ตอนที่แล้วตอนที่ 289 ตัวตนของตลาดมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 291 ชนพื้นเมืองที่แท้จริงของโลกยุคโบราณ

ตอนที่ 290 สุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นโชคชะตา(ฟรี)


ตอนที่ 290 สุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นโชคชะตา

มีคำพูดหนึ่งที่ลุคเคยได้ยินมา สุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นโชคชะตา ครั้งที่เมืองปลายฝนเขาช่วยเจนกลับมาได้ แม้จะเผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์และผู้มองอนาคต อีกครั้งที่เมืองหลวงสหพันธรัฐที่เขาตามไปช่วยเจน

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็วนกลับมายังจุดเดิม มันทำให้ลุครู้สึกอยากจะหัวเราะให้กับตัวเอง ที่คิดว่าเขาสามารถทำทุกอย่างได้ แต่ไม่ใช่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมเขายังเป็นต้นเหตุให้เจนกลายเป็นสิ่งที่เธอต่อต้านมาตลอด

ลุคไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเจนนั้นได้กลายเป็นองค์หญิงเทพอสูรและองค์หญิงเทพอสูรกลายเป็นเจนแล้ว แถมพวกเขาทั้งสองก็ไม่ใช่พี่น้องกัน แต่คือโคลนนิ่งที่เกิดมาจากศัตรูของกันและกันอีกด้วย

สำหรับเขาไม่ว่าจะเป็นอะไรเจนก็คือน้องสาวของเขาเสมอ

“เธอจะยังเป็นน้องของพี่เสมอ” ลุคกล่าวกับเจนอย่างห่วงใย พร้อมกับยื่นมือไปจะลูบหัวของเจนเหมือนกับสมัยก่อน

เจนกลับมองไปที่ลุคด้วยสีหน้านิ่งเฉย แม้ภายนอกจะแสดงออกแบบนั้น แต่ในใจเธอกลับสับสน เพราะถึงเธอจะเป็นเจน แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นองค์หญิงเทพอสูรอยู่ด้วย

สำหรับองค์หญิงเทพอสูรแล้วลุคคือศัตรู เพราะในมุมมองขององค์หญิงเทพอสูรลุคก็ไม่ต่างจากเอเชอร์ แต่สำหรับเจนลุคคือพี่ชายของเธอ ทำให้เจนยังคงมีความสับสนใจตัวเองที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้

สุดท้ายเธอจึงได้แต่เว้นระยะห่างไว้จากลุค เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะทำร้ายลุค เนื่องจากยิ่งเวลาผ่านไปนานทั้งสองตัวตนยิ่งหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น

กระบวนการนี้ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เธอก็ไม่แน่ใจว่าพอการหลอมรวมเสร็จสิ้นแล้วเธอจะยังเป็นเจนน้องสาวของลุคอยู่หรือไม่

ลุคสัมผัสได้ถึงการเว้นระยะจากเจนอย่างชัดเจน เขาไม่ได้ยื่นมือไปหาเธออีก เพียงลดมือลงกลับมา

“ทำไมถึงต้องไปที่นั่น” ลุคถามออกมาตรง ๆ ที่จริงเขาอยากจะห้ามไม่ให้ไป

“ฉันจำเป็นต้องไป อีกไม่นานสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะมาถึง ฉันต้องทำหน้าที่ขององค์หญิงเทพอสูร เผ่าอสูรต้องการฉัน”

“เธออยู่ที่นี่จะปลอดภัย ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 ที่มายังโลกดึกดำบรรพ์ถูกปิดไปแล้ว ต่อให้เอเชอร์ก็ตามมาไม่ได้”

“ไม่ มันไม่เกี่ยวกับเอเชอร์ เผ่าเทพ เผ่านรก หรือเผ่าต่าง ๆ ในโลกต่างมิติ แต่มันคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้เหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบานและเหี่ยวเฉา เหมือนกับไฟที่เผาไหม้หญ้าแห้ง เหมือนกับแสงแดดที่ทำให้ต้นไม้เติบโต สงครามครั้งนี้ก็เช่นกัน มันคือการขยายตัวของโลกต่างมิติ พวกมันต้องการเติบโตขึ้นมาและทางเดียวคือการแย่งชิงจากโลกต่างมิติอื่น ๆ”

ลุคพยายามคิดตามคำพูดของเจน เห็นชัดว่านี่คือการเตือน

เขารู้ว่านั้นคงเป็นสิ่งที่มาจากองค์หญิงเทพอสูร ลุครู้หลายสิ่งหลังจากเรื่องที่ผ่านมา แต่เขาก็มีหลายสิ่งที่ไม่รู้เช่นอะไรคือหน้าที่ขององค์หญิงเทพอสูรที่เผ่าอสูรถึงทำทุกวิถีทางเพื่อพาเธอกลับไปยังโลกอสูร

แน่นอนว่าลุคเข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง วันนั้นมาถึงเขาจะเข้าใจเอง

“วันที่สงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเผ่าพันธุ์มาถึง” ลุคพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

เจนไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เธอกลับเผยแววตาและสีหน้าที่ไม่ต่างจากองค์หญิงเทพอสูรออกมา ก่อนที่จะหันหลังกลับและวาดมือออกไปพริบตานั้นมิติเบื้องหน้าก็ฉีกขาดออกมาก่อนที่เธอจะก้าวเข้าใป

ลุคได้แต่อึ้งและมองดูเจนจากไปทั้งแบบนั้น

การที่เจนมาหาเขาเพราะต้องการแสดงให้เห็น พลังของเหนือระดับ A ซึ่งสามารถทำลายมิติได้ ถ้าเจนทำได้ อีกไม่นานเอเชอร์ก็คงจะทำแบบเดียวกับเจนได้เช่นกัน

น้องสาวเขาจากเขาไปอีกแล้ว แต่เขาจะได้เจอเธออีกแน่นอนในสงครามที่กำลังจะมา

...

ลุคเอาคำเตือนของเจนไปบอกกับนิโคล บอสตันและไอกะ ก่อนจะให้ทั้งสามเริ่มกองทัพต่อเพื่อเดินตามแผนที่วางไว้ ก่อนอื่นคือไปยึดฐานทั้งหมดที่สหพันธรัฐสร้างไว้เพื่อต่อสู้กับกองทัพมนุษย์วานรของอาณาจักรมนุษย์วานร

ขณะที่ลุคนั้นออกเดินทางไปคนเดียว

เขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงที่นี่ เพราะแม้จะไม่มีเขาที่เป็นเหนือมนุษย์ระดับ A ก็ยังมีสองชายหญิงชราจากร้านปากกาขนนกแห่งตลาดมืดที่มีพลังในระดับ A คอยเฝ้ารักษาดินแดนรอบประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 ไว้

ที่จริงอันตรายคงไม่ได้มาจากพวกมนุษย์ เพราะส่วนใหญ่ยินยอมเข้าร่วมกับกิลด์เทพศาสตราวุธอยู่แล้ว แต่ก็ระวังไว้ไม่เสียหายและสิ่งที่ต้องระวังจริง ๆ นั้นคือมอนสเตอร์

โลกต่างมิติอย่างโลกดึกดำบรรพ์คือสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับมนุษย์อย่างพวกเขา นอกจากการรู้ถึงเผ่าพันธุ์พื้นเมืองอย่างมนุษย์วานรตามความเข้าใจของทุกคนแล้ว ยกเว้นที่ลุครู้ว่าพวกนี้มาจากโลกต่างมิติที่ล่มสลาย

พวกเขาก็แทบยังไม่ได้สำรวจลึกเข้าไปในดินแดนส่วนอื่น ๆ ของโลกต่างมิติแห่งนี้เลย จากพลังงานต่างมิติที่เข้มข้น ถ้าจะมีมอนสเตอร์ในระดับ A หรือสูงกว่านั้นอยู่ที่นี่มันก็ไม่น่าแปลกใจอะไร

ดังนั้นหน้าที่ปกป้องที่นี่ในตอนที่ลุคไม่อยู่จึงตกอยู่ในมือของสองคนนั้น

ลุคมองดูกองทัพที่เคลื่อนตัวออกไปตามเส้นทางต่าง ๆ ซึ่งรวมแล้วมีทหารไม่น้อยกว่า 100,000 คน แต่นี่ยังน้อยไป แน่นอนว่าทหารเหล่านี้คือเหนือมนุษย์ที่เข้าร่วมกับกิลด์ในก่อนหน้านั้น

พวกนี้ไม่ใช่ทหารทั้งหมดของลุค เพียงแต่พวกเขาคือพวกที่พร้อมใช้งานในตอนนี้เท่านั้น ทหารที่แท้จริงคือพวกมนุษย์โคลนนิ่ง แต่พวกเขายังต้องการเวลาอีกหน่อย

ลุคมองไปที่ทหารมนุษย์โคลนนิ่งและก็รู้สึกใกล้ชิดขึ้นมาอย่างแปลก ๆ อาจจะเพราะเขาเองก็พึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์โคลนนิ่งด้วยเช่นกัน จะต่างกันก็แค่เขาคือผลผลิตที่มาจากเทคโนโลยีชั้นสูงของทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทำให้ลุคนั้นไม่ต่างจากมนุษย์เลย

แถมเขายังมีความทรงจำจริง ๆ ผ่านเรื่องราวการใช้ชีวิตจริงจนเติบโตมาถึงตอนนี้ บางทีความทรงจำจริง ๆ อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างมนุษย์โคลนนิ่งกับมนุษย์จริง ๆ

หลังจากมองดูเหล่ามนุษย์โคลนนิ่งแล้ว ลุคก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายของตัวเองเช่นกัน

...

ที่เมืองปลายฝน

สถานการณ์ตอนนี้ในเมืองปลายฝนไม่ได้คึกคักเหมือนอย่างเช่นเคย บนถนนจำนวนรถที่วิ่งนั้นมีแค่ 1 ใน 10 ของปกติ เพราะเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น อาหารเริ่มขึ้นราคาตามไปด้วย อย่างน้อยก็เป็นสองเท่าจากก่อนหน้านั้นแล้ว ยิ่งมีข่าวจากเมืองหลวงสหพันธรัฐ มันยิ่งทำให้เกิดความสับสนและวุ่นวาย

ในตอนกลางวันผู้คนมักจะเดินทางอย่างเร่งรีบและพูดคุยกันน้อยลง พวกเขาเริ่มกักตุนอาหาร มีคนตกงานและเร่ร่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะที่ตอนกลางคืนจะมีโจรและหัวขโมยออกมาปล้นชิงจำนวนมาก ในซอยมืด ๆ มักจะพบกับศพคนที่ตายเสมอมา

กฎหมายและข้อบังคับเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีคนจากทางการของสหพันธรัฐเข้ามาควบคุมดูแลที่นี่อีก โดยเฉพาะเมื่อสหพันธรัฐล่มสลายไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้หลายคนไม่เกรงกลัวสิ่งใด

แถมกองกำลังอย่างกิลด์เทพศาสตราวุธได้จากไปพร้อมกับกองกำลังของตัวเองไปยังโลกที่อยู่หลังประตูมิติโลกสมบูรณ์ พวกที่อยู่ในเงามืดจึงเริ่มออกมาควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ กลายเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกมาเฟียและกลุ่มแก๊ง

พวกนี้ฉลาดถึงกับทำข้อตกลงกันและเจ้าหน้าที่บางส่วนที่มาจากกองทัพเทพอนันต์ โดยการจ่ายบางส่วนให้หัวหน้าทหารที่นั่นและก็ปกครองเมืองปลายฝนไป

สำหรับเมืองปลายฝนที่อยู่ห่างไกลแล้วนั้นกองทัพเทพอนันต์ไม่ได้สนใจพวกมันเลย สิ่งที่พวกเขาสนใจจริง ๆ คือประตูมิติ แต่พอรู้ว่าเกิดบางอย่างขึ้นกับประตูมิติ จนทำให้ประตูทั้งบานและทางเข้ากลายเป็นผาหินปิดผนึกไป

พวกเขาก็แค่ส่งคนมาเฝ้าไว้เท่านั้น

ผู้คนในเมือง โดยเฉพาะคนธรรมดา พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนักและการจะหนีออกไปก็ไม่ใช่ทางออกที่นี่ ด้านนอกอันตรายมาก และจากสถานการณ์แล้ว เมืองอื่น ๆ ก็คงไม่ต่างกัน

แต่ขณะที่ทุกคนในเมืองกำลังใช้ชีวิตเท่าที่จะทำได้ พวกเขาก็พบว่าพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนและมีแรงระเบิดมหาศาลเกิดขึ้นที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 อย่างฉับพลัน

คลื่นแรงระเบิดทำลายล้างพื้นที่รอบ ๆ ประตูมิติในระยะหลายร้อยกิโลเมตร ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิงโดนทำลายไปมากเท่านั้น สำหรับเมืองหลายฝนที่อยู่ห่างออกมา อาคารเริ่มสั่นสะเทือน มีอาคารหลายหลังถล่มลงมา

โชคยังดีที่แรงระเบิดนั้นเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวและก็หยุดลง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังทำให้มีผู้คนบาดเจ็บหลายหมื่นคน ส่งผลให้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขาไม่รู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม้แรงระเบิดจะหายไป พวกเขาก็ยังพากันวิ่งไปยังหลุมหลบภัย เพราะคิดว่าเกิดมอนสเตอร์โจมตีแบบที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต

เหล่ามาเฟียและกลุ่มแก๊งในเมืองปลายฝนเรียกการประชุมด่วน พวกเขามีสภาที่ถูกตั้งขึ้นมา มันมีไว้เพื่อการเจรจาและแบ่งผลประโยชน์ในเขตปกครอง ในกองกำลังมาเฟียรวม ๆ กันแล้วมีเหนือมนุษย์ไม่ถึง 100 คนด้วยซ้ำ นี่คือรวมจากทุกกองกำลังแล้ว

แต่มันก็เพียงพอในการควบคุมทั้งเมือง เพราะทหารและเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านั้นถ้าไม่โดนกำจัดก็ได้เข้าร่วมกับกิลด์เทพศาสตราวุธและจากเมืองไปกันหมดแล้ว ที่นี่เหลือเพียงคนธรรมดา

ก่อนหน้านั้นพวกสภามาเฟียคิดว่าจะปกครองเมืองปลายฝนได้อย่างสบาย เพราะเมืองที่อยู่ใกล้กับประตูโลกสมบูรณ์จะไม่มีประตูมิติเปิดออกมา เท่ากับไม่มีมอนสเตอร์มาบุกโจมตี แถมประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 ก็ปิดตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่วนพวกมอนสเตอร์ที่เมื่อก่อนเคยอยู่รอบ ๆ ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะการกวาดล้างไปช่วงก่อนหน้านั้นจากพวกฮันเตอร์ที่เคยเดินทางมาพักที่เมือง

พวกเขามีความหวังว่าจะเปลี่ยนเมืองนี้เป็นดินแดนของตัวเองและกลายเป็นราชาของที่นี่ แม้จะต้องอยู่ภายใต้กองทัพเทพอนันต์ แต่มันก็ดีกว่าอยู่ภายใต้สหพันธรัฐ เพราะกองทัพเทพอนันต์ไม่สนใจการดูแลของพวกเขา ขอแค่พวกเขาตอบสนองทรัพยากรและเงินมอบให้พวกนั้นได้

ต่อให้พวกเขาฆ่าคนกองทัพเทพอนันต์ก็ไม่สนใจ

แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็มีระเบิดเกิดขึ้นมา ทำให้ทุกคนนั้นตื่นตระหนกมาก เพราะคิดว่าอาจจะเป็นมอนสเตอร์บุกโจมตี ด้วยแรงระเบิดขนาดนี้ เหนือมนุษย์แค่ร้อยคนไม่มีทางต้านทานพวกมันได้แน่นอน

ที่พวกเขามาประชุมกันจึงไม่ใช่การวางแผนต่อสู้ แต่เป็นการประเมินสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใช่มอนสเตอร์หรือไม่ ถ้าใช่แล้วมันทรงพลังมากแค่ไหน ถ้ามีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังจริง ๆ พวกเขาจะกวาดเอาทุกอย่างที่มีค่าและหนีไปจากเมืองทันที

แต่หลังจากแรงระเบิดครั้งแรกภาพจำนวนมากก็ถูกส่งมาให้พวกเขาผ่านพวกคนสอดแนม มันไม่มีมอนสเตอร์โผล่มานอกจาก ชายเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่หน้าประตูมิติโลกสมบูรณ์ที่ทางเข้ากลายเป็นหินไปแล้ว

ทุกคนต่างมองไปที่นั่น ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะหายไป

“นั้นใช่...”

บึม!!!

ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรอีก แรงระเบิดรอบที่สองก็เกิดขึ้น พร้อมกับภาพทั้งหมดที่หายไป พวกสภามาเฟียไม่กล้าส่งคนไปสอดแนมอีก เพราะพวกนี้จมูกไวต่ออันตรายจากประสบการณ์และการใช้ชีวิตในโลกมืดพวกเขา ชอบรังแกคนอ่อนแอ และหวาดกลัวคนแข็งแกร่ง จึงรู้ว่าชายที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินนั้นคือคนที่แข็งแกร่ง

ทุกคนหุบปากเงียบ ขณะที่ภาวนาให้ชายคนนั้นไม่ระเบิดเมืองปลายฝนเหมือนที่ระเบิดประตูบานนั้นอยู่

เอเชอร์ไม่สนใจว่าพลังที่เขาโจมตีใส่ประตูไปก่อนหน้านั้นจะทำลายล้างพื้นที่รอบ ๆ และฆ่าคนไปเกือบแสนคนหรือไม่ แม้จะทำลายทั้งเมืองปลายฝนเขาก็ไม่สนใจ เพราะชีวิตคนธรรมดาสำหรับเอเชอร์พวกเขานั้นไร้ประโยชน์

สิ่งที่เอเชอร์สนใจมีเพียงคนที่มีประโยชน์เท่านั้นและในสายตาเขาหมายถึงทหารของกองทัพเทพอนันต์

ส่วนอีกสิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือลุคและตัวตนอื่น ๆ เขามาที่นี่หลังจากที่กลืนกินตัวตนอื่น ๆ และฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว เขาต้องการมาฆ่าลุคและกลืนกินตัวตัวตนที่อยู่กับอีกฝ่าย เพราะแบบนั้นมันจะฟื้นพลังได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า

แต่ดูแล้วคงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3 นั้นปิดผนึกไปแล้ว

แม้แต่เอเชอร์ก็ยังไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาได้ลองโจมตีใส่หินพวกนั้นก็รู้ว่าหินพวกนี้ไม่ใช่หิน แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า ซากที่หลงเหลือของพลังงานที่ถูกปิดกั้น มันเหมือนกับหินปูนที่ก่อตัวขึ้นมา

เพียงแต่มันมีจำนวนมากก็เท่านั้น พอโดนทำลายพวกมันก็แตกออก แต่ไม่นานก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่กลายเป็นหินที่ปิดไว้เหมือนเดิม

เอเชอร์รู้ว่าต่อให้เขาทำลายหินจากซากพวกนี้ก็ไม่มีทางผ่านประตูมิติได้ไป เพราะสิ่งที่ขวางกันไม่ใช่หินจากซาก แต่เป็นตัวมิติเอง

แน่นอนว่าตอนนี้เอเชอร์ยังไม่สามารถทำลายม่านนี้และเข้าไปในประตูได้ แต่เขามีพิกัดของโลกดึกดำบรรพ์อยู่ ซึ่งได้มาจากแซมสันและเอเชอร์ต้องการเวลาอีกหน่อยในการสะสมพลังและระบุพิกัดให้แน่ชัด เพื่อเปิดมิติไปยังที่นั่น

“เจ้าหนีมันไม่พ้นหรอก” เอเชอร์กล่าวด้วยแววตาชั่วร้ายก่อนจะจากไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด