ตอนที่แล้วบทที่ 57 ดรอปไอเทมจริงๆ ด้วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 ต้องคว้าให้ได้ทั้งสองมือ ต้องแข็งแกร่งทั้งสองมือ

บทที่ 58 เรื่องราวในอดีตของ【มิติมืด】


บทที่ 58 เรื่องราวในอดีตของ【มิติมืด】

ตามที่ภูติแคคตัสรับใช้พูด ในแง่หนึ่ง เทพแห่งป่าให้ความสำคัญกับที่นี่ไม่แพ้กับ【ทุ่งหญ้าทอง】เลย

ใน【มิติมืด】มีมอนสเตอร์พิเศษหลายตัวถูกผนึกอยู่ มอนสเตอร์พวกนี้ส่วนใหญ่มีความสามารถที่ทรงพลังและประหลาด บางตัวถึงแม้ถูกฆ่า ก็จะฟื้นคืนชีพได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนั้นการผนึกจองจำพวกมันไว้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ตามตำนาน แม้แต่เหล่าเทพที่พ่ายแพ้แก่เทพแห่งป่า ก็ถูกผนึกอยู่ลึกลงไปในชั้นล่างสุดของ【มิติมืด】

แต่นี่ก็เป็นเพียงคำพูดของเสี่ยวหั่วเท่านั้น

ฟังหลายๆ ฝ่ายจึงจะเข้าใจแจ่มแจ้ง

ลู่เหยารีบส่งอิซาเบลเข้าไปในด่านมิติมืดด้วย

【สวดภาวนาใกล้ตาย】ของอิซาเบลสามารถเรียกผู้ตายมาได้ เพื่อถามความจริงจากปากของผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง

แต่น่าเสียดาย การสวดภาวนาไม่ค่อยราบรื่น

"ท่านเทพเจ้า ดวงวิญญาณที่นี่แข็งแกร่งมาก...แทบจะไม่ตอบรับข้าเลย"

อิซาเบลรู้สึกเขินอายเล็กน้อย "ขอท่านเทพเจ้าประทานเวลาให้ข้ามากขึ้นอีกหน่อยเจ้าค่ะ"

เธอพยายามใช้【สวดภาวนาใกล้ตาย】อย่างเต็มที่ บนพื้นเกิดควันดำพวยพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็รวมตัวเป็นลูกกลมดำของดวงวิญญาณไม่ได้

ลู่เหยาใช้ช่วงเวลานี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยืดเส้นยืดสายทำสควอทและกระโดดตบในห้องไปสองสามครั้ง

การจะเป็นเกมเมอร์ตัวยงในระยะยาว ต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและพลังงานเหลือเฟือ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเกมได้ยาวนาน รักษาสภาพจิตใจให้นิ่ง หลีกเลี่ยงการบังคับสั่งการที่บิดเบี้ยว

หลังจากประชากรพุ่งทะยานมากกว่า 10,000 คน ลู่เหยารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า สภาพร่างกายของตนเองดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความคมชัดทางสายตา การได้ยิน และการได้กลิ่นดีขึ้น ราวกับทั้งคนได้รับการอัปเกรด

ความเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งเห็นได้ชัดระหว่างออกกำลังกาย

ในอดีต ถึงแม้เขาจะไม่ถึงกับเหนื่อยหอบหลังวิ่งไปสองสามก้าว แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีความทนทานและแรงเยอะ

แต่ตอนนี้ลู่เหยาพบว่า เขาปั่นจักรยานจากบ้านไปบริษัททำงานโดยรักษาความเร็วสูงตลอดทาง แต่ไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย

เขาถึงกับรู้สึกถึงการหลั่งฮอร์โมนบางอย่างภายในร่างกาย(แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอะดรีนาลีนหรือเอ็นดอร์ฟินส์) การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยานำความผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่าที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้ วิถีชีวิตนี้ทำให้ลู่เหยามีแรงผลักดันกับเรื่องประชากรมากขึ้น

เขาออกกำลังกายได้สักพัก ก็พบว่าอิซาเบลได้ผลแล้ว

ในที่สุดเธอก็พบดวงวิญญาณที่เต็มใจสื่อสารด้วยใน【มิติมืดชั้น 1】

ทั้งสองฝ่ายคุยกันอยู่สักพักโดยใช้รหัสลับ จากนั้นลูกกลมสีดำก็กระจายไป

อิซาเบลรายงานว่า "ท่านเทพเจ้า ดวงวิญญาณแถวนี้บอกว่า【มิติมืด】เป็นโลกเล็กที่มีประวัติยาวนาน เดิมทีเป็นของ【เทพแห่งความมืด】หนึ่งในบรรดาเทพหลัก"

"เทพแห่งความมืดสร้างโลก【มิติมืด】ขึ้น ค้นหามอนสเตอร์และเทพที่มีพลังลึกลับจากทุกหนทุกแห่งมากักขังไว้ที่นี่ เพื่อดูดซับพลังของพวกมัน"

"แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เทพแห่งความมืดจึงล่มสลายไปเมื่อหลายปีก่อน ที่นี่จึงกลายเป็นโลกเศษเสี้ยวที่ถูกปิดผนึก"

"เหล่าเทพและมอนสเตอร์ที่ถูกกักขังอยู่ร่วมมือกัน ทุ่มเททุกพลังที่มี เปิดรอยแยกช่องหนึ่ง เพื่อปล่อยให้แม่มดแห่งป่าหญิงหนึ่งหลบหนีออกไปได้"

"แม่มดแห่งป่าผู้นั้นหลบหนีออกไป แต่กลับไม่ทำตามคำสาบานที่จะเปิด【มิติมืด】ออกอย่างถาวร กลับเสริมความแข็งแกร่งให้กับที่นี่ ซ่อมแซมช่องโหว่เดิม ทำให้การผนึกที่นี่แน่นหนายิ่งขึ้นจนแทบเป็นอมตะ"

"แม่มดพึ่งพาพลังที่ได้จาก【มิติมืด】 กลายเป็นบุคคลชื่อก้องโลกภายนอก ก้าวไปถึงตำแหน่งสูงสุด"

"นางก็คือผู้ที่ภายหลังกลายเป็นเทพแห่งป่านั่นเอง"

ลู่เหยาอุทานในใจว่าเป็นไงล่ะ

ไม่แปลกใจเลยที่เทพแห่งป่าบอกว่า ที่นี่เป็นมรดกที่มีค่าและเป็นสิ่งที่เธอเสียใจที่สุด

ที่แท้เธอเจริญรุ่งเรืองได้จากการเป็นไอ้สองหน้า ทรยศเพื่อนร่วมคุก

อิซาเบลเล่าต่อ "...ภายหลังเทพแห่งป่าสร้าง【ทุ่งหญ้าทอง】ขึ้น【ต้นซิลวานุส】ก็ได้มาจาก【มิติมืด】"

"【ต้นซิลวานุส】เป็นสิ่งประหลาดที่อยู่ตรงกลางระหว่างสิ่งมีชีวิตกับวัตถุล้ำค่า รากของมันอยู่ใน【มิติมืด】 ส่วนลำต้นและเรือนยอดอยู่ใน【ทุ่งหญ้าทอง】"

"【ต้นซิลวานุส】ดูดซับพลังของผู้ที่ถูกผนึกในมิติมืด แยกแยะสมบัติต่างๆ ที่ผู้ถูกผนึกเหล่านั้นพกพาและสร้างขึ้น นี่คือเหตุผลที่【ทุ่งหญ้าทอง】เต็มไปด้วยสมบัติ"

อ่านมาถึงตรงนี้ ลู่เหยาตาสว่างวาบ

ขอจัดระเบียบความเข้าใจสักหน่อย

แม้ว่า【มิติมืด】จะดูเป็นคุกเทพที่อันตรายอย่างยิ่ง...แต่มองอีกมุมหนึ่ง ที่นี่คือกระเป๋าเงินเล็กๆ ที่เทพแห่งป่าซ่อนไว้ในความมืด เป็นต้นตอของสมบัติบน【ต้นซิลวานุส】ใน【ทุ่งหญ้าทอง】

【ทุ่งหญ้าทอง】ขี้เหนียวสุดๆ ทำสำเร็จหนึ่งด่านจึงจะได้สมบัติหนึ่งชิ้น แถมยังต้องเลือก 1 ใน 3 อีก

ลู่เหยาไม่พอใจเรื่องนี้มานานแล้ว

จะให้ก็ให้มาหมดสิ เทพหลักจะเสียอะไรไปถ้าจะใจกว้างหน่อย ให้คนดูสองตาแล้วเอากลับคืนไปนี่หมายความว่าไง?

ตอนนี้เขาตัดสินใจเปลี่ยนจุดสนใจจาก【ทุ่งหญ้าทอง】มาเป็น【มิติมืด】

ข้าอยากได้สมบัติอะไร ก็จะเอามาจากที่นี่ด้วยตัวเอง!

เก็บสมบัติได้มากแค่ไหนใน【มิติมืด】ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน แถมไม่มีพ่อค้าคนกลางมากินส่วนต่างด้วย

สรุปเป็นสองคำว่า: ยุติธรรม

ประสบการณ์สองหน้าของเทพแห่งป่า ทำให้ลู่เหยาเพิ่มความระแวงต่อเธอมากขึ้นไปอีก

ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเทพหลัก และเป็นแม่มดป่า ใครจะไปรู้ว่าหลังจากล่มสลาย เธออาจจะมีวิธีกลับฟื้นคืนมาอีก...ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นานาพลันแล่นเข้ามาในใจ

ลู่เหยาพิมพ์ข้อความเหนือหัวอิซาเบลถามว่า "หลังจากเทพหลักล่มสลาย พวกเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์เลยหรือ?"

"ท่านเทพเจ้า ตามที่ข้ารู้ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ"

อิซาเบลตอบว่า "เมื่อเทพล่มสลาย กฎจะพรากสถานะและเจตจำนงของการเป็นเทพไป ความทรงจำในอดีตและการรับรู้ในตัวตนของการเป็นเทพจะถูกทำลายจนสิ้น ท่านจะเสียส่วนที่เป็นเทพไป กลับสู่สภาพเดิมก่อนเป็นเทพ"

"หากเทพแห่งป่ายังไม่ล่มสลาย อัครสาวกเก่าแก่เช่นข้าก็คงไม่ตกอยู่ในภวังค์หรือใกล้ตาย"

"เมื่อเทพที่พวกเขาติดตามล่มสลาย ไฟแห่งศรัทธาในกายอัครสาวกก็ดับสนิท หากไม่มีเทพอื่นจุดประกายให้อีกครั้ง ชีวิตของอัครสาวกจะค่อยๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน ดับสูญไปพร้อมกับเทพในอดีตของพวกเขา..."

หลังถามไถ่อย่างละเอียด ลู่เหยาก็สรุปสั้นๆ ได้ว่า

โดยทั่วไปแล้ว เทพที่ล่มสลายจะสูญเสียสิทธิ์การเป็นผู้เล่น กลับไปเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับการรับบทเป็นเทพจะถูกลบทิ้งอย่างสมบูรณ์

พูดแบบนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ลู่เหยาคาดว่า ในเกม《เกมซิมเทพเจ้า》เมื่อเทพที่ผู้เล่นจำลองล่มสลาย ข้อมูลเซฟที่เกี่ยวข้องน่าจะถูกลบโดยอัตโนมัติ

เขาวางใจในตัวอิซาเบลมาก

ระหว่างผู้เล่นที่เป็นเทพกับอัครสาวกมีการเชื่อมโยงพิเศษ

ไฟแห่งศรัทธาเชื่อมโยงลู่เหยากับอิซาเบลและอัศวินเลือดเข้าด้วยกัน อัครสาวกเปรียบเสมือนแขนขาของเทพในเกมซิม

อัครสาวกไม่สามารถไม่เชื่อฟังหรือต่อต้านเทพได้เลย เหมือนสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดที่ผูกมัดสิ่งมีชีวิต

ต่อให้เทพแห่งป่ายังคงอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม เธอก็ไม่ใช่เทพหลักอีกแล้ว แต่เป็นแม่มดป่าในอดีตคนนั้น

เมื่อภัยคุกคามชั่วคราวหมดไป ลู่เหยาก็หันความสนใจกลับมาที่【มิติมืด】

เขาออกคำสั่งชุดหนึ่ง

อิซาเบลปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว เธอให้ชาวตระกูลทะเลตะวันออกทั้งหมดอพยพเป็นกลุ่มๆ นั่งเรือใบพายไปยังทวีปทางตะวันตก(ก็คือผืนแผ่นดินที่เผ่ากระเทียมตั้งอยู่) เกาะนี้จะเหลือเพียงท่าเรือและจุดพักกลางทะเล

บนเกาะไม่มีทรัพยากรอะไรมาก ข้อดีอย่างเดียวคือพื้นที่ใหญ่พอสมควร

ตอนนี้คนตัวเล็กๆ ที่ศรัทธาในลู่เหยารวมกันแล้วไม่ถึง 5,000 คน ประชากรเท่านี้ยังไม่ถึงเวลาแผ่ขยาย แต่กลับควรรวมตัวกันสร้างโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า

ยิ่งกว่านั้น หลังเปิด【มิติมืด】 ประตูสีทองขนาดใหญ่ที่ใช้เข้าออกก็ถูกตรึงให้อยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้

การเข้าออกต้องใช้กุญแจของลู่เหยาไขประตู

ลู่เหยาจึงตัดสินใจใช้ทั้งเกาะเป็นด่านเสริมของ【มิติมืด】ไปเลย

ส่วนเรื่องการรวมเผ่า เขาไม่สนใจเลย ปัญหาภายในพวกนี้ปล่อยให้คนตัวเล็กๆ จัดการเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด