ตอนที่แล้วตอนที่ 384
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 386

ตอนที่ 385


ตอนที่ 385



“เราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสิ่งที่คุณชายได้รับมาจากบนเกาะลอยน้ำขอรับ นายน้อยสามารถเอามันไปได้เลย

ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นศัตรูของคุณชายแม้แต่น้อย”

ขณะที่ชายชราชุดแดงพูด ออร่าระดับ 7 ก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

พลังอันยิ่งใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ

แม้ว่าเขาจะพูดจานุ่มนวลกับ เต๋าซุน แต่เขาก็เตือนเต๋าซุนด้วยเช่นกัน

เขาพยายามจะสื่อว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้เช่นกัน!

“แต่เราเป็นศัตรูกันแล้ว” เต๋าซุนกล่าวเบา ๆ

เขาไม่สนใจเกี่ยวกับพลังของชายชราในชุดคลุมสีแดงเลย และทลายโลกาในมือของเขาก็พาดผ่านดาดฟ้าใต้ฝ่าเท้าของเขา

เสียง "ครืน" ดังไปทั่ว

บนดาดฟ้าขณะที่ยืนอยู่ รอยสีขาวที่เห็นได้ชัดเจนก็ปรากฏ

-

บนเรือมันเงียบมาก

ผู้คนยืนกันเงียบๆ เฝ้าดูความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

“คุณชาย เจ้าจะประกาศสงครามกับตระกูลหนิงของข้ารึ?” ชายชราในชุดคลุมสีแดงหรี่ตาลงเล็กน้อย

แรงกดดันรอบตัวเขาเพิ่มมากขึ้นและคงอยู่รอบๆ

เต๋าซุน เพิกเฉยต่อชายชราและหันหน้าไปมองผู้คนที่อยู่ด้านข้าง

เขาถามออกไปรอยๆ “มีใครในหมู่พวกเจ้าบ้างที่คุมเรือเป็น?”

ฝูงชนเงียบไปสักพัก และในที่สุดชายในชุดคลุมสีน้ำเงินก็ออกมา

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ: "ข้าทำได้"

“ดีเลย ข้าจะได้ฆ่าพวกเขาอย่างสบายใจ ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ

ทลายโลกาสั่นเล็กน้อยราวกับว่ามันกำลังตื่นเต้น

เต๋าซุนถือดาบสั้นและมองไปยังชายชราชุดแดงด้วยดวงตาที่สดใส

ออร่ารอบตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเส้นชีพจรของเขาก็เปิดออกทีละเส้น

1

2

3

7





ทันทีที่เส้นชีพจรลมปราณเส้นที่ 7 เปิด พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียดั่งแม่น้ำทอดยาวไหลเชี่ยวไม่มีที่สิ้นสุดก็หลั่งไหลออกมา

แรงกดดันที่จุดสูงสุดของระดับ 7 ก็ พลุ่งพล่านอย่างงดงาม

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก

เจ้าต้องรู้ว่าตัวเขานั้นเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ขั้นแรกเท่านั้น

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็พูดอะไรไม่ออก

เขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ เขาแค่หันหลังกลับแล้วพยายามหนีออกไปไกล

ความเร็วของเขาเร็วมาก และเงาของปีกกระพือปรากฏขึ้นบนหลังของเขา และเขาก็กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งหายไประยะไกล

“เจ้าหนีได้รึ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ

ทลายโลกาในมือขวาของเขาโบกอย่างรวดเร็ว

ความเร็วนั้นเร็วมากจนเกือบจะก่อตัวเป็นเส้นแสงและเงา

แรงกดดันไร้ขอบเขตเล็ดลอดออกมาจากทลายโลกา

แสงดาบระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า และท้องฟ้าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาบ

"บูม"

แสงดาบถล่มลงอย่างช้าๆจากบนลงล่าง

ในสายตาของทุกคน ความเร็วที่ลดลงของแสงดาบนั้นช้ามากอย่างเห็นได้ชัด

แต่ทว่าในเวลานี้พื้นรอบๆชายชราทั้งหมดก็กลายเป็นแข็งค้าง

ไม่ว่าชายชราในชุดแดงจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงดาบเล่มนี้ได้

เสียงกรีดร้องดังขึ้นในอากาศ แม้ว่าชายชราในชุดคลุมสีแดงจะหลบเลี่ยงก็ตาม

แต่จากไหล่ซ้ายลงมา หนึ่งในสามของร่างกายของเขาก็ถูกตัดออกโดยตรงแล้ว

แสงของดาบยังคงส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ตัดผ่านท้องฟ้าอันเงียบสงบ ทำลายชั้นของความว่างเปล่าจนแตกสลาย

มันกระแทกทะเลด้านล่างอย่างแรง

น้ำทะเลระเบิด "ตูม" เป็นคลื่นสูง 100 เมตรขึ้นมา

คลื่นอากาศแผ่ขยายออกไปหลายกิโลเมตร และเกิดช่วงสุญญากาศขึ้นทั่วบริเวณทะเล

อย่างไรก็ตาม ชายชราในชุดคลุมสีแดงยังไม่ตายในเวลานี้

นี่คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับ 7  ความสามารถในการรักษาร่างกายของตนเอง รวมถึงความเหนียวแน่นของร่างกาย มันแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

การเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดนั้นเปรียบได้ดั่งมีชีวิตสำรอง

ตราบใดที่วิญญาณในร่างกายไม่แตกสลาย

ไม่ว่าอาการบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนก็ฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ

เต๋าซุนโบกมือขวาของเขา และ โซ่นิรันดร์ในมือของเขาก็บินออกไป

มันมัดชายชราในชุดคลุมสีแดงโดยตรงแล้วเขาก็ดึงกลับมาที่ดาดฟ้าเรือ

-

"บูม!"

ขณะที่ร่างของชายชราชุดแดงตกลงอย่างแรงบนดาดฟ้า เขาก็ก้มหัวและหลับตาปี๋

และตะโกนด้วยความลำบากใจ: "ปล่อยข้าไปเถอะขอรับ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว

ท่านอยากได้สิ่งใดทำอะไรก็เชิญเลยขอรับ โปรดปล่อยข้าไปเถอะ  "

สำหรับนักรบส่วนใหญ่ ยิ่งพวกเขามีชีวิตอยู่นานเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งกลัวความตายมากขึ้นเท่านั้น

การที่เขามีสถานะเช่นนี้หรือมาถึงจุดนี้ได้ล้วนแต่ผ่านความลำบากอย่างสาหัสมาทั้งสิ้น

แม้กระทั่งความเพลิดเพลินที่หรูหราในปัจจุบันเอง กว่าเขาจะมีได้เช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่อยากตาย

ในความเป็นจริง มีเพียงคนจำนวนไม่มากเท่านั้นที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่โหยหาจุดสูงสุดของเส้นทางการต่อสู้ และเป็นผู้ไม่กลัวความตาย

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีค่าพอจะแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้านะ ” เต๋าซุน กล่าวเบา ๆ

“ข้าเป็นผู้อาวุโสสองของตระกูลหนิง ตราบใดที่ท่านปล่อยข้าไป ข้าก็ยังมีสิทธิ์พูดบ้างในตระกูลหนิง”

ชายชราในชุดคลุมสีแดงตะโกนอย่างรวดเร็ว

“ในตระกูลหนิงของเจ้ามีตัวตนอมตะหรือไม่ ” เต๋าซุน ถาม

เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็เงียบลง

ผู้มีอำนาจที่เข้าสู่ความเป็นอมตะนั้นหาใช่กะหล่ำปลีที่หาได้ตามข้างทางไม่  ฉะนั้นแล้วตระกูลหนิงจะมีได้อย่างไร ?

ในความเป็นจริง ตัวตนอมตะที่ทรงพลังส่วนใหญ่ในทวีป A นั้นล้วนแต่มาจากกองกำลังขนาดใหญ่เช่นนิกายจักรพรรดิทั้งสิ้น

ในบรรดาผู้ฝึกตนทั่วไปที่เป็นเพียงกองกำลังเล็กๆนั้นการจะมีตัวตนอมตะได้ ความยากของมันย่อมไม่ต่างอะไรจากการไต่บันไดสวรรค์เลย



“เรามาเล่นเกมแห่งชีวิตและความตายกันดีหรือไม่?”

จู่ๆ เต๋าซุน ก็ยิ้มและพูด

“เกมอะไรหรือขอรับ” ชายชราในชุดคลุมสีแดงถามอย่างสงสัย

เต๋าซุนยิ้มและโบกมือขวาของเขา

โซ่นิรันดร์ในมือของเขาเริ่มบินออกไป

จากนั้นโซ่นิรันดร์ที่มัดชายชราชุดแดงอยู่ก็ลากร่างเหี่ยวๆของเขาลงไปใต้น้ำข้างเรือ

ปลายด้านหนึ่งของโซ่ผูกอยู่กับชายชรา และปลายอีกด้านหนึ่งผูกไว้กับท้ายเรือ

ในขณะที่เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ชายชราในชุดคลุมสีแดงก็จะถูกลากกับทะเล

“มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากมายในทะเลนภาไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้”

เต๋าซุนกล่าว

“เรามาเดิมพันกันว่าขณะข้าลากเจ้าไปตามเรือ เจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดได้จนข้าไปถึงทวีปเหนือหรือไม่ ถ้าเจ้ายังรอด ข้าก็จะลืมเรื่องเหล่านี้ไปซะ

แต่หากเจ้าถูกกัดกินโดยสัตว์อสูร เช่นนั้นก็ถือว่าเจ้าโชคร้ายก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน น้ำทะเลก็ไหลเข้าไปในปากและจมูกของชายชราชุดแดง

เขาตะโกน: "เจ้าคนเลวทราม!"

“ข้าขอให้เจ้าโชคดี” เต๋าซุน ส่ายหัวและยิ้ม

-

เมื่อ เต๋าซุน หันกลับมาและเดินไปที่ดาดฟ้า ผู้โดยสารทุกคนบนเรือก็ขอบคุณเขาทีละคน

พวกเขาต่างก็ทักทายและทำความเคารพเต๋าซุน บางคนก็คิดจะทำความรู้จัก

แต่เต๋าซุนเพียงเหล่ตามองคนเหล่านี้อย่างไม่แยแสเท่านั้น

จากนั้นเขาก็พูดว่า: "ถ้าข้าฆ่าเขาได้ แล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าสามารถฆ่าพวกเจ้าได้หรือไม่เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไหม?

มอบทุกสิ่งที่พวกเจ้าได้จากเกาะลอยน้ำมา หากใครลังเล ก็อย่าได้ตำหนิข้าว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเขารอดชีวิต ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน รอยยิ้มของทุกคนก็แข็งทื่อขึ้นทันที

ในเวลาเดียวกันก็มีประโยคหนึ่งที่เข้ามาในความคิดของคนหลายๆคน

หนีเสือปะจระเข้!

พวกเขาทุกคนได้เห็นความโหดเหี้ยมของเต๋าซุนก่อนหน้านี้แล้ว

ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงไม่กล้าลังเลและหยิบของที่ได้รับจากเกาะลอยน้ำออกมาทันที

เต๋าซุนมองดูอย่างรวดเร็ว

แล้วเขาก็พบว่าคนเหล่านี้ต่างก็ได้รับของที่ไร้ประโยชน์มาทั้งสิ้น

ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาวุธและของพุพังแปลกประหลาดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ของเหล่านี้พลังปีศาจแฝงอยู่ทุกชิ้น ซึ่งเต๋าซุนสามารถดูดซับมันได้

ยังไงแล้วเขาต้องการเพิ่มความเข้าใจระหว่างเขากับร่างเทพปีศาจผนึกสวรรค์มากขึ้น

หลังจากจัดการสิ่งของของทุกคนแล้ว เต๋าซุนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และเขาก็เดินทีละก้าวไปยังตำแหน่งของชายชราแขนเดียว

ชายชรากำลังมองทะเลอย่างสงบ และเมื่อเขาเห็นการมาถึงของเต๋าซุน รอยยิ้มเล็กน้อยก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

“ช่างน่าประหลาดใจนักที่คนรุ่นใหม่มีคนที่มีความสามารถเพียงนี้อยู่ด้วย !” เขาถอนหายใจเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด