ตอนที่แล้วตอนที่ 18 คำติฉินนินทา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 ทำอาหาร 

ตอนที่ 19 คุณและฉันจริงใจต่อกัน


ตอนที่ 19 คุณและฉันจริงใจต่อกัน

เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนี้ เธอก็ไตร่ตรองสิ่งที่ซ่งลุ่ยพูดมาอย่างละเอียดและรู้สึกว่าสิ่งที่ซ่งลุ่ยพูดนั้นมีเหตุผล เธอจึงพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“คุณยังคิดเผื่อฉัน ฉันรู้สึกขอบคุณคุณจริง ๆ เอาแบบนี้ละกัน หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ฉันจะหาเวลาชดเชยให้นายดีกว่า !” พูดจบ ใบหน้าฮงเหมยก็แดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย

ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนี้ ในใจเขาก็สงบขึ้นและรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“โอเค โอเคเลย เธอต้องชดเชยให้ฉัน !” ทันใดนั้นเขาก็ถามฮงเหมยว่า

“เธอต้องไปตอนกี่โมง ฉันยังมีคำถามที่ยังอยากถามเธออยู่”

ฮงเหมยได้ยิน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอแล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“สิ่งที่เธออยากถามใช่เรื่องที่ประธานจางมอบหมายให้นายไปเก็บค่าเช่า ควรจะทำอย่างไรหรือเปล่า ?”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ฟัง ใบหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจออกมาและถามว่า

“เธอรู้ได้ยังไง”

เมื่อฮงเหมยได้ยิน เธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“นายยังไม่เคยทำงานนี้ แน่นอนว่านายต้องหาใครสักคนเพื่อสอบถาม และฉันก็เป็นคนที่อยู่ข้างกายของประธานจาง จะต้องรู้อะไรมากกว่านายแน่นอน ถ้านายไม่มาถามฉันแล้วนายจะไปถามใคร เพียงแต่ว่านายไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรา ถ้าฉันรู้ ฉันก็จะบอกนายอย่างหมดเปลือก !” พูดถึงตรงนี้ ฮงเหมยก็หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

ผ่านคำบอกเล่าของฮงเหมยทำให้ซ่งลุ่ยได้รู้ว่าบริษัทเหวินฮว่าเป็นธุรกิจให้เช่าทั้งสิ้น และได้รับดอกเบี้ยจากเงินค่าเช่า ถึงแม้ว่าจะมีลูกหนี้ที่เล่นตุกติกไม่ยอมจ่ายบ้าง แต่ลูกหนี้เหล่านั้นก็ต้องยอมจ่ายแต่โดยดี ฮงเหมยอยากให้ซ่งลุ่ยไปตามเก็บเงินจากคนเหล่านี้เพราะง่ายที่จะเก็บเงินได้มากกว่า

หลังจากที่ซ่งลุ่ยฟังแล้ว ใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ในเวลานั้นก็รู้สึกไม่สบายใจออกมาทันที รีบถามฮงเหมยอย่างรวดเร็ว

“รายชื่อล่ะ ? มีใบรายชื่อมั้ย ? เอารายชื่อมาให้ฉันสิ ฉันจะได้จัดการรายชื่อที่ต้องไปตามเก็บเงิน”

ฮงเหมยมองไปที่ซ่งลุ่ยที่กำลังมีความสุข เธอจ้องมองเขาและพูดกับเขาว่า

“คราวนี้นายวางใจได้ รอรายชื่อก่อน ฉันจะส่งให้นายทางอีเมล”

หลังจากซ่งลุ่ยได้ยินก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและตอบอย่างกระตือรือร้น

“โอเค โอเค เยี่ยมไปเลย เธอสามารถส่งให้ฉันได้เลย ! ยิ่งเร็วยิ่งดี ! ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้ว !”

“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะเอาให้นายตอนนี้”

ฮงเหมยยืนขึ้นและหยิบรายชื่อจากชั้นวางหนังสือด้านหลังของเธอแล้วส่งให้ซ่งลุ่ยทันทีที่ โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเธอก็ดังขึ้น เธอรับโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัวและได้ยินเสียงประธานจางดังลอดออกมาจากโทรศัพท์

“ฮงเหมย เธอมาที่ห้องทำงานของฉันตอนนี้เลย แล้วจะได้ออกไปกับฉัน”

ในเวลานี้ฮงเหมยก็รีบตอบประธานจางอย่างรวดเร็ว

“ได้ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะประธานจาง จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” พูดจบก็วางโทรศัพท์ แล้วมองไปที่ซ่งลุ่ยอย่างไม่ตั้งใจ

“นายดูสิ พูดไม่ทันไร ประธานจางก็โทรมาเลย โอเค งั้นฉันต้องไปก่อนนะ นายจะนั่งอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ แล้วแต่นายเลย” ฮงเหมยพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

ซ่งลุ่ยรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“เธอต้องไปแล้ว ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไรกันล่ะ เธอไป ฉันก็ต้องไปเหมือนกันแหละ” พูดจบซ่งลุ่ยก็เดินออกไปพร้อมกับฮงเหมย

ทั้งสองคนเดินไปที่ประตูด้วยกันและโบกมือลากัน หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่คุ้นเคยกันเหมือนว่าทั้งสองคนเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

ซ่งลุ่ยกลับไปที่ห้องทำงานและนั่งลงไปที่เก้าอี้แล้วก็คิดไตร่ตรองอย่างละเอียดขึ้นมาเมื่อมองไปที่รายชื่อที่วางอยู่ตรงหน้าตนเอง อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งสู่ห้วงความคิดว่าทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้  เขาควรจะเลือกเฉพาะคนไป ถึงแม้ว่าจะมีรายชื่อมาให้เขา แต่อย่างไรก็ตามนี้คือการทำงานแบบนี้ครั้งแรก ในใจยังคงมีความประหม่าเล็กน้อย

ซ่งลุ่ยขยับตัวขึ้นและเกาหัวให้กับเรื่องยุ่งยากที่จะต้องจัดการ วันนี้คงไปไม่ไหวแล้ว อีกไม่นานก็จะเย็นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังคิดหาวิธีไม่ออกเลยว่าจะต้องทำอย่างไร หลีกเลี่ยงความเร่งด่วนนี้ไม่ได้ด้วย เมื่อตอนบ่ายก็ไม่ได้ไป แค่คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่มีเวลาแล้ว งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้เช้าละกัน ! ในความเป็นจริงเรื่องนี้ไม่น่ามีอะไรที่ยาก ใช้เวลาไม่นานก็จัดการได้แล้วไม่มีอะไรเลย แต่ว่าในตอนนี้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของเขา ทำให้ใบหน้าของซ่งลุ่ยต้องแสดงความผิดหวังออกมา

“เตือนฉุกเฉิน เตือนฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำเกินไป แบตเตอรี่ต่ำเกินไป โปรดหลั่งฮอร์โมนเพื่อชาร์จแบต โปรดหลั่งฮอร์โมนเพื่อชาร์จแบต !”

ซ่งลุ่ยที่ได้ยินเสียงนี้ หน้าผากก็ปรากฏรอยย่นขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็พูดอะไรไม่ออก ตัวเขาไม่ใช่ม้าหนุ่มนะที่จะสามารถหลั่งฮอร์โมนเพื่อชาร์จแบตได้มากขนาดนั้น ค่อยว่ากันเถอะ ฉันยังไม่มีอารมณ์ ! ผลลัพท์ของการปล่อยโอกาสนี้ไปก็ไม่ยอดเยี่ยมสักเท่าไหร่ ! หรือว่าเมื่อก่อนหน้านี้ที่ฉันกับฮงเหมยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งก็ทำให้แบตเตอรี่หมด ?

ถึงแม้ว่าซ่งลุ่ยจะบ่นในใจ แต่แบตเตอรี่หมดคือเรื่องจริง ยังคงปรากฏอยู่ตรงหน้าเหมือนเก่า แล้วจะให้ทำยังไง หรือว่าจะไปหาหลินหลิน ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ส่ายหัวอยู่พักหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ได้ เมื่อวานคืนก็เพิ่งจะผ่านค่ำคืนแห่งความดุเดือดและร้อนแรงมา หลินหลินยังคงไม่ฟื้นคืนสภาพเดิม วันนี้ก็จะทำอีกเหรอ อย่าว่าแต่หลินหลินไม่ยอมเลย ตัวเขาเองก็ไม่ยอมเช่นกัน !

ครั้งนี้จะทำอย่างไรล่ะ ถ้าไม่ได้ทำก็ชาร์จแบตไม่ได้ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญด้วยสิ และมันก็จำเป็นแล้วจะเอายังไงดีล่ะ ในขณะที่ซ่งลุ่ยทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น เขาก็คิดออกขึ้นมาทันทีทันใด ครั้งที่แล้วที่การชาร์จแบตบรรลุผลก็คือครั้งแรกที่เข้าไปพัวพันกับฮงเหมย  ที่ครั้งนั้นไม่สำเร็จก็เพราะไม่ทันเวลาไม่ใช่เหรอ

เมื่อคิดถึงสาเหตุ ซ่งลุ่ยก็เริ่มครุ่นคิดขึ้นมา ไม่ใช่ว่าต้องใช้เวลาที่มากพอก็ชาร์จแบตได้แล้ว หรือก็คือไม่จำเป็นที่จะทำให้เสร็จกิจ เพราะว่าเมื่อคิดอย่างละเอียดถึงผลลัพธ์ของครั้งก่อนแล้ว เหตุการณ์ที่ผ่านมา ก็พบว่ามันเหมือนกัน ! เพียงแค่ต้องรักษาระยะเวลาให้นานก็พอแล้ว !

ในตอนนั้นเองซ่งลุ่ยก็เผยรอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายออกมา ในใจก็วางแผนวิธีการของตัวเองอย่างลับ ๆ !

ผ่านไปพักใหญ่ก็ถึงเวลาเลิกงาน ซ่งลุ่ยก็รีบเดินไปที่ห้องพักของหลินหลินด้วยความกระฉับกระเฉง ในตอนที่ถึงประตูห้อง เขาก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหันและจัดระเบียบเสื้อผ้าของตนเองและกำลังผลักประตูเข้าไป แต่ในใจก็เกิดความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาอยากจะเห็นว่าหลินหลินกำลังทำอะไรอยู่ในห้อง ! เขาจึงหยุดอยู่ที่ประตูแล้วใช้ระบบสายตามองทะลุมองเข้าไปในห้อง ตอนที่ซ่งลุ่ยกำลังใช้ระบบ สถานที่ที่เขามองไปคือที่เตียง แต่มองไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่บนเตียง ผ้าห่มก็ถูกพับไว้แล้วอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาเลยหันไปทางห้องน้ำแทน แต่ห้องน้ำก็ไม่มีใคร หลินหลินหายไปไหนกัน ? ในห้องก็ไม่ได้มีพื้นที่อะไรมาก มองแล้วมองอีกก็ยังคงไม่มีอะไรเหมือนเดิม

หลินหลินไปไหน ?  ตอนนี้ร่างกายส่วนล่างของเธอต้องยังคงเจ็บปวดอยู่ หรือว่าจะเป็นเฉินอันมาจัดการพาเธอไปแล้ว ? ไม่ใช่หรอก เฉินอันไม่สามารถทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้นได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็หยุดไปชั่วขณะ ก็พูดลำบาก ถ้าเป็นเฉินอัน เขาอาจจะประเมินค่าของเฉินอันต่ำไป จะเป็นอย่างไรถ้าหากเขาทำจริง ๆ !

ในขณะที่ซ่งลุ่ยกำลังคิดบ้า ๆ บอ ๆ อยู่นั้น เขาก็ก้มหัวลงอย่างไม่รู้ตัว กลับพบว่าตรงหัวมุมมีเงาหนึ่งกำลังเดินมา ในมือถือถุงพลาสติกใบใหญ่ เขาเห็นเธอเดินขมวดคิ้ว ไม่กล้าที่ก้าวเท้ายาว ๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเธอยังรู้สึกเจ็บอยู่และไม่สามารถเดินเหินได้อย่างสะดวก ซ่งลุ่ยจ้องมองว่านั่นใช่หลินหลินไหม !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด