ตอนที่ 385
ตอนที่ 385
“เราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสิ่งที่คุณชายได้รับมาจากบนเกาะลอยน้ำขอรับ นายน้อยสามารถเอามันไปได้เลย
ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นศัตรูของคุณชายแม้แต่น้อย”
ขณะที่ชายชราชุดแดงพูด ออร่าระดับ 7 ก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา
พลังอันยิ่งใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
แม้ว่าเขาจะพูดจานุ่มนวลกับ เต๋าซุน แต่เขาก็เตือนเต๋าซุนด้วยเช่นกัน
เขาพยายามจะสื่อว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้เช่นกัน!
“แต่เราเป็นศัตรูกันแล้ว” เต๋าซุนกล่าวเบา ๆ
เขาไม่สนใจเกี่ยวกับพลังของชายชราในชุดคลุมสีแดงเลย และทลายโลกาในมือของเขาก็พาดผ่านดาดฟ้าใต้ฝ่าเท้าของเขา
เสียง "ครืน" ดังไปทั่ว
บนดาดฟ้าขณะที่ยืนอยู่ รอยสีขาวที่เห็นได้ชัดเจนก็ปรากฏ
-
บนเรือมันเงียบมาก
ผู้คนยืนกันเงียบๆ เฝ้าดูความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
“คุณชาย เจ้าจะประกาศสงครามกับตระกูลหนิงของข้ารึ?” ชายชราในชุดคลุมสีแดงหรี่ตาลงเล็กน้อย
แรงกดดันรอบตัวเขาเพิ่มมากขึ้นและคงอยู่รอบๆ
เต๋าซุน เพิกเฉยต่อชายชราและหันหน้าไปมองผู้คนที่อยู่ด้านข้าง
เขาถามออกไปรอยๆ “มีใครในหมู่พวกเจ้าบ้างที่คุมเรือเป็น?”
ฝูงชนเงียบไปสักพัก และในที่สุดชายในชุดคลุมสีน้ำเงินก็ออกมา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ: "ข้าทำได้"
“ดีเลย ข้าจะได้ฆ่าพวกเขาอย่างสบายใจ ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ
ทลายโลกาสั่นเล็กน้อยราวกับว่ามันกำลังตื่นเต้น
เต๋าซุนถือดาบสั้นและมองไปยังชายชราชุดแดงด้วยดวงตาที่สดใส
ออร่ารอบตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเส้นชีพจรของเขาก็เปิดออกทีละเส้น
1
2
3
…
7
ทันทีที่เส้นชีพจรลมปราณเส้นที่ 7 เปิด พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียดั่งแม่น้ำทอดยาวไหลเชี่ยวไม่มีที่สิ้นสุดก็หลั่งไหลออกมา
แรงกดดันที่จุดสูงสุดของระดับ 7 ก็ พลุ่งพล่านอย่างงดงาม
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก
เจ้าต้องรู้ว่าตัวเขานั้นเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นแรกเท่านั้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็พูดอะไรไม่ออก
เขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ เขาแค่หันหลังกลับแล้วพยายามหนีออกไปไกล
ความเร็วของเขาเร็วมาก และเงาของปีกกระพือปรากฏขึ้นบนหลังของเขา และเขาก็กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งหายไประยะไกล
“เจ้าหนีได้รึ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ
ทลายโลกาในมือขวาของเขาโบกอย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นเร็วมากจนเกือบจะก่อตัวเป็นเส้นแสงและเงา
แรงกดดันไร้ขอบเขตเล็ดลอดออกมาจากทลายโลกา
แสงดาบระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า และท้องฟ้าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาบ
"บูม"
แสงดาบถล่มลงอย่างช้าๆจากบนลงล่าง
ในสายตาของทุกคน ความเร็วที่ลดลงของแสงดาบนั้นช้ามากอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่าในเวลานี้พื้นรอบๆชายชราทั้งหมดก็กลายเป็นแข็งค้าง
ไม่ว่าชายชราในชุดแดงจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงดาบเล่มนี้ได้
เสียงกรีดร้องดังขึ้นในอากาศ แม้ว่าชายชราในชุดคลุมสีแดงจะหลบเลี่ยงก็ตาม
แต่จากไหล่ซ้ายลงมา หนึ่งในสามของร่างกายของเขาก็ถูกตัดออกโดยตรงแล้ว
แสงของดาบยังคงส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ตัดผ่านท้องฟ้าอันเงียบสงบ ทำลายชั้นของความว่างเปล่าจนแตกสลาย
มันกระแทกทะเลด้านล่างอย่างแรง
น้ำทะเลระเบิด "ตูม" เป็นคลื่นสูง 100 เมตรขึ้นมา
คลื่นอากาศแผ่ขยายออกไปหลายกิโลเมตร และเกิดช่วงสุญญากาศขึ้นทั่วบริเวณทะเล
อย่างไรก็ตาม ชายชราในชุดคลุมสีแดงยังไม่ตายในเวลานี้
นี่คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับ 7 ความสามารถในการรักษาร่างกายของตนเอง รวมถึงความเหนียวแน่นของร่างกาย มันแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
การเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดนั้นเปรียบได้ดั่งมีชีวิตสำรอง
ตราบใดที่วิญญาณในร่างกายไม่แตกสลาย
ไม่ว่าอาการบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนก็ฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ
เต๋าซุนโบกมือขวาของเขา และ โซ่นิรันดร์ในมือของเขาก็บินออกไป
มันมัดชายชราในชุดคลุมสีแดงโดยตรงแล้วเขาก็ดึงกลับมาที่ดาดฟ้าเรือ
-
"บูม!"
ขณะที่ร่างของชายชราชุดแดงตกลงอย่างแรงบนดาดฟ้า เขาก็ก้มหัวและหลับตาปี๋
และตะโกนด้วยความลำบากใจ: "ปล่อยข้าไปเถอะขอรับ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว
ท่านอยากได้สิ่งใดทำอะไรก็เชิญเลยขอรับ โปรดปล่อยข้าไปเถอะ "
สำหรับนักรบส่วนใหญ่ ยิ่งพวกเขามีชีวิตอยู่นานเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งกลัวความตายมากขึ้นเท่านั้น
การที่เขามีสถานะเช่นนี้หรือมาถึงจุดนี้ได้ล้วนแต่ผ่านความลำบากอย่างสาหัสมาทั้งสิ้น
แม้กระทั่งความเพลิดเพลินที่หรูหราในปัจจุบันเอง กว่าเขาจะมีได้เช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่อยากตาย
ในความเป็นจริง มีเพียงคนจำนวนไม่มากเท่านั้นที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่โหยหาจุดสูงสุดของเส้นทางการต่อสู้ และเป็นผู้ไม่กลัวความตาย
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีค่าพอจะแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้านะ ” เต๋าซุน กล่าวเบา ๆ
“ข้าเป็นผู้อาวุโสสองของตระกูลหนิง ตราบใดที่ท่านปล่อยข้าไป ข้าก็ยังมีสิทธิ์พูดบ้างในตระกูลหนิง”
ชายชราในชุดคลุมสีแดงตะโกนอย่างรวดเร็ว
“ในตระกูลหนิงของเจ้ามีตัวตนอมตะหรือไม่ ” เต๋าซุน ถาม
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็เงียบลง
ผู้มีอำนาจที่เข้าสู่ความเป็นอมตะนั้นหาใช่กะหล่ำปลีที่หาได้ตามข้างทางไม่ ฉะนั้นแล้วตระกูลหนิงจะมีได้อย่างไร ?
ในความเป็นจริง ตัวตนอมตะที่ทรงพลังส่วนใหญ่ในทวีป A นั้นล้วนแต่มาจากกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนิกายจักรพรรดิทั้งสิ้น
ในบรรดาผู้ฝึกตนทั่วไปที่เป็นเพียงกองกำลังเล็กๆนั้นการจะมีตัวตนอมตะได้ ความยากของมันย่อมไม่ต่างอะไรจากการไต่บันไดสวรรค์เลย
“เรามาเล่นเกมแห่งชีวิตและความตายกันดีหรือไม่?”
จู่ๆ เต๋าซุน ก็ยิ้มและพูด
“เกมอะไรหรือขอรับ” ชายชราในชุดคลุมสีแดงถามอย่างสงสัย
เต๋าซุนยิ้มและโบกมือขวาของเขา
โซ่นิรันดร์ในมือของเขาเริ่มบินออกไป
จากนั้นโซ่นิรันดร์ที่มัดชายชราชุดแดงอยู่ก็ลากร่างเหี่ยวๆของเขาลงไปใต้น้ำข้างเรือ
ปลายด้านหนึ่งของโซ่ผูกอยู่กับชายชรา และปลายอีกด้านหนึ่งผูกไว้กับท้ายเรือ
ในขณะที่เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็จะถูกลากกับทะเล
“มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากมายในทะเลนภาไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้”
เต๋าซุนกล่าว
“เรามาเดิมพันกันว่าขณะข้าลากเจ้าไปตามเรือ เจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดได้จนข้าไปถึงทวีปเหนือหรือไม่ ถ้าเจ้ายังรอด ข้าก็จะลืมเรื่องเหล่านี้ไปซะ
แต่หากเจ้าถูกกัดกินโดยสัตว์อสูร เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าโชคร้ายก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน น้ำทะเลก็ไหลเข้าไปในปากและจมูกของชายชราชุดแดง
เขาตะโกน: "เจ้าคนเลวทราม!"
“ข้าขอให้เจ้าโชคดี” เต๋าซุน ส่ายหัวและยิ้ม
-
เมื่อ เต๋าซุน หันกลับมาและเดินไปที่ดาดฟ้า ผู้โดยสารทุกคนบนเรือก็ขอบคุณเขาทีละคน
พวกเขาต่างก็ทักทายและทำความเคารพเต๋าซุน บางคนก็คิดจะทำความรู้จัก
แต่เต๋าซุนเพียงเหล่ตามองคนเหล่านี้อย่างไม่แยแสเท่านั้น
จากนั้นเขาก็พูดว่า: "ถ้าข้าฆ่าเขาได้ แล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าสามารถฆ่าพวกเจ้าได้หรือไม่เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไหม?
มอบทุกสิ่งที่พวกเจ้าได้จากเกาะลอยน้ำมา หากใครลังเล ก็อย่าได้ตำหนิข้าว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเขารอดชีวิต ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน รอยยิ้มของทุกคนก็แข็งทื่อขึ้นทันที
ในเวลาเดียวกันก็มีประโยคหนึ่งที่เข้ามาในความคิดของคนหลายๆคน
หนีเสือปะจระเข้!
พวกเขาทุกคนได้เห็นความโหดเหี้ยมของเต๋าซุนก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงไม่กล้าลังเลและหยิบของที่ได้รับจากเกาะลอยน้ำออกมาทันที
เต๋าซุนมองดูอย่างรวดเร็ว
แล้วเขาก็พบว่าคนเหล่านี้ต่างก็ได้รับของที่ไร้ประโยชน์มาทั้งสิ้น
ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาวุธและของพุพังแปลกประหลาดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ของเหล่านี้พลังปีศาจแฝงอยู่ทุกชิ้น ซึ่งเต๋าซุนสามารถดูดซับมันได้
ยังไงแล้วเขาต้องการเพิ่มความเข้าใจระหว่างเขากับร่างเทพปีศาจผนึกสวรรค์มากขึ้น
หลังจากจัดการสิ่งของของทุกคนแล้ว เต๋าซุนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และเขาก็เดินทีละก้าวไปยังตำแหน่งของชายชราแขนเดียว
ชายชรากำลังมองทะเลอย่างสงบ และเมื่อเขาเห็นการมาถึงของเต๋าซุน รอยยิ้มเล็กน้อยก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
“ช่างน่าประหลาดใจนักที่คนรุ่นใหม่มีคนที่มีความสามารถเพียงนี้อยู่ด้วย !” เขาถอนหายใจเล็กน้อย