ตอนที่แล้วตอนที่ 47 สามกลยุทธ์ที่แตกต่างกันสําหรับการเคลียร์เกม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49 เนื้อและความปรารถนา

ตอนที่ 48 ทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะอยู่รอดในแบบของตนเอง


หลังจากดีดกระดูกออกจากปาก ผู้จัดการอาคารก็รีบใส่หน้ากากกลับเข้าที่ ก่อนเดินโซเซจากไป

ว่านหยูถอนหายใจและวางมือลง ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นอันน่าสยดสยองก็ทําร้ายเขา

'เหม็นมาก อย่างกับมีคนตายมาหลายวันแล้ว'

เขาหันกลับมาตรวจสอบถังขยะและชั้นวางรองเท้า ทุกอย่างดูสะอาด มีเพียงกระดาษที่ถูกขยำไว้ตกอยู่

ว่านหยูเก็บขึ้นมาก่อนคลี่กระดาษออก ก่อนพบว่าเป็นกระดาษที่ถูกฉีกออกจากไดอารี่

- วันนี้เป็นวันที่สามสิบของฉันในอพาร์ทเมนท์ห้อง 505 ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามฉัน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอช่างสวยงามและอ่อนโยน เธอมักจะออกไปซื้อของตอนกลางคืนเสมอ ทำให้ฉันได้เจอเธอทุกครั้งที่ทํางานกะกลางคืน

- เธอมีเสน่ห์เหลือเกิน ผมสีดําสลวยของเธอ หน้าตาที่เบิกบานใจ แค่มองก็ทำให้หัวใจเต้น แต่น่าแปลกที่เธอมักจะสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเสมอ และมีกลิ่นแปลกๆจางๆอยู่รอบตัวเธอ ตอนแรกฉันก็ไม่รังเกียจอะไรนัก แต่อยู่มาวันหนึ่งเจ้าของอพาร์ทเมนท์ก็มาแจ้งข่าวบางอย่างกับฉัน เขาแจ้งว่า ในที่สุดห้องตรงข้ามฉันที่ว่างเปล่ามาครึ่งปีกำลังถูกปล่อยเช่า ฉันจะมีเพื่อนบ้านใหม่เร็วๆนี้

- ฉันไม่เข้าใจ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ได้อย่างไร? แล้วยังเสียงหัวเราะของเด็กที่ฉันได้ยินทุกคืนอีก

- กลิ่นเหม็นเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จากห้องฝั่งตรงข้าม ทำไมกันนะ?

'เหม็น?' จิตใจของว่านหยูปั่นป่วน 'เจ้าของไดอารี่ควรอยู่ที่ห้อง 505 แต่ทำไมกระดาษแผ่นนี้กลับตกอยู่ในห้อง 506?'

ใต้แสงสลัว ว่านหยูสังเกตเห็นรอยเท้าเปื้อน'โคลนสีแดง'ตามทางพื้นคอนกรีตภานในห้องนั่งเล่น

'เลือด?' เขาย่อตัวลงอย่างระมัดระวังติดตามรอยเท้า จนกระทั่งขาซีดคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเขา ราวกับว่าขาคู่นี้อยู่ในห้องนั่งเล่นมาโดยตลอด

แม้ว่าว่านหยูจะเตรียมใจมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังกลัวจนกระทั่งล้มลงกับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัว

เด็กสาวสวมชุดสีดํา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สัมผัสแสงอาทิตย์เป็นเวลานาน ผิวของเธอซีดขาวอย่างน่าขนลุก

ทุกอย่างในห้องปนเปื้อนด้วยกลิ่นเหม็นรวมถึงตัวเด็กสาวด้วย อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากนั้นเธอดูไม่ต่างจากเด็กปกติ เสื้อผ้าของเธอสะอาดมากและมีผมเปียน่ารักสองเส้น เธอถือตุ๊กตาหมีสตรอเบอร์รี่ไว้ในอ้อมแขน

"คุณแม่ มีคนเข้ามา!" เมื่อเห็นว่านหยูเธอก็ร้องเรียกหาแม่ของเธอทันทีเสียงของเธอแหบแห้งและเต็มไปด้วยความกลัวต่อสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

ห้องครัวถูกกั้นไว้ด้วยผ้าม่าน ราวกับความมืดที่ปกปิดบางอย่างไว้

ไม่นานหลังจากนั้นเด็กสาวอีกคน อายุน่าจะสี่หรือห้าขวบก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมชามสามใบในมือ เดินออกมาจากห้องครัว น้ำตาไหลอาบใบหน้าขณะที่เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น "แม่ไม่คุยกับฉันเลยเธอไม่สนใจฉันอีกแล้ว"

ขณะที่เด็กสาวพยายามวางชามบนโต๊ะ ว่านหยูรู้สึกว่ากลิ่นที่เล็ดลอดออกมาจากตัวเธอนั้นรุนแรงยิ่งกว่ากลิ่นของเด็กอีกคนในห้องนั่งเล่น

"พี่สาว มากินข้าวกันเถอะ" เด็กหญิงตัวเล็กๆเช็ดน้ำตาวิ่งไปหาพี่สาวของเธอ ก่อนหันไปมองที่ว่านหยู "พี่ชายก็มากินด้วยกันไหม อาหารของคุณแม่อร่อยมากเลยนะ"

"ปัง!" ทันใดนั้นเสียงมีดฟาดเขียงอย่างแรงดังกึกก้องมาจากห้องครัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างชัดเจนถึงการมีตัวตนอยู่ของแม่

เมื่อตระหนักถึงความสําคัญของการปฏิบัติตามในสถานการณ์ที่น่าขนลุกนี้ ว่านหยูจึงขยับตัวไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว เขานั่งลงอย่างเงียบๆและเชื่อฟัง

บรรยากาศที่โต๊ะอาหารค่อนข้างน่ากลัวและหนาวเหน็บ พี่สาวคนโตกอดตุ๊กตาก้มหน้าลงไม่พูดอะไร ส่วนน้องสาวที่ดูมีชีวิตชีกรอกตาไปมาจ้องมองว่านหยูเป็นครั้งคราว

"ฉันชื่อหนานหนานส่วนนี่พี่สาวของฉันเซียนเซียน เราอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่ตอนนี้มีคนใจร้ายบางคนพยายามไล่เราออก โดยอ้างว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา" หนานหนานโกรธเล็กน้อย เธอคว้าตะเกียบของเธอและต้องการคุยกับว่านหยู "คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อไล่เราออกไปใช่ไหม"

ว่านหยูส่ายหัว เขามองไปมาระหว่างสองพี่น้อง ริมฝีปากของเขาเปิดออก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เสียงการทําอาหารดังมาจากห้องครัว ในไม่ช้ากลิ่นหอมของอาหารก็รวมเข้ากับกลิ่นเหม็นโดยรวม ม่านห้องครัวถูกยกขึ้นเล็กน้อย จานกะหล่ำปลีผัดเผ็ดถูกผลักออกมาช้าๆ

กะหล่ำปลีผัดเผ็ดววางอยู่บนจานสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งถูกจับด้วยนิ้วมือที่เน่าเปื่อยห้านิ้ว

"ฉันจะเสิร์ฟอาหารเอง" หนานหนานกระตือรือร้นมาก เธอวิ่งไปที่ประตูห้องครัวและนําจานไปวางที่โต๊ะอาหาร

'แม่'ที่อยู่ในครัวไม่ได้แสดงตัวออกมา ม่านตกลงมาและนิ้วก็หายไปในความมืด 'แม่'เริ่มทําอาหารจานที่สอง ไม่นานกลิ่นของการปรุงเนื้อสัตว์ก็ลอยออกมา

เมื่อว่านหยูเห็นนิ้วที่เน่าเปื่อยตรงหน้าดวงตาของเขาก็กระตุก

เรื่องสยองขวัญจากข้อมูลที่ได้มากลายเป็นจริง แม่ของเด็กหญิงทั้งสองเสียชีวิต แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกไล่ออกจากอพาร์ตเมนต์ วิญญาณของเธอจึงยังติดอยู่ในร่างที่ไร้ชีวิต คอยทำอาหาร ซักผ้าและถักเปียให้ลูกสาวสองคนทุกวัน

หนานหนานอาจจะยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องความตาย และยังคงปฏิบัติต่อแม่เหมือนเช่นเคย ส่วนลูกสาวคนโตเซียนเซียน เธอตระหนักถึงความจริงอันน่าสยดสยองอย่างเจ็บปวด เธอลังเลที่จะจากไปเพราะสุดท้าย ผีก็ยังเป็นแม่ที่เธอรัก

จานที่สองจะพร้อมในไม่ช้า ว่านหนูอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก ดวงตาของเขายังคงกระพริบอย่างรวดเร็วด้วยพลังบางอย่าง เพื่อหาทางรอด

ความสามารถพิเศษของเขาคือการทํานายความตาย ทําให้วิสัยทัศน์ของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยภาพของความตาย

ตั้งแต่จานที่สามเป็นต้นไปภาพลวงตาจะหายไป กับดักมรณะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ว่านหยูมองเห็นหนทางที่เขาจะตาย ลูกสาวคนโตจะไปหยิบจานที่สอง และแล้วก็ถึงตาเขาที่จะคว้าจานที่สาม จากนั้นเขาจะถูกแม่จับมาทําเป็นอาหารจานที่สาม ถ้าเขาไม่อาสาช่วยพวกเธอขนจานเขาจะถูกน้องสาวฆ่าตาย ถ้าเขาหนี แม่จะออกมาจากห้องครัวเพื่อไล่ล่าเขา ถ้าเขาไม่ทําอะไรเลยเขาจะโดนขังอยู่ที่นี่ตลอดไป

แลือดและน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอาบแก้มของเขา ว่านหยูก้มหน้าลงไม่กล้ามองไปที่ห้องครัว

กลิ่นหอมของเนื้อปรุงสุกเริ่มแรงขึ้น ในไม่ช้าจานเนื้อสีแดงสดที่เกิดจากนิ้วที่เน่าเปื่อยก็นำจานออกมาอีกครั้ง

สองสาวตื่นเต้นมากเมื่อได้กลิ่นเนื้อ ลูกสาวคนโตกําลังจะลุกขึ้นยืน จู่ๆว่านหยูก็ตัดสินใจยืนขึ้นและก้าวเดินไปรับอาหารแทน

ในระหว่างที่เดินตรงไปยังห้องครัว ขาของว่านหยูสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อเขารับจานเนื้อด้วยมือทั้งสองข้างความกล้าหาญของว่านหยูก็หมดลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดและน้ำตา ขาของเขาอ่อนแรงลงจนสุดท้ายก็ยืนต่อไปไม่ไหว

"ทำไมใครๆก็อยากรังแกแต่ผม.... แม่.... แม่อยู่ที่ไหน...." เขาบ่นพึมพํา น้ำเสียงท่วมท้นด้วยความทรงจําอันน่าเศร้าและเจ็บปวด คนๆเดียวที่คิดจะช่วยเขาก็หายตัวไปเช่นกัน ตอนนี้เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว

ตอนนี้จิตใจของเขาว่างเปล่า ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง เขารู้ดีว่าอีกไม่นานเขากำลังจะตาย

เสียงของว่านหยูเบาลงเรื่อยๆ เสียงจากการทำอาหารในห้องครัวก็หยุดลง

เซียนเซียนค่อยๆเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอดูแปลกไปเล้กน้อย เธอลุกขึ้นและเดินมาหยุดที่ด้านข้างของว่านหยู เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเข้าใกล้ว่านหยูก็ขดตัวลง

เด็กสาวตัวน้อยที่มีผมปียน่ารักยื่นมาออกไปแตะว่านหยู แต่ว่านหยูกลับไม่ตอบสนอง เธอจึงกระซิบบางอย่างไปทางห้องครัว

ม่านห้องครัวขยับเล็กน้อยและร่างที่มีใบหน้าปกคลุมไปด้วยผมสีดําโผล่ออกมา กลิ่นเหม็นโชยออกมาจนแทบหายใจไม่ออก ระหว่างเส้นผม ว่านหยูหลือบไปเห็นลูกตาที่เปื้อนเลือด

"แม่?"

เสียงคํารามอู้อี้ดังก้องมาจากความมืด 'แม่'ถือมีดเล่มใหญ่ค่อยๆยกแขนขึ้นดวงตาของเธอเปล่งประกายสีแดงน่ากลัว

หัวใจของว่านหยูเต้นแรง ดวงตาของเขาปิดสนิท เตรียมพร้อมสําหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ยังไม่รู้สึกถึงสิ่งใดๆ

เมื่อว่านหยูลืมตาขึ้นช้าๆ เขาก็พบกับนิ้วมือที่เน่าเปื่อยของแม่กำลังลูบไล้ศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน

"นายไม่สามารถแย่งแม่ของเราได้ แต่ถ้านายรู้สึกไม่สบายใจ นายสามารถบอกพวกเราได้" เด็กหญิงตัวเล็กๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นผู้ใหญ่

เมื่อกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ทุกอย่างรู้สึกเกินจริงมากสําหรับว่านหยู แม้ว่าดวงตาของเขาจะสามารถคาดการณ์ความตายได้ แต่ความตายกลับไม่ทําอะไรเขา แม่ผีถือจานที่สามออกมาเอง ครอบครัวสามคนเริ่มกิน ว่านหยูไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนเขากำลังหลอกลวงแม่ผี

"ที่จริงผมมาจากข้างนอก" ว่านหยูไม่ได้โกหกและบอกพวกเขาทุกอย่าง

ในชีวิตที่โชคร้ายของว่านหยู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เขายังยอมรับแม่ผีเป็นหนึ่งในครอบครัวของเขา

อาจจะเป็นเพราะทั้งชีวิตว่านหยูได้รับความสิ้นหวังมามากเกินไป ดังนั้นเมื่อเขาพบความแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะจับมันไว้

หลังจากรู้ว่าเพื่อนของว่านหยูหายตัวไป ลูกสาวตัวน้อยที่กระตือรือร้นก็พูดขึ้นทันที "ไปหาผู้หญิงปากมากคนนั้นกันเถอะเธอรู้ทุกอย่าง!"

คําแนะนําของเธอมาพร้อมกับคำเตือน "แต่ระวังนะ! ผู้จัดการอาคารอาจจะจับพี่ชายได้"

พี่สาวจ้องมองน้องสาวของเธอ น้องสาวคนเล็กเข้าโผกอดเธอก่อนพูดอย่างไม่มั่นใจ "งั้นพวกเรามาจับผู้จัดการกันดีไหม มีพวกเราตั้งหลายคน ทําไมเราต้องกลัวเขาด้วย"

"อย่าพูดจาไร้สาระ! ผู้จัดการอาคารเป็นตัวแทนของ 'เทวรูปสีเลือด' เทพเจ้าแห่งเลือดและเนื้อ" เซียนเซียนเริ่มตําหนิน้องสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ผมเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้จัดการอาคารมาก่อน" ว่านหยูพูดอย่างอ่อนแรง "จริงๆแล้วเขาเป็นหนู เขาน่าจะแอบโขมยกินอะไรบางอย่างเข้าไป นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงได้น่ากลัวขึ้น"

ลึกๆแล้วว่านหยูไม่เชื่อในเรื่องภูติผีและเทพเจ้า เพราะทุกครั้งที่เขาถูกรังแก เขาจะสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้ามาช่วยเหลือเขาเสมอ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเคยช่วยเขา

ในสายตาของเขา โลกนี้ช่างน่าสังเวชและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นําเขาไปสู่ข้อสรุปบางอย่าง หากมีเทพเจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ พระเจ้าจะไม่มองหาคนอย่างเขาแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด