ตอนที่ 60 พี่เขย ถ้าหนูเป็นพี่นะ พี่สาวของหนูคงเริ่มตั้งครรภ์ไปนานแล้ว
[รางวัลคือ ยาจินกัง(สายฟ้า) หนึ่งเม็ด]
จินกัง?
นี่มันบ้าอะไรกัน?!
ใบหน้าของ เย่เฉิน เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นรางวัลที่สามนี้
ด้วยความอยากรู้ เย่เฉิน จึงคลิกดูคำอธิบายของ ‘ยาจินกัง’ ที่ว่า
[เม็ดยาจินกัง เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเพิ่มพลังได้สามเท่า ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ]
เมื่อเห็นคำอธิบายของ ‘ยาจินกัง’ ใบหน้าของ เย่เฉิน ก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที
พี่ชายพ่อแกสิวะ!
เขามีร่างกายที่แข็งแรง และมีไตที่ทรงพลังอันมหาศาลแล้ว เขาจะต้องการสิ่งนี้ไปทำไม?
มันชัดเจนว่าเกมตั้งใจเล่นตลกกับ ..เขา
เฮ้อ คนหล่อก็อย่างว่าแม้แต่เกมก็ยังจงใจกลั่นแกล้งเขา
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังบ่นกระปอดกระแปดอยู่ ขวดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นในกระเป๋าของเขา
ทันทีที่รู้สึกถึงน้ำหนักที่เปลี่ยนไป เย่เฉิน ก็หยิบมันออกมาดูทันที
นี่เป็นขวดลายครามเล็กๆ ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือที่ทำออกมาอย่างประณีตมาก ทั้งยังมีกลิ่นอายโบราณ
เย่เฉิน เปิดมันออกอย่างอยากรู้อยากเห็น ภายในมียาเม็ดเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองอยู่หนึ่งเม็ด
ทันทีที่เปิดออก เย่เฉิน ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
เขาสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไป ซึ่งความเหนื่อยล้าจากการกระโดดบันจีจัมพ์ก็พลันหายไปเล็กน้อย หนำซ้ำมันยังทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ไม่เลวเลย เม็ดยาจินกัง นี้ดูเหมือนจะมีผลค่อนข้างดีทีเดียว
“พี่เขย นั่น..พี่ถืออะไรอยู่น่ะ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ถามอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นขวดเล็กๆ ในมือของ เย่เฉิน โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีประโยชน์”
เย่เฉิน ตอบไปอย่างไม่จริงจัง
“จริงเหรอ งั้นให้หนูดูได้ไหม?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ดูจะอยากรู้อยากเห็นมาก เธอจึงถามต่อ
“ดูอะไร ดูทำไม? เด็กน้อยไปเล่นดินเถอะ”
เย่เฉิน ตอบกลับอย่างขำขัน แล้วเก็บยาจินกังใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้ ถ้ามันเกิดมีผลข้างเคียงอะไรขึ้นมาล่ะ?
ไม่ดี.. แบบนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับคนอื่นๆ ดูเหมือนเขาคงจะต้องเก็บรักษามันไว้เอง
ถ้ามันมีผลข้างเคียงอะไร เขาจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ใครใช้ให้เขาใจดีเป็นผู้เสียสละเพื่อคนอื่นกันเล่าว่ามั้ย?
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาจะเก็บมันไว้ในตู้เซฟที่คฤหาสน์
“แหวะ เด็กน้อยอะไร คุณเองนั่นแหละที่เด็ก ทั้งบ้านคุณนั่นแหละเด็ก”
หลังจากได้ยินคำตอบของ เย่เฉิน ซู หลิงเอ๋อร์ ก็ตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเล และไม่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
ยาบ้าอะไรนี่ ฉันไม่พูดถึงมันแล้วก็ได้
ภารกิจท้าทายในการกระโดดบันจี้จัมพ์แบบคู่รักในครั้งนี้ รางวัลของเกมที่ได้ถือว่าคุ้มค่ามาก
นี่นับว่าเป็นรางวัลที่ เย่เฉิน ได้รับมากที่สุดนับตั้งแต่เขาได้รับเกมนี้มา
อย่างแรกคือหุ้น 20% ของ หลงเถิง กรุ๊ป ซึ่งมีมูลค่าถึงสองพันล้านหยวน
และเย่เฉิน กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามของ หลงเถิง กรุ๊ป
ด้วยหุ้นสองพันล้านนี้ รวมกับก่อนหน้านี้ มูลค่าทรัพย์สินของ เย่เฉิน ตอนนี้ก็ทะลุสามพันล้านหยวนแล้ว
ในเมืองเจียงโจวซึ่งเป็นเมืองขนาดกลางถึงใหญ่ เขาถือได้ว่ากลายเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีการ์ดอีกสองใบ
การ์ดเพิ่มค่าประสบการณ์ สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ได้ 30 คะแนน
การ์ดเพิ่มคะแนนร้านค้า สามารถเพิ่มคะแนนร้านค้าได้ 15 คะแนน
30 คะแนนค่าประสบการณ์ 15 คะแนนร้านค้า สะสมเพิ่มจากก่อนหน้านี้อีกนิดก็คงใกล้จะอัปเกรดได้แล้ว
การอัปเกรดระดับก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ซึ่งตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้เล่นของ เย่เฉิน หรือระดับร้านค้าในเกมก็ยังอยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งธรรมดามาก
เย่เฉิน รอคอยที่จะอัปเกรดมานานแล้ว
ช่วงนี้ตอนกลางคืน เย่เฉิน ก็เฝ้าดูร้านค้าในเกมอยู่เสมอ น่าเสียดายที่ของในร้านค้าดูไม่ดึงดูดใจเขามากนัก ทั้งหมดเป็นเพราะระดับของเขาในตอนนี้
แต่หากร้านค้าในเกมอัปเกรดเป็นระดับสองดวง มูลค่าของของในร้านค้าก็จะเพิ่มขึ้นสิบเท่าจากเดิม
และถ้าระดับผู้เล่นของ เย่เฉิน เพิ่มเป็น Lv2 นั่นจะทำให้เขาสามารถซื้อของสองรายการได้จากในร้านค้าได้ในคราวเดียว
เป็นอะไรที่เทียบกันไม่ได้กับตอนนี้
“ไปกันเถอะ”
ซู หลิงเอ๋อร์ เสนอ
หลังจากพักผ่อนพอแล้ว ทุกคนก็ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ เก็บข้าวของเล็กน้อย แล้วมุ่งหน้าลงจากภูเขา
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลังจากพวกเขาทานอาหารเย็นกันในวิลล่าแล้วก็ถึงเวลาแยกย้ายกันไป
เพื่อนร่วมชั้นของ ซู หลิงเอ๋อร์ ทั้งหมดเรียกรถแท็กซี่ และแยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วน ซู หลิงเอ๋อร์ ตั้งใจจะนั่งรถของ เย่เฉิน ให้ เย่เฉิน ไปส่งเธอกลับบ้าน
บ้านของ ซู หลิงเอ๋อร์ อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ หลิงหยุนเทียนกงของ เย่เฉิน
เย่เฉิน ขับรถพา ซู หนิงซวง และจ้าว ซูซวน ไปส่งที่มหาลัยก่อนจะบอกลากัน
แล้วต่อจากนั้นเขาขับรถพา ซู หลิงเอ๋อร์ ตรงไปยังบ้านของเธอ
“พี่เขย พี่รู้จักพี่สาวของหนูได้ยังไง?”
เมื่อ ซู หนิงซวง ไม่อยู่แล้ว ซู หลิงเอ๋อร์ ก็เริ่มพูดมากขึ้น
เธอมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม เย่เฉิน มาตั้งนานแล้ว
แต่เพราะพี่สาวของเธออยู่ด้วย เธอกลัวว่าพี่สาวจะตีเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะถาม
ตอนนี้พี่สาวไม่อยู่แล้ว มีแค่พี่เขยอยู่คนเดียว ซู หลิงเอ๋อร์ เลยไม่กลัวอีกต่อไป
“รู้จักได้ยังไง? ..ก็อาจเพราะพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของพี่มั้ง”
เย่เฉิน คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“อ๋อ เป็นอย่างนี้เอง”
ซู หลิงเอ๋อร์ พยักหน้า สองสามวันมานี้เธอก็รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง เย่เฉิน กับจ้าว ซูซวน
“พี่เขย เมื่อคืนวานพี่ กับพี่สาวหนู ..นอนห้องเดียวกันหรือว่าแยกห้องกัน?”
ซู หลิงเอ๋อร์ ถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
เมื่อคืนวานเธอเหนื่อยมาก เลยไปนอนก่อน
ก่อนเธอจะไปนอน พี่สาว และเย่เฉิน ยังนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นอยู่เลย เธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
เช้านี้ เธอตื่นสาย พอเธอตื่นขึ้นมา เย่เฉิน และพี่สาวของเธอก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว
คำถามนี้ทำให้ ซู หลิงเอ๋อร์ คิดมาทั้งวัน แต่เพราะพี่สาวของเธออยู่ด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เธอจึงไม่กล้าถามออกไป
แต่ตอนนี้มีเพียงพี่เขย ที่นี่เธอเลยไม่กลัวอะไรอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำถามของ ซู หลิงเอ๋อร์ เย่เฉิน ก็หันมามอง ซู หลิงเอ๋อร์ ที่มีท่าทางเหมือนเด็กขี้สงสัยจนใบหน้าเขาเต็มไปด้วยเส้นสีดำอยู่ครู่หนึ่ง
สาวน้อยคนนี้นี่เธอคิดอะไรอยู่กันนะ?
“เมื่อคืนวาน พี่ กับพี่สาวเธอนอนแยกห้องกันแน่นอน”
เย่เฉิน ตอบไปตามความจริง
เดิมที เย่เฉิน คิดว่าพอเขาพูดแบบนี้แล้ว ความอยากรู้ของ ซู หลิงเอ๋อร์ จะหมดไป
โดยไม่คิดว่าเมื่อได้ยินคำตอบของเขาแล้ว ซู หลิงเอ๋อร์ กลับพูดบางอย่างที่น่าตกใจ
“เฮ้ออ.. พี่เขย พี่เนี่ยไม่ไหวเลยจริงๆ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ
เฮ้ออ.. พี่เขย พี่เนี่ยไม่ไหวเลยจริงๆ?
เมื่อได้ยินคำพูดของ ซู หลิงเอ๋อร์ เย่เฉิน แทบสะดุด และเกือบจะเหยียบเบรกโดยไม่ตั้งใจ
เดี๋ยวว.. สาวน้อยคนนี้หมายความว่ายังไง?
“เมื่อคืนวานพี่ กับพี่สาวหนูอยู่บ้านเดียวกัน แต่ดูสิพี่ยังไม่ทำอะไรเลย.. พี่เขย พี่เนี่ยเป็นสัตว์ป่า ไม่สิ นี่เรียกว่าแย่ยิ่งกว่าสัตว์ป่าอีก”
ซู หลิงเอ๋อร์ มองดู เย่เฉิน ด้วยความไม่พอใจ ไม่พอเธอจะพูดบ่นต่อไปอีก
โชคดีที่มีไฟแดงอยู่ข้างหน้า เย่เฉิน จึงหยุดรถ
ไม่งั้นเขาอาจจะทนไม่ไหวหยุดรถข้างทางแล้วลงมือทุบตี ซู หลิงเอ๋อร์ เสียตรงนั้นเลย
หลังจากจอดรถแล้ว เย่เฉิน ก็มอบมังคุดบนหัว ซู หลิงเอ๋อร์ ไปเบาๆ ทีหนึ่ง
“อ้า”
ซู หลิงเอ๋อร์ กุมหัวตัวเอง แล้วร้องเสียงหลงออกมา
“พี่เขย ทำอะไรเนี่ย?”
“หรือว่าพี่โกรธเพราะหนูพูดความจริง?”
“มันเห็นชัดเจนว่าพี่อ่ะไม่ไหวเลย แย่ยิ่งกว่าสัตว์ป่าอีก แล้วยังมาตีหนูอีก หนูผิดอะไรเนี่ย!”
เย่เฉิน จำต้องอธิบายอย่างจริงจังไปว่า :
“อย่างแรก พี่ไม่ใช่ว่าไร้ความสามารถ ตัวพี่เองแค่เป็นคนดีเท่านั้น อย่างที่สอง เราต่างหากล่ะที่แย่กว่าสัตว์ป่า”
“อย่างที่สาม พี่ กับพี่สาวของเราตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเราไม่สามารถทำอะไรอย่างที่ว่าได้”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของ เย่เฉิน ซู หลิงเอ๋อร์ ก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า :
“พี่เขย ตอนแรกหนูก็แค่พูดเล่นๆ ไม่คิดเลยว่าพี่นี่จะไม่ไหวเลยจริงๆ เฮ้ออ”
“ถึงตอนนี้แล้ว พี่ยังไม่ได้พี่สาวของหนูเลยเรอะ?”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดไปพลางทำท่าทางเสียดายแทน เย่เฉิน
“พี่เขย ถ้าหนูเป็นพี่นะ พี่สาวของหนูคงเริ่มตั้งครรภ์ไปนานแล้ว”