บทที่ 62 ความพ่ายแพ้
ขณะยืนอยู่ตรงหน้าหลัวเฉิง หลินอวิ๋นก็ยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิ
“เจ้าจะเป็นหินก้อนแรกที่ ข้าหลินอวิ๋นผู้นี้เหยียบปีนขึ้นไปสู่ความรุ่งโรจน์!”
ดวงตาของหลัวเฉิงยังคงเฉื่อยชา “มันก็ไม่แน่หรอก ว่าใครจะเป็นหินให้ผู้ใดเหยียบกันแน่”
“จนถึงตอนนี้ เจ้ายังกล้าอวดดีอีก เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ ว่าความต่างชั้นคืออะไรและรสชาติของความสิ้นหวังเป็นอย่างไร ข้าจะเอาชนะเจ้าในสามกระบวนท่า”
หลินอวิ๋นตะคอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว จากนั้นพลันฟาดฝ่าเท้าลงบนพื้น พานให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ ก่อนพุ่งตัวออกไปทันที
ปัง!
ฝ่ามือของเขานั้นเร็วมาก เมื่อมันผ่านห้วงอากาศก็ทำให้เกิดเสียงขาดสะบั้นของสายลมอย่างรุนแรง
หลัวเฉิงยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเพียงยืนนิ่งอยู่กับที่และเอื้อมมือออกไปเท่านั้น
ปัง!
ฝ่ามือของหลินอวิ๋น เปรียบดั่งดาบที่ฟาดอย่างรุนแรงด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้ง แม้นเป็นเช่นนั้นแต่มันกลับถูกหลัวเฉิงรับเอาไว้อย่างง่ายดาย
“เป็นไปไม่ได้!”
หลินชางหลางผงาดเหยียดตัวขึ้นยืนตรง พร้อมด้วยในมือบีบจอกสุราจนแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ
การที่เขาประหลาดใจนั้นหาใช่เรื่องแปลก เพราะหลินอวิ๋นมีพลังยุทธ์สูงสุดในขั้นหลอมกายา ตามความรู้สึกเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อยู่ในขั้นหลอมกายาระดับต่ำกว่าจะสามารถรับการโจมตีของหลินอวิ๋นได้
ทว่าตอนนี้ หลัวเฉิงกลับสามารถรับการโจมตีอันรุนแรงเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย ราวกับฝ่ามือนั้นเป็นเพียงการฟาดฟันของทารก
“เฉิงเอ๋อร์ทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าสำเร็จแล้วงั้นหรือ!” หลัวหงอุทานด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด
หลัวหมิงซานแอบยิ้มอย่างสำราญใจ แล้วพึมพำว่า “เนื้อหาในหนังสือ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเปิดอ่านเท่านั้น”
“หนึ่งกระบวนท่า”
หลัวเฉิงมองหลินอวิ๋นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
หลินอวิ๋นที่เป็นผู้โจมตีเมื่อครู่ ก็รู้สึกตกตะลึงเฉกเช่นเดียวกันกับผู้อื่น
ฝ่ามือนี้เขาใช้ความแข็งแกร่งมากถึงเจ็ดส่วน แต่กระนั้นมันก็ยังไม่อาจทำให้หลัวเฉิงสะทกสะท้านแม้แต่น้อย!
ใบหน้าของหลินอวิ๋นตอนนี้ เปี่ยมไปด้วยความอับอายยิ่ง จากนั้นเขาโคจรปราณแท้ไปรวมไว้ยังฝ่ามือแล้วยกขึ้นประหนึ่งเป็นดาบ
“รับฝ่ามือนี้ของข้าดู แยกธารา!”
ด้วยเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว หลินอวิ๋นใช้ฝ่ามือของเขาผ่าศีรษะของหลัวเฉิง ด้วยพลังที่สามารถสะบั้นขุนเขาให้ขาดเป็นสองซีกได้
นี่คือวรยุทธระดับสามดาวของตระกูลหลิน ฝ่ามือแยกคลื่น ซึ่งตอนนี้หลินอวิ๋นได้ฝึกฝนมันจนบรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว ลมแรงจากฝ่ามือประหนึ่งดาบ ทำให้เส้นผมของหลัวเฉิงโบกสะบัด
แม้นเห็นเช่นนั้น ดวงตาของหลัวเฉิงก็ยังไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย ร่างของเขายืนนิ่งราวกับก้อนหินที่อยู่ท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่ง จากนั้นเอื้อมมือออกไปรับฝ่ามือของหลินอวิ๋นโดยตรง
เสียงดังสนั่นพลันสะท้านขึ้นทันใด ดาบที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ของหลินอวิ๋น กลับถูกหลัวเฉิงจับเอาไว้อย่างกระชับแน่น จนไม่อาจดิ้นหลุดได้
“เขารับได้อีกแล้ว!”
ผู้คนที่ประสบพบเห็นเหตุการณ์นี้ ต่างมีสีหน้าตกตะลึงยิ่งนัก
การต่อสู้ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นการลงมืออยู่ฝ่ายเดียว ตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!
“มันเป็นไปไม่ได้!”
ดวงตาของหลินอวิ๋นเบิกโพลง และในหัวของเขาก็ว่างเปล่า เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฝ่ามือแยกคลื่นอันแข็งแกร่งของเขาจะถูกรับได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“เจ้าเองก็ลองรับหมัดของข้าดูบ้าง!”
สิ้นเสียง แววตาของหลัวเฉิงก็ประกายราวสายฟ้า ก่อนจะพุ่งหมัดชกออกไปทันที
“ไอ้ขยะ ไปตายซะ!”
หลินอวิ๋นคำรามด้วยความโกรธจนไม่อาจควบคุมสีหน้าได้ เขาโคจรพลังยุทธ์ทั้งหมดไปรวมไว้ยังฝ่ามือซ้าย ก่อนฟาดมันสวนกลับไปอย่างรุนแรง
ทันทีที่ฝ่ามือและกำปั้นเข้าปะทะกัน เสียงกระดูกแตกก็พลันดังขึ้นอย่างชัดเจน
หลินอวิ๋นแผดเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับร่างปลิวออกไปราวยี่สิบฉื่อ มือซ้ายของเขาบิดเบี้ยวผิดรูป พร้อมกับกระดูกสีขาวที่โผล่ออกมา
“โอ้สวรรค์! หลินอวิ๋นเป็นฝ่ายแพ้แล้ว!”
“ช่างน่าเหลือเชื่อนัก หลัวเฉิงใช้หมัดเดียวเท่านั้นก็สามารถเอาชนะหลินอวิ๋นได้”
“หลินอวิ๋นอยู่ในขั้นหลอมกายาระดับเก้า ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ระดับหกดาว ไฉนกลับอ่อนแอขนาดนี้ หรือว่าหลัวเฉิงได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ไปแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินอวิ๋นถูกชกจนร่างกระเด็น ทั่วหอคอยสูงก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันใด!
ทุกคนล้วนตกใจมิแตกต่างกัน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเบื้องหน้านี้ แม้นจะได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้วก็ตาม
พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
“บัดซบ!”
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คน จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามดังก้องทั่วหอคอยสูงอย่างฉับพลัน
ขณะนี้ เส้นผมของหลินชางหลางกางกระพือพริ้ว สายตาอำมหิตของเขาจ้องยังหลัวเฉิง ก่อนตะคอกเสียงแข็งกร้าว
“เจ้ามารน้อย! เจ้าทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ไปแล้ว แต่ยังกล้าปกปิดพลังยุทธ์แล้วเข้าร่วมแข่งขันล่าสัตว์ เจ้าคิดว่าตระกูลหลินเรา ใช่ตระกูลที่จะยอมให้ผู้อื่นกลั่นแกล้งหรืออย่างไร”
วืด!
สิ้นวาจา หลินชางหลางก็ทะยานไปหาหลัวเฉิง แล้วปาดมือฟาดทันที