Chapter 225 : การเคลื่อนไหวแปลกประหลาดภายในหุบเขามังกร – มุ่งสู้ภาคีอัศวินแห่งความจริง (4)
หลินเซวียนกลับไปยังที่พักของเขาในทันทีเพื่อเก็บข้าวของ อาหาร น้ำและโพชั่นทุกชนิดล้วนถูกจัดแจงเข้าไปในมิติส่วนตัวของเขาจนสิ้น
ด้วยความจุของมิติส่วนตัวของเขาต่อให้ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวภายในหุบเขามังกรเป็นปีๆเขาก็ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเดิม
“ไม่คิดเลยว่าหลังจากกลับมาจากทุ่งราบมหาสวรรค์แล้วจะต้องรีบไปที่อื่นต่อเลย หุบเขามังกรงั้นหรอ...ไม่เคยไปมาก่อนเลยค่อนข้างคาดหวังนะเนี่ย” หลินเซวียนยิ้ม
หนึ่งชั่วโมงถัดมาโต๊ะผสานไอเทมก็ทำการผสานเสร็จสมบูรณ์
หนังสือสกิลที่เรืองแสงสีทองดำปรากฏออกมาเบื้องหน้าของเขา
—
[ชื่อ : หัวใจจักรพรรดิ]
[เลเวล : ขอบเขตที่7เลเวล1]
[ระดับ : ตำนานทองดำ]
[ความสามารถที่1 : พลังชีวิตเพิ่มขึ้น200%]
[ความสามารถที่2 : มานาเพิ่มขึ้น90%]
[ความสามารถที่3 : ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น150%]
[ความสามารถที่4 : ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น50%]
[ความสามารถที่5 : ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น100%เป็นเวลา10วินาทีหลังจากได้รับบาดเจ็บ ระยะเวลาคูลดาวน์ : 20 วินาที]
—
หลังจากเห็นความสามารถทั้งหมดหลินเซวียนก็ทำการเรียนรู้มันอย่างไม่ลังเล
“สุดยอดมกา!”
“สมแล้วที่เป็นหัวใจจักรพรรดิ!” หลินเซวียนเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ
หัวใจจักรพรรดินั้นเป็นคำที่มักจะถูกใช้อธิบายเสียงที่เกิดจากสิงโต เสือ หมีหรือเสือดาวเวลาที่พวกมันคำราม นอกจากนี่มักจะถูกนำมาหยิบยกแทนคำอธิบายของเสียงเต้นของหัวใจของเหล่าสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
วัตถุดิบที่จำเป็นในการผสานหัวใจจักรพรรดิเองก็เกี่ยวข้องกับอสูรร้ายที่กล่าวมาข้างต้น
ในความเป็นจริงแล้วหลินเซวียนก็พอจะลองคาดเดาความสามารถของหัวใจจักรพรรดิเอาไว้บ้างแล้วแต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะทรงพลังถึงระดับนี้
สามชั่วโมงผ่านไปในชั่วพริบตา
เมื่อหลินเซวียนเดินออกมาจากที่พักอีกครั้งก็พบว่าบริเวณพื้นที่ว่างของเมืองหลิงซานได้ปรากฏเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่จอดรออยู่เรียบร้อยแล้ว
เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่นี้คืออุปกรณ์ทางการทหารที่ถูกวิจัยขึ้นมาหลังจากโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง
หลังจากได้ไอเดียสุดอัจฉริยะจากหว่านโหยวซีเพิ่มเติมมันก็ถูกออกแบบใหม่อีกครั้งทำให้พลังงานที่ใช้ลดน้อยลง เคลื่อนย้ายได้เร็วขึ้น รับน้ำหนักได้มากขึ้นและเคลื่อนย้ายได้ไกลขึ้น
อาจจะกล่าวได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะมองยังไงมันก็เหนือกว่าอุปกรณ์ทางการทหารเมื่อร้อยปีก่อนไปไกลริบอย่างทาบไม่ติดแล้ว
“แต่ละครั้งสามารถลำเลียงคนได้ครั้งละ300คน คนที่ถูกเรียกชื่อขอให้ขึ้นมาบนเครื่องบินโดยสารด้วย” หญิงสาวใบหน้ากลมโตที่ยืนอยู่ด้านข้างประตูขึ้นเครื่องบินโดยสารเริ่มขานชื่อเสียงดัง
“เย่อู่ชิว เซี่ยงเทียนซิว ดาบพิษ โล่วิญญาณ ลู่หลัว แบล็ค ไป๋ชิงเหอ...หลินเซวียน....” หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย
การบินแต่ละครั้งจะลำเลียงคนได้เพียง300คนดังนั้นคนกลุ่มแรกที่ถูกส่งตัวไปย่อมต้องเป็นนักสู้ที่ทรงพลังที่สุด
หลินเซวียน เหล่าร่างแยกของเขา เย่อู่ชิว เซี่ยงเทียนซิวและคนอื่นๆคือนักสู้กลุ่มแรกที่ได้ขึ้นเครื่อง
หลินเซวียนสุ่มหาที่เหมาะๆเพื่อหย่อนตัวลงนั่งและก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าที่นั่งนั้นค่อนข้างสบายทีเดียว
เมื่อตอนที่หว่านโหยวซีทำการออกแบบเครื่องบินโดยสารดูเหมือนเขาจะสนใจกระทั่งเรื่องความสบายของผู้โดยสารด้วย
หลินเซวียนกวาดตามองไปรอบๆแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อพบว่ามีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บนห้องโดยสารด้วย
หลี่เหว่ยกั๋ว นักสู้ขอบเขตที่8
ดูเหมือนหลี่เหว่ยกั๋วคือผู้นำที่จะนำพวกเขาไปยังภาคีอัศวินในคราวนี้
“ทุกคนนี่คือข้อมูลเชิงลึกของภาคีอัศวินแห่งความจริงและเทือกเขามังกร ทำการตรวจสอบกันให้เร็วที่สุดเพื่อจำเป็นต้องใช้”
“องค์กรอื่นๆเองก็ส่งคนเข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย อินเดียกับทุ่งราบมหาสวรรค์อาจจะเล็งเป้ามาที่พวกเราในปฏิบัติการครั้งนี้ก็ได้ดังนั้นพวกเราจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลของนักสู้ชั้นยอดในขอบเขตที่7จากทั้งสององค์กรและข้อมูลที่เกี่ยวข้องเอาไว้ให้แล้ว”
หลังจากหลี่เหว่ยกั๋วเอ่ยจบ คนของกองพลก่อสร้างสองคนก็ได้ทำการแจกกระดาษข้อมูลให้กับเหล่านักสู้ทั้งสองฝั่งบนเครื่องบินโดยสาร
หลินเซวียนเองก็รับชุดข้อมูลมาเช่นกันและทันทีที่เขาได้มาเขาก็เริ่มเปิดดูทันที
ร่างหลักบวกกับร่างแยกทั้งห้ารวมเป็นหกคนช่วยกันจำทำให้เร็วกว่าคนเดียวมากนัก
คนอื่นๆยังคงอ่านอยู่แต่เขากลับอ่านจบและจดจำทุกอย่างเอาไว้ในใจได้หมดแล้ว
เย่อู่ชิวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ชะงักไป “นาย..นี่คือเทคนิคการอ่านด้วยความเร็วระดับควอนตัมรึไง?”
หลินเซวียนหัวเราะออกมา “เปล่าหรอกผมแค่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการอ่านที่เร็วกว่าคนอื่นก็เท่านั้น”
หลี่เหว่ยกั๋วเองก็สังเกตเห็นเขาและแค่นเสียงออกมา
“นี่คือข้อมูลที่ทางองค์กรของพวกเราใช้ความพยายามไปไม่น้อยกว่าจะได้มาดังนั้นอย่าได้ทำให้มันเสียเปล่า”
“ผมอ่านจบแล้วจริงๆครับ” หลินเซวียนไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
หลี่เหว่ยกั๋วพยักหน้า “ถ้างั้นฉันจะลองถามนายดู ระบบศักดินาของภาคีอัศวินแห่งความจริงเป็นยังไง?”
หลินเซวียนเปิดปากเอ่ยตอบ “โป๊ปคนปัจจุบันของภาคีอัศวินแห่งความจริงคือโป๊ปลำดับที่3 เซนต์เกรกรอรี่”
“ถัดลงมาจากโป๊ปแบ่งออกเป็นสองฝั่งคือกลุ่มคาร์ดินัลและอัศวิน หัวหน้าของกลุ่มคาร์ดินัลคือคาร์ดินัลอาร์คบิชอปและหัวหน้าของฝ่ายอัศวินคือผู้บัญชาการสูงสุด”
“ไล่จากบนลงล่างของทางฝั่งคาร์ดินัลก็คืออาร์คบิชอป คาร์ดินัล บิชอป นักบวชและเหล่าผู้ศรัทธา”
“ส่วนของทางฝั่งอัศวินก็คือผู้บัญชาการสูงสุด รองผู้บัญชาการ มหาอัศวิน อัศวินและอัศวินฝึกหัด” หลินเซวียนพูดจนจบโดยไม่ชะงักแม้แต่ประโยคเดียว
กลับกันด้วยซ้ำเพราะเสียงของเขาทั้งกังวานและมั่นอกมั่นใจ
หลี่เหว่ยกั๋วชะงักไปและก็ต้องมองมาที่เขาด้วยสายตาจริงจัง “ไม่เลวๆ ถ้างั้นบอกฉันซิว่าสุดยอดนักสู้ขอบเขตที่7ของภาคีอัศวินแห่งความจริงมีใครบ้าง?”
หลินเซวียนพยักหน้า
“ในบรรดานักสู้ชั้นยอดขอบเขตที่7ที่แข็งแกร่งที่สุดคือบรูโน่ เริ่มแรกนั้นเขาถูกมหาอัศวินคนหนึ่งมองเห็นพรสวรรค์และจากนั้นก็ได้ผู้บัญชาการสูงสุดและอาร์คบิชอปฝึกสอนให้ ท้ายที่สุดเขาจึงได้รับการอวยยศเป็นบุตรแห่งเทพโดยโป๊ป อาชีพของเขายังไม่แน่ชัดสกิลเองก็เช่นเดียวกันและบันทึกการต่อสู้เองก็ไม่เคยปรากฏ”
“ถัดจากบรูโน่ลงมาก็คือโรเจอร์ผู้ซึ่งได้สมญาว่า [ผู้ส่งสารแห่งความจริง] เป็นหลานชายของอาร์คบิชอปผู้ซึ่งสืบทอดสกิลประจำตัวของอาร์คบิชอปอย่าง [การตัดสินแห่งความจริง] , [เนตรแสงศักดิสิทธิ์เผาผลาญ] , และ[แสงศักดิสิทธิ์เยียวยา] มา”
“นอกจากนี้ยังมีบาร์นี่ [อัศวินมังกร] ผู้ซึ่งเป็นมหาอัศวินและมีสกิลประจำตัวคือ [เกราะแสงเจิดจรัส] และเขายังมีมังกรบินจรัสแสงในครอบครองอีกด้วย”
“บันทกการต่อสู้ครั้งล่าสุดของเขาคือการรับมือกับมังกรบินเพลิงคลั่งเลเวล9ขอบเขตที่7เพียงลำพังและหลังจากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเขาก็สามารถสังหารมันลงได้”
หลี่เหว่ยกั๋วหมดคำจะพูดและทำได้เพียงกระแอมออกมาเบาๆ
“ดูเหมือนกนายจะอ่านหมดแล้วจริงๆ”
หยินหูอุทานออกมาด้วยความชื่นชม “สหายน้อยถ้านายเกิดก่อนที่โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงล่ะก็ไม่ใช่ว่านายจะเป็นเทพแห่งการเรียนเลยรึไง?”
หลินเซวียนยิ้ม
“ทุกคนเห็นกันแล้วใช่ไหม? พวกนายต้องจดจำข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ให้ดีนะ! พวกมันมีประโยชน์มาก” หลี่เหว่ยกั๋วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกระจ่าง
“ครับ/ค่ะ!” เหล่าคนของกองพลก่อสร้างขานรับเสียงดัง