ตอนที่แล้วบทที่ 99 โปรแกรมใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 101 หากเราไม่เห็นด้วย เราก็จะเริ่มต้นสงคราม

บทที่ 100 เงื่อนไขการเจรจาต่อรอง(ฟรี)


บทที่ 100 เงื่อนไขการเจรจาต่อรอง(ฟรี)

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะให้เจอครอบครัว แต่ไม่ใช่แบบเห็นหน้ากัน อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” หวังเย่กล่าวอย่างไม่ยี่หระ ราวกับไม่ได้ยินความรู้สึกโหยหาและเศร้าสร้อยในน้ำเสียงของเจียงอู่

“พี่ใหญ่โปรดวางใจ ชีวิตนี้ของผมเจียงอู่นี้เป็นของคุณ ตายก็เป็นผีของคุณ ผมไม่มีวันทรยศคุณ ขอเพียงให้ผมได้เจอพวกเขาสักครั้ง ผมรับรองว่าจะไม่บอกพวกเขาว่าผมทำงานกับคุณ ถ้าผมเจียงอู่ทรยศคุณขอให้ผมตายไม่ดี!” เพื่อที่จะได้พบหน้าครอบครัว เจียงอู่แทบจะทำทุกอย่าง แม้แต่คำสาบานด้วยชีวิตก็กล้าเอ่ยออกมา

อย่างไรก็ตาม คนที่ทำงานในสายงานเดียวกับเจียงอู่ย่อมตระหนักดีถึงความสำคัญของการรักษาความลับ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ล้ำสมัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเผยแพร่ออกไปได้ หากรั่วไหลออกไปไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งปัญหามากมายอีกด้วย

“นายนี่มันแน่จริง ไม่กลัวตายไม่ดีจริงๆรึไง!” หวังเย่ได้ยินคำสาบานของเจียงอู่ก็หัวเราะเยาะหยันออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“ผมพูดจริงทุกอย่าง ที่ผมพูดแบบนั้น เพราะผมจงรักภักดีต่อคุณ!” เจียงอู่กล่าวกับหวังเย่อย่างหนักแน่น

“อยากกลับไปดูบ้านจริงๆรึ?”

หวังเย่เองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เขาก็มีครอบครัวเช่นกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของเจียงอู่ที่ต้องจากบ้านมาไกล เขาจึงยอมแหกกฎเป็นครั้งคราว

เมื่อได้รับอนุญาตจากหวังเย่ เจียงอู่รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนแทบจะคุกเข่าคำนับ ความตื่นเต้นในยามนี้เปรียบได้กับตอนที่หวังเย่รู้ว่าเขาถอดรหัสโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของ “ดาวหมายเลขหนึ่ง” ได้สำเร็จ

หวังเย่เป็นคนรักษาคำพูด วันต่อมาเขาจึงส่งคนไปกับเจียงอู่กลับบ้านเกิด

ในขณะเดียวกัน หวังเย่ก็เริ่มแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว

ส่วนทางด้านหยางเฉิงจวินกับหวู่เส้าฮัว พวกเขานั่งเฝ้าอยู่ที่ พื้นที่ที่ไม่มีกฎหมายควบคุม มาทั้งคืนแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาน่าจะได้เจอคนของตัวเองตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยงแล้ว แต่นี่ผ่านมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว หยางเฉิงจวินและหวู่เส้าฮัวยังไม่เห็นแม้แต่เงา

“แม่งเอ๊ย... ไอ้คนที่ส่งข่าวมามันหลอกให้เรามารอเก้อรึเปล่าวะ ให้เรามานั่งเสียเวลาอยู่ที่นี่ทั้งคืน ไม่ได้นอนพักผ่อนมาหลายวันแล้ว ถ้ายังไม่โผล่มาอีก เราจะไปหาพวกมันที่ไหน” หยางเฉิงจวินผู้ซึ่งเป็นคนใจร้อนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา เมื่อเห็นว่าตัวเองรออยู่ที่นี่นานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นพ่อค้าชาวพม่าปรากฏตัวเสียที

“ใจเย็นๆ พี่หยาง บางทีพวกนั้นอาจติดธุระอะไรกระทันหัน เราต้องอดทนอีกนิด ไม่งั้นความพยายามที่ผ่านมาของเราจะสูญเปล่า” หวู่เส้าฮัวเห็นท่าไม่ดี จึงรีบห้ามปรามหยางเฉิงจวินไม่ให้ใจร้อน และให้รอต่อไปอย่างใจเย็น

นับเป็นโชคดีที่คำพูด นั้นมาจากปากของหวู่เส้าฮัว หากเป็นคนอื่นพูดออกมามีหวังโดนหยางเฉิงจวินตะโกนด่าอย่างแน่นอน เพราะหวู่เส้าฮัวเป็นคนสนิทของหวังเย่ ในสถานการณ์ที่ควรจะให้เกียรติ ย่อมเป็นธรรมดาที่หยางเฉิงจวินจำเป็นต้องสุภาพ

“วางใจเถอะน้องหวู่เส้าฮัว ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร” หยางเฉิงจวินยิ้มเยาะให้กับความไร้เดียงสาของหวู่เส้าฮัว ในใจคิดว่าที่ตนพูดไปเมื่อครู่นั้นก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง คงไม่มีทางโง่เขลาถึงขั้นล้มเลิกกลางคันจริง ๆ

ขณะที่หยางเฉิงจวินและหวู่เส้าฮัวกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็ปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากทิศตรงกันข้ามอย่างเลือนราง

“พี่ใหญ่ ดูเหมือนจะมีกลุ่มคนเดินตรงมาทางนี้...” ลูกน้องคนหนึ่งข้างกายหยางเฉิงจวินร้องบอกด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เมื่อเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ปรากฏขึ้นในระยะไกล

“...” ได้ยินดังนั้นหยางเฉิงจวินรีบคว้ากล้องส่องทางไกลที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาส่องดูอย่างละเอียด

“ในที่สุดก็มาเสียที”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิงจวิน ทุกคนก็พลันตึงเครียดและตื่นตัว พวกเขารีบหยิบอาวุธที่เตรียมไว้ขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นเงาหลายเงาค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ หยางเฉิงจวิน และพรรคพวกก็เริ่มลงมือปฏิบัติการ

คนที่มีอาวุธยาวและอาวุธที่ไม่สามารถปกปิดได้ต่างก็พากันหลบไปหลังก้อนหินขนาดใหญ่ เตรียมพร้อมซุ่มโจมตี ในขณะที่คนที่มีปืนพกสั้นก็เริ่มซ่อนปืนไว้ที่เอว

เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ พวกเขาทุกคนต่างก็ฟังคำสั่งของหยางเฉิงจวินอย่างตั้งใจ

ดูเหมือนชาวพม่ากลุ่มนั้นจะยังไม่รู้ตัว พวกเขายังคงเดินตรงเข้ามาอย่างไม่ระแวดระวังสายตาของแต่ละคนจ้องเขม็งไปที่สินค้าบนรถบรรทุกราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นเป้าหมายที่หยางเฉิงจวินและพวกต้องการ

“พวกแกเป็นใคร”

เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน หยางเฉิงจวินและพรรคพวกก็กรูเข้าไปล้อมชาวพม่ากลุ่มนั้นไว้

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชาวพม่าก็แสดงท่าทีระแวดระวัง พวกเขาร้องตะโกนเป็นภาษาที่หยางเฉิงจวินและพวกฟังไม่เข้าใจ

โชคดีที่หวู่เส้าฮัวสามารถเข้าใจภาษาของพวกเขา จึงสามารถสื่อสารกับคนกลุ่มนั้นได้

เมื่อเห็นท่าทีดุดันของหยางเฉิงจวินและพวก ชาวพม่าก็ตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้น่าจะมีพิษสงไม่ใช่ย่อย จึงแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นเช่นกัน

“ไม่ต้องตื่นตระหนก พวกเรามาเพื่อเจรจาธุรกิจด้วยเท่านั้น” หวู่เส้าฮัวกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะใช้ภาษาที่คล่องแคล่วสื่อสารกับชาวพม่าตรงหน้า

“เจรจาธุรกิจ? พวกแกคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว พวกเรามีธุระสำคัญต้องไปทำ รีบหลีกทางไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน...” ชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตวาดใส่ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด

ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการเจรจาด้วยแม้แต่น้อย

“แน่ใจหรือว่าไม่อยากคุยกันก่อน บางทีข้อเสนอของพวกเราอาจน่าสนใจก็ได้” หวู่เส้าฮัวยังคงไม่ลดละความพยายาม

“บอกว่าไม่สนใจก็คือไม่สนใจ! พวกเราไม่เคยทำธุรกิจกับคนแปลกหน้า รีบไสหัวไปให้พ้น...” ชายผู้นั้นยังคงยืนกรานเสียงแข็ง ไม่แม้แต่จะชายตามอง

ดูเหมือนพวกเขากำลังเร่งรีบขนส่งสินค้าอยู่

“พวกมันพูดว่าอะไร? ถ้าไม่ได้เรื่องจริง ๆ ก็ลงมือเลยเป็นไง พวกเราก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก” หยางเฉิงจวินที่เห็นท่าทีไม่น่าไว้ใจของฝ่ายตรงข้ามกระซิบบอกหวู่เส้าฮัว

“ใจเย็น ๆ ขอเวลาอีกหน่อย ผมจะลองเกลี้ยกล่อมดู...” หวู่เส้าฮัวพยายามห้ามหยางเฉิงจวิน พร้อมกับขอเวลาอีกเล็กน้อย

หากสามารถยุติเรื่องนี้ได้ด้วยดี ย่อมเป็นทางออกที่ดีกว่าการใช้กำลัง

“ไม่รู้จักกัน ก็ได้รู้จักกันไว้สิ พวกนายต้องการอะไร พวกเราจัดให้ได้หมด ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ หากพลาดไป คราวหน้าพวกนายอาจไม่โชคดีแบบนี้อีกก็ได้...” หวู่เส้าฮัวพยายามโน้มน้าวอีกฝ่ายด้วยข้อเสนอเย้ายวนที่ยากปฏิเสธได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด