275 (ฟรี)
275 (ฟรี)
เมื่อเห็นภาพนั้น หลายคนก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจ
“บริษัทกลุ่มคังเฉิงและบริษัทบันเทิงฮั่นถิงราคาหุ้นร่วงหนักมาก แถมราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ก็ร่วงหนักมากด้วย?”
“นี่มัน…ทั้งสองฝ่ายต่างก็เสียหาย? ไม่มีใครชนะ?”
“หลินเป่ยฝานโชคดีจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! เหมือนกับว่าสวรรค์กำลังช่วยเขาอยู่!”
“เขาเก่งมากที่สามารถเล่นงานบริษัทรถยนต์ทั้งวงการได้ด้วยตัวคนเดียว!”
“ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเสียหาย ต่จริงๆแล้วหลินเป่ยฝานชนะ บริษัทรถยนต์แพ้! พวกมันมีมูลค่าตลาดรวมกันหลายล้านล้านหยวนยังสู้หลินเป่ยฝานคนเดียวไม่ได้! พระเจ้า! เขานี่คือไอดอลของฉันเลย!”
“แต่ชัยชนะครั้งนี้ก็แลกมาด้วยความเจ็บปวด”
“ใช่ทรัพย์สินของเขาหายไปเป็นแสนล้านหยวนน่าเสียดายจริงๆ”
“แถมต่อไปเขาก็ยังต้องโดนบริษัทรถยนต์พวกนั้นกีดกันขายรถไม่ได้ลำบากแน่ๆ!”
ราชามังกรมองภาพนั้นและปลอบใจตัวเองว่า “ถึงพวกเราจะแพ้แต่หลินเป่ยฝานก็ไม่ได้กำไรอะไรมาก! ที่ผ่านมาฉันสู้กับหลินเป่ยฝานมาหลายครั้งก็แพ้ราบคาบมาตลอดครั้งนี้ก็นับว่าดีกว่าทุกครั้งแล้วล่ะ!”
แต่ทันใดนั้นตลาดหลักทรัพย์ก็ประกาศข่าวหนึ่ง
บริษัทบันเทิงฮั่นถิงและบริษัทกลุ่มคังเฉิงเนื่องจากมีการปรับกลยุทธ์ภายในบริษัทและได้รับมติเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นจึงได้ยื่นคำขอเพิกถอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง
“เพิกถอนหุ้น?!”
“บริษัททั้งสองแห่งนี้อยู่ดีๆจะเพิกถอนหุ้นทำไม?”
“ถึงแม้ว่ามูลค่าบริษัทจะลดลงก็ไม่น่าจะถึงขนาดเพิกถอนหุ้นนี่นา! ถ้าไม่ได้ทำผิดร้ายแรงบริษัทก็ยังสามารถอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้นี่!”
“หรือว่าหลินเป่ยฝานจะยอมแพ้แล้ว?”
“มันผิดปกติ! ถ้าอยากจะเพิกถอนหุ้นต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นและต้องได้รับมติเห็นชอบมากกว่า 2 ใน 3!”
“รีบไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ทุกคนรีบเข้าไปดูเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์
พวกเขาพบว่าหลินเป่ยฝานถือหุ้นของทั้งสองบริษัทมากกว่า 80%!
บริษัทบันเทิงฮั่นถิง 88% บริษัทกลุ่มคังเฉิง 90%
หลินเป่ยฝานเป็นคนยื่นคำขอเพิกถอนหุ้น
เขาถือหุ้นมากกว่า 2 ใน 3 มีอำนาจตัดสินใจโดยไม่ต้องผ่านมติของผู้ถือหุ้น
เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็ยิ่งงง
“หลินเป่ยฝานถือหุ้นเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เขาเป็นคนตัดสินใจเพิกถอนหุ้น?”
“จะเพิกถอนหุ้นทำไม? ถ้าเพิกถอนหุ้นแล้ว หุ้นก็จะไม่สามารถซื้อขายได้อีก!”
“คนอื่นอยากจะเข้าตลาดหลักทรัพย์แทบตาย แต่นายกลับจะออกจากตลาด?”
“การเพิกถอนหุ้นก็มีข้อดีนะ!”
นักวิเคราะห์คนหนึ่งออกมาอธิบาย
“บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ก็เพื่อระดมทุน เพื่อให้บริษัทเติบโต! และเพื่อให้ราคาหุ้นของตัวเองเพิ่มขึ้นแล้วนำไปขายทำกำไร!”
“แต่มันก็มีข้อเสีย!”
“นั่นก็คือต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ต้องบริหารงานอย่างโปร่งใสต้องเปิดเผยงบการเงินเป็นประจำ เรื่องสำคัญต่างๆของบริษัทต้องแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ! ในขณะเดียวกัน อำนาจของตัวเองก็จะถูกแบ่งไปทำอะไรก็ไม่สะดวก! และอาจจะโดนคนอื่นแย่งชิงตำแหน่งไป! ผู้ก่อตั้งบริษัทหลายคนโดนเตะออกจากบริษัทก็เพราะแบบนี้แหละ!”
“แต่ถ้าเพิกถอนหุ้นแล้วปัญหาพวกนี้ก็จะหมดไป!”
“ไม่ต้องเปิดเผยงบการเงิน ไม่ต้องรายงานอะไรให้ใครรู้! มีอำนาจตัดสินใจทุกอย่างทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ไม่มีใครมาควบคุมได้!”
“อ๋อ…เข้าใจแล้ว!”
“ฟังคุณพูดแล้วได้ความรู้เยอะเลย!”
“ที่แท้การเพิกถอนหุ้นก็มีข้อดีแบบนี้ เลือกเอาว่าจะเอาเงินหรือจะเอาอำนาจ!”
ทุกคนถึงบางอ้อ
นักวิเคราะห์คนนั้นอธิบายต่อ “สำหรับเจ้าของบริษัทถ้าไม่มีเงินการเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ดี! แต่ถ้ามีเงินแล้วการเพิกถอนหุ้นก็ดีกว่า!”
“แต่ในความเป็นจริง เจ้าของบริษัทส่วนใหญ่ไม่มีเงินทุน จึงเลือกที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์! ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดีกว่า! จริงๆแล้วบริษัทที่ดีจริงๆไม่มีทางเข้าตลาดหลักทรัพย์หรอก! พวกเขามีทั้งเงินและอำนาจ นอนเฉยๆก็รวยแล้วจะเอาผลประโยชน์ไปแบ่งให้คนอื่นทำไมจริงไหม?”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ถ้าเป็นบริษัทที่ดีจริงๆก็คงจะไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เก็บกำไรไว้กับตัวดีกว่า!
“หลินเป่ยฝานมีเงินเยอะจริงหรือเปล่า?”
“เขาเพิกถอนหุ้นแบบนี้แสดงว่าเขาแพ้หรือชนะ?”
…………
ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบ
ทันใดนั้นก็มีคนออกมาแฉ
“ถ้าหลินเป่ยฝานยังไม่เรียกว่าคนรวยก็ไม่มีใครบนโลกใบนี้เรียกว่าคนรวยแล้วล่ะ!”
“ในสงครามครั้งนี้มีผู้ชนะเพียงคนเดียวนั่นก็คือหลินเป่ยฝาน!”
…………
“บริษัทรถยนต์แพ้ราบคาบ! ! !”
ทุกคนต่างก็พากันเข้ามาดู
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ทำไมถึงบอกว่าหลินเป่ยฝานเป็นผู้ชนะคนเดียว?”
“นายต้องรู้อะไรมาแน่ๆบอกฉันหน่อยสิ!”
คนๆนั้นแฉต่อ
“ฉันเพิ่งได้ข้อมูลมาจากโบรกเกอร์ว่าตั้งแต่เริ่มสงครามจนถึงตอนนี้ หลินเป่ยฝานกู้หุ้นบริษัทรถยนต์มาทุบราคารวมมูลค่าสามแสนล้านหยวน! ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ร่วงลงไปมากกว่า 50% หลินเป่ยฝานน่าจะได้กำไรอย่างน้อยๆ 150,000 ล้านหยวน!”
ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง
“กู้หุ้น 3 แสนล้านหยวนมาทุบราคาได้กำไร 150,000 ล้านหยวน!”
“น่ากลัวจริงๆ!”
…………
“ไม่เพียงแต่เล่นงานบริษัทรถยนต์จนล้มละลาย ยังได้กำไรอีกเป็นแสนล้านหยวน!”
“นี่มันเทพหรือมนุษย์เนี่ย!”
“จริงเหรอ? เขาเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คนๆนั้นแฉต่อ
“ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน! เพราะหลินเป่ยฝานโหดเกินไป บริษัทรถยนต์พวกนั้นสู้ไม่ไหว จึงหันมาเล่นงานบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของหลินเป่ยฝานแทน เทขายหุ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ!”
“แต่พวกเขาประเมินความร่ำรวยของหลินเป่ยฝานต่ำไป”
“พวกเขาเทขายหุ้นไปเท่าไหร่ หลินเป่ยฝานก็ซื้อเข้ามาเท่านั้น! ดังนั้นหุ้นในมือของหลินเป่ยฝานจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิน 80%! แถมราคาหุ้นพวกนั้นยังร่วงไป 80% หลินเป่ยฝานจึงได้ซื้อหุ้นในราคาถูกมากสามารถควบคุมบริษัททั้งสองแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย!”
“รู้ไหมว่าบริษัทกลุ่มคังเฉิงกับบริษัทบันเทิงฮั่นถิงมีมูลค่าตลาดที่แท้จริงรวมกันมากกว่า 5 แสนล้านหยวน! ตอนนี้เขาใช้เงินไปแค่หลักหมื่นล้านหยวนก็ได้บริษัททั้งสองแห่งนี้มาครอง นายคิดว่าเขากำไรหรือขาดทุน?”
ทุกคนต่างก็พากันฮือฮา
“กำไรเห็นๆ!”
“แค่สินทรัพย์สุทธิของทั้งสองบริษัทก็หลักแสนนล้านหยวนแล้ว แต่เขาใช้เงินไปแค่หลักหมื่นล้านหยวนก็ได้มาครอง!”
“ถ้าเป็นฉันคงจะฝันหวานไปแล้ว!”
“แถมยังได้กำไรจากบริษัทรถยนต์อีก 150,000 ล้านหยวน!”
“แบบนี้แสดงว่าหลินเป่ยฝานเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้!”
“บริษัทรถยนต์แพ้ราบคาบ!”
“เขาคนเดียวปราบบริษัทรถยนต์ทั้งวงการได้!”
“เก่งสุดๆ! ! !”