ตอนที่แล้วตอนที่ 48 ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะอยู่รอดในแบบของตนเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 ความปรารถนา

ตอนที่ 49 เนื้อและความปรารถนา


ลูกสาวคนเล็กดีใจมาก เมื่อเธอได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกถึงคลื่นแห่งความสุขที่พัดผ่าน เธอมีความสุขมากเสียจนเกาะแขนของว่านหยูไว้แน่น ใบหน้าของเธอสว่างไสวด้วยความยินดีและตื่นเต้น

มีกลิ่นเหม็นรุนแรงมากภายในห้อง แต่เมื่อว่านหยูมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเลอย่างแปลกประหลาดที่จะจากไป

เงาเริ่มรวมตัวรอบๆร่างกายของว่านหยูช้าๆ แต่จู่ๆก็เกิดเสียงฝีเท้าก็ดังก้องขึ้นจากภายนอก ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงคนพยายามปลดล็อกประตู

เด็กสาวที่เคยเปล่งประกายด้วยความสุขก็เกร็งตัวขึ้น รอยยิ้มของเธอจางหายไป เธอหันไปมองพี่สาว กังวลคิ้วย่นและพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "คนเลวพวกนั้นกลับมาอีกแล้ว!"

ด้วยความตื่นตระหนก ว่านหยูวิ่งไปที่ประตูและรีบมองผ่านตาแมว เขาสังเกตเห็นร่างสองร่างในทางเดิน สวมเครื่องแบบของศูนย์สืบสวน เคลื่อนไหวอย่างลับๆล่อ คอยทําเครื่องหมายแต่ละประตูที่พวกเขาเดินผ่าน

"เจ้าหน้าที่?" หว่านหยูสังเกตเห็นว่านักสืบสองคนนั้นดูแตกต่างออกไป ตามร่างกายของทั้งคู่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีดําแปลกๆ สีหน้าของพวกเขาวิตกกังวล ราวกับว่าพวกเขาจะตายถ้าพวกเขาไม่ทําอะไรสักอย่าง

ความโกรธของเด็กหญิงตัวเล็กๆปะทุขึ้น "พวกเขาเคยมาที่นี่ คุณลุงห้องตรงข้ามที่ชอบแอบดูห้องหนู.... ก็ถูกพวกเขาฆ่าตาย!"

"พวกเขากําลังตามล่าผู้เช่า?! พวกเขาทำได้ยังไง?" ว่านหยูสับสน

"พวกเขากินเนื้อสัตว์ แต่ไม่ใช่เนื้อสัตว์เหมือนที่แม่ของฉันทํา แต่เป็นเนื้อจากห้องโถงบรรพบุรุษ" พี่สาวอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จับมือน้องสาวไว้แน่น "ข้างนอกอันตรายมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งออกไปไหนเลย"

ทันทีที่พี่สาวพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

……

ในขณะเดียวกัน เกาหมิงได้ลาดตระเวนอพาร์ทเมนท์มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ได้ยินเสียงตะโกนหรือเสียงขอความช่วยเหลือใดๆ ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากอาคารอยู่อาศัยทั่วไป

'ด้วยบุคลิกที่หงุดหงิดง่ายของหยานฮัว น่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง ส่วนคนอื่นๆจะตกอยู่ในอันตรายด้วยหรือเปล่านะ?"

เกาหมิงคุ้นเคยกับนิสัยเพื่อนร่วมทีมของเขาเป็นอย่างดี นอกจากจูเหมียวเซียวแล้ว ไม่มีใครสักคนที่ชอบทําตามกฎ

ทางเดินเริ่มเงียบลงเรื่อยๆ นอกจากผู้อยู่อาศัยเพียงไม่กี่คนที่ลงมาชั้นล่างแล้ว ก็มีเพียงแค่กลุ่มของเกาหมิงสามคนเท่านั้น

ในไม่ช้าคราบน้ำมันค่อยๆปรากฏขึ้นตามขั้นบันได

เมื่อพวกเขาลงมาถึงชั้นหนึ่งกลิ่นหอมยั่วเย้าของเนื้อสัตว์ก็อบอวลอยู่ในอากาศอย่างชัดเจน แม้แต่คนอย่างเกาหมิงซึ่งไม่มีความอยากอาหารมากนัก ยังรู้สึกหิวเล็กน้อยในเวลานี้

กงซีไม่จําเป็นต้องเป็นผู้นําทางอีกต่อไป กลิ่นหอมดึงพวกเขาให้มุ่งตรงเข้าไป

หากคุณไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยเก่าแก่ของอพาร์ทเมนต์ คุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอีกชั้นซ่อนอยู่ใต้อาคาร

ไม่มีห้องเช่าบนชั้นใต้ดิน มีเพียงป้ายกรอบสีแดงและพนังสีขาวตกแต่งโถงทางเดิน

"ร้านอาหารใต้ดิน?" คําบนป้ายกระดานเก่าเกินกว่าที่จะอ่านออก ขอบแตกและผุกร่อนชวนให้นึกถึงฝาโลงศพที่ถูกตรึงไว้บนผนัง

พวกเขาค้นพบร้านอาหารที่เรียงรายอยู่ทั้งสองด้านของโถงทางเดิน ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นเนื้อที่เย้ายวนใจอย่างไม่ต้องสงสัย

ป้ายโฆษณาเก่าแก่ที่แขวนอยู่ด้านนอกร้านอาหารแต่ละแห่ง เมื่อมองดูกลับทําให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าพวกเขาสามารถถูกดึงเข้าไปในร้านอาหารเหล่านี้ได้ตลอดเวลา

จูเหมียวเซียวถูกล่อลวงด้วยกลิ่นหอมของเนื้อ เธอเอื้อมมือไปแตะประตูร้านอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ

ด้านหลังประตูไม้มีการเคลื่อนไหว ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นชายชราคนหนึ่งสวมผ้าคลุมสีดําเดินออกมา

อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่า จูเหมียวเซียวจะยืนอยู่ที่หน้าประตู ทั้งสองชนกัน

ผ้าคลุมสีดําหลุดออกเผยให้เห็นร่างกายที่เสียโฉมของเขา ซึ่งไม่มีหูและตาขวาและมีแขนเพียงข้างเดียว

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองและบาดแผลสดที่หูทั้งสองข้างของเขา การแสดงออกของเขากลับแปลกประหลาด แทนที่จะโกรธหรือมึนงงแต่กลับแสดงสีหน้าโล่งใจออกมา ราวกับปัญหาที่รบกวนเขามาเป็นเวลานานได้รับการแก้ไขแล้ว

ชายชรารีบหยิบผ้าขึ้นมาคลุมตัวอีกครั้ง แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว

"เชิญเข้ามา" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากภายในร้าน

เกาหมิงพยักหน้าให้จูเหมียวเซียว เขาอุ้มจ้าวซีไว้บนหลังก้าวนำเข้าไปในร้านอาหาร

ร้านอาหารที่ดัดแปลงมาจากห้องเช่ามีขนาดกะทัดรัดและดูว่างเปล่า ปราศจากลูกค้ารายอื่นหรือพนักงานที่มองเห็นได้ มีเพียงโต๊ะไม้ธรรมดาและเก้าอี้พลาสติกเท่านั้น

เนื่องจากร้านอยู่ใต้ดิน จึงไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ ภายในร้านอาหารจึงอันแน่นไปด้วยกลิ่นของเนื้อที่เข้มข้น

"เข้ามานั่งสิ อย่ายืนรอเลย" เสียงของชายคนนั้นดูเหมือนจะดังมาจากครัวหลังร้าน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความใจร้อนเล็กน้อย

ทั้งสามคนนั่งลงบนโต๊ะไม้ ซึ่งพวกเขาหยิบเมนูขึ้นมาดู มีเพียงชื่ออาหารแต่ไม่มีราคา

ทุกคนต่างหันหน้ามองกงซี "อย่ามองมาที่ผม ผมก็ไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน" กงซีผลักเมนูให้เกาหมิง "พวกเราลองสั่งดูไหม?"

"อะไรที่ไม่มีราคามักจะต้องจ่ายด้วยราคาแพง" ก่อนที่เกาหมิงจะตัดสินใจได้ จู่ๆประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดออก ทำให้ทั้งสามคนถึงกับตกใจ

พวกเขาทั้งหมดหันไปทางเข้าประตูร้านด้วยความประหลาดใจ ก่อบพบว่าเจ้าหน้าที่เดินสะดุดเข้ามา บุคคลนั้นถือธูปหักไว้ในมือ สภาพจิตใจของเขาดูผิดปกติ ริมฝีปากของเขาเปียกด้วยน้ําลาย ดวงตาส่วนใหญ่เป็นสีขาวไม่ได้โฟกัสสิ่งใด บ่งบอกถึงอาการสับสนหรือเพ้อเจ้อ

บุคคลนี้เพิกเฉยต่อทั้งสาม เขาคว้าเมนูไว้แล้วเดินเข้าไปในครัวหลังร้าน

ร้านเงียบไปชั่วครู่ ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่เดินออกมาพร้อมจานที่มีชิ้นเนื้อบางอย่างในมือซ้าย ส่วนแขนขวาของเขากลับหายไป

เขาจ้องมองเนื้อที่เปร่งประกายอยู่บนจาน ขณะที่เจ้าหน้าที่เคลื่อนไหว เนื้อก็กระตุก

เขานั่งลงที่โต๊ะอาหาร ค่อยๆคว้าเนื้อขึ้นมาด้วยมือเปล่า เจ้าหน้าที่กลืนน้ำลายและเลียริมฝีปาก

จากนั้นเขาก็กัดเนื้อ ฟันของเขาฉีกผ่านชั้นที่อ่อนนุ่มที่สุด น้ำของเนื้อพุ่งไปทุกที่ ไขมันก็ละลายในปากของเขา น้ำซอสปรุงรสของเนื้อไหลลงมาตามมือ เขาใช้ลิ้นเลียมันเหมือนน้ำผลไม้

ความมีเหตุผลในสายตาของเขาค่อยๆหายไป เขาเริ่มกัดเนื้อเหมือนสัตว์ที่หิวกระหาย ไม่เพียงแต่เนื้อบนมือเท่านั้นเขายังกัดมือที่ถือเนื้ออีกด้วย ขณะที่เขาแทะและแทะเลือดก็เริ่มผสมกับน้ำซอสของเนื้อทําให้เกิดภาพที่น่าสยดสยอง ไม่นานเขาก็มองไปที่ฝ่ามือของเขาอย่างโง่เขลา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีอักษรสีดําคลานไปมา

เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เดินโซเซไปที่ประตูร้าน

"ออกไปก่อนดีไหม ดูว่าเขาจะไปที่ไหน?" จูเหมียวเซียวรู้สึกอึดอัดมากกับกลิ่นของเนื้อภายในร้าน มันกระตุ้นความปรารถนาทุกประเภทในตัวเธอ เธอไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป

พวกเขาวางเมนูลง กําลังจะออก แต่ประตูกลับปิดลง ประตูไม้เก่าดูปกติ แต่ไม่ว่าจะดันแรงแค่ไหนก็ไม่ขยับเขยื้อน

"หรือว่า... พวกเราต้องกินถึงจะออกไปได้?!" จิตใจของจูเหมี่ยวเซียวสั่นคลอนด้วยกลิ่นของเนื้อ เธอเหวี่ยงขวานไปที่ประตูโดยไม่ลังเล

"ฉึบ!" เสียงทื่อๆดังขึ้น ความรู้สึกที่กระทบลงไปเหมือนไม่ใช่ไม้ แต่เหมือนชั้นของเนื้อหนาๆ

ประตูร้านยังคงปิด แต่กลับมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากจุดที่ถูกขวานฟัน

จูเหมียวเซียวยังคงต้องการเฉือนประตูต่อ แต่เกาหมิงหยุดเธออย่างรวดเร็ว "มองไปรอบ ๆ ! หลังจากที่เธอฟันประตูลงไป กำแพงก็เคลื่อนเข้าหาตัวเราเล็กน้อย!"

เลือดหยดจากแผงประตู แต่กลับไม่มีกลิ่นคาว แต่กลับเพิ่มกลิ่นของเนื้อให้แรงขึ้น!

"พวกเจ้าอยากกินอะไร" เสียงของชายคนนั้นดังมาจากห้องครัวอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่กังวลเลยว่าลูกค้าของเขาอาจจะหลบหนีออกไปได้ "ถ้าจะสั่งอาการก็จงนำเมนูเข้าครัวมา"

กลิ่นเนื้อที่ท่วมท้นกําลังส่งผลกระทบต่อพวกเขาทั้งหมด โดยเฉพาะเกาหมิงที่รู้สึกหิวโหยลึกๆ ความหิวนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตใจด้วย มันราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นกําลังฉีกจิตวิญญาณและบิดเบือนสติการรับรู้ของพวกเขา

ความปรารถนากำลังครอบงําจิตใจ!

ดวงตาของจูเหมียวเซียวค่อยๆกลายเป็นสีแดง เธอจ้องมองไปที่จานบนโต๊ะ ที่ถูกนักสืบคนนั้นทิ้งไว้ ริมฝีปากของเธอสั่น เธอหยิบจานขึ้นมา ต้องการลิ้มลองคราบน้ำของเนื้อและซอสที่เหลืออยู่บนจาน

"จูเหมียวเซียว!" เกาหมิงปัดจานออกไปและล็อคมือของจูเหมียวเซียวไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอยอมจํานนต่อความต้องการของเธอ

"ทําไมต้องต่อต้านความปรารถนาของตัวเอง" เสียงของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความยั่วยวน "ถ้าหิวก็มาที่ครัวหลังร้านสิ แล้วพวกเจ้าจะต้องติดใจ"

"คุณขายเนื้อแบบไหน" กงซีหวาดกลัวแต่ไม่สามารถระงับความอยากกินเนื้อของตัวเองได้จึงตั้งคําถาม เขาไม่เคยบริโภคเนื้อสัตว์จากอาคาร เนื่องจากคําสอนของคุณยาย แต่ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองกําลังต่อสู้กับความปรารถนาอย่างท่วมท้นที่จะดื่มด่ำมัน

"เจ้าเคยสังเกตไหมว่ามีผู้อยู่อาศัยในอาคารนี้กี่คนที่ขาดชิ้นส่วนของร่างกาย? เคยสงสัยไหมว่าชิ้นส่วนเหล่านั้นไปลงเอยที่ใด" ชายในห้องครัวหัวเราะคิกคัก "ทุกอย่างเป็นความสมัครใจ พวกเขาเต็มใจแลกเปลี่ยนเนื้อหนังของพวกเขาเอง"

"พวกเขา... กินเนื้อจากร่างกายของพวกเขาเอง?"

"ไม่! พวกเขาจ่ายด้วยร่างกายของพวกเขาและกินความปรารถนาของพวกเขา" เสียงหัวเราะหยุดลง เสียงของชายคนนั้นน่ากลัวยิ่งขึ้น "เมื่อหมดหนทาง ถูกต้อนให้จนมุม พวกเขาจะเต็มใจที่จะลองทุกอย่าง นั่นแหละคือแก่นแท้ของธรรมชาติมนุษย์"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด