเขียว ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
หวังยวนใช้คาถาตรวจจับ แล้วข้อมูลของเจียงเกอจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า
คนเฝ้าสุสานลิช เจียงเกอ
เลเวล: 20
ค่าพลังชีวิต: 50000
ค่าพลังมานา: 10000
สกิล: อัญเชิญอันเดด ชักนำวิญญาณ
แนะนำภูมิหลัง: อดีตเนโครแมนเซอร์ในสถานที่ฝังศพ ตนเองได้กลับมาเกิดใหม่เป็นลิชเพื่อไล่ตามวิญญาณสูงสุดของอันเดด เป็นวิญญาณวีรชนที่ถูกจองจำในแท่นบูชากระดูกสีขาวเพื่อคอยชี้นำวีรชนที่เสียชีวิตในป่าอสนี
“พระเจ้า!”
เมื่อเห็นคุณสมบัติของเจียงเกอ หวังยวนจึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
เป็นไปตามที่เราจินตนาการเอาไว้เลย
ซูลไม่ได้มีเจตนาดี แท้จริงแล้วแค่ส่งเรามาตายเท่านั้น
ผู้เล่นเลเวลสิบท้าทาย Boss ทองเลเวล 20 ผู้ออกแบบเกมกำลังคิดอะไรอยู่?
“ถึงกับเป็นเจ้าคนขี้เหนียวเจียงเกอ!”
ขณะหวังยวนกำลังบ่นเกี่ยวกับความเหลี่ยมของผู้ออกแบบ เสียงของต้าไป๋ก็พลันดังขึ้นในใจของหวังยวน
“คุณรู้จักเขาเหรอ?” เสี่ยวไป๋ถาม
"รู้จักน่ะสิ!" ต้าไป๋เอ่ยคำ “ในตอนนั้น การทดสอบสำเร็จการศึกษาของพวกเรานักเวทคือการไปอาณาจักรลับผาอสนีเพื่อช่วยซูลต่อต้านกองทัพมอนสเตอร์ เจียงเกอคือหนึ่งในศิษย์ของซูล สหายผู้นี้รับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบโพชั่น แถมยังหลอกเอาเงินฉันไปเป็นจำนวนมาก”
“สุนัขเฒ่าหวูซวง คุณเองก็เคยถูกหลอกเอาเงินเหมือนกันเหรอ?”
“หรือไม่จริง? เพราะงั้นฉันถึงหลอกเอาเงินคุณในตอนนั้นยังไงล่ะ!”
“ดูเหมือนคุณไม่รู้สึกละอายใจกับพฤติกรรมที่ทำไว้เลยนะ”
"อย่าคิดอย่างนั้น! ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ทางสังคม"
…
"หืม..."
หลังจากได้ยินคำพูดของต้าไป๋ หวังยวนคล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
กลายเป็นว่าเจียงเกอคือศิษย์ของซูลเหมือนกัน หากเขาเป็นศิษย์ในอนาคตของซูล นั่นไม่เท่ากับเป็นพวกเดียวกันเหรอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังยวนจึงบังเกิดความยินดีขณะพยายามเข้าใกล้ “อาจารย์เจียงเกอ! อาจารย์ซูลเป็นคนส่งฉันมา ขอฉันยืมตะเกียงชักนำวิญญาณของคุณหน่อยสิ”
ในเมื่อเป็นพี่น้องกัน ต่อให้ไม่ยอมก้มหัวให้ แต่ไม่น่ามีปัญหากับการยืมตะเกียงเท่าไหร่
“ซูลเหรอ?!!!!”
ทว่าเมื่อได้ยินคำว่า “ซูล” กลิ่นอายของเจียงเกอกลับเปลี่ยนไปทันที จากนั้นจึงแผ่จิตสังหารออกมาพร้อมกับเอ่ยคำอย่างมุ่งร้าย "ไอ้สารเลวซูล!! ขังฉันไว้ที่นี่มานานกว่าสามสิบปี พอมาตอนนี้ศิษย์ของเขามาขอตะเกียงชักนำวิญญาณของฉันงั้นเหรอ! โอหังยิ่งนัก!"
"ฉัน..."
หวังยวนรู้สึกเดือดดาลทันที
เอาล่ะ เจ้าโง่ต้าไป๋ให้ข้อมูลอะไรมาเนี่ย ไหนบอกว่าเจียงเกอเป็นศิษย์ของซูลเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมถึงเป็นศัตรูกันล่ะ?
ตอนนี้นอกจากหลอกไม่สำเร็จแล้ว ยังไปยั่วโมโห Boss อีก
แต่ถ้าลองมาคิดอย่างถ้วนถี่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ต้าไป๋บอกว่าเจียงเกอเคยเป็นศิษย์ของซูลตอนรับหน้าที่คุ้มกันผาอสนี ซึ่งมันเป็นเรื่องหลายสิบปีต่อมา… หมายความว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังเป็นศัตรูกันอยู่
เป็นเราที่เข้าใจผิดเอง