ตอนที่แล้วตอนที่ 16 อักขระวิญญาณ อาวุธเหนือธรรมชาติ (รีไรท์)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 สถานะของโล่ศักดิ์สิทธิ์ (รีไรท์)

ตอนที่ 17 มิติลับอันน่าตกตะลึง ฐานที่มั่นขององค์กรใหญ่ (รีไรท์)


อีกด้านหนึ่ง

ยามค่ำคืน

หลี่ราน่าที่นอนไม่หลับสวมชุดนอนผ้าโปร่งบาง เดินเท้าเปล่าไปที่หน้าต่าง และมองดูแสงไฟที่เหลืออยู่ข้างนอก

ในโลกแห่งจินตนาการนั้น เธอดูเหมือนจะกลายเป็นสมาชิกของโล่ศักดิ์สิทธิ์ในอดีตจริงๆ

ต่อสู้ท่ามกลางความสิ้นหวัง ตายอย่างทุกข์ทรมาน เพียงเพื่อความหวังอันริบหรี่

สูญเสียเลือด แขนขาขาดวิ่น และความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทุกอย่างเหมือนจริงมาก

เธอไม่เคยเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อนในชีวิต

ความกลัว ความหวาดหวั่น ความปรารถนา ความสับสน...

ความคิดที่วุ่นวายนั้นเหมือนหนอนที่กัดกินสมองของหลี่ราน่า ทำให้เธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

"เฮ้อ..."

เธอถอนหายใจเบาๆ ลูบไล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เย็นเฉียบด้วยนิ้วมือ เธอเดินไปมาในห้องอย่างไร้จุดหมาย และโดยไม่รู้ตัวก็เดินมาถึงหน้าห้องนอนของคุณแม่

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ค่อยๆ ผลักประตูและเข้าไป

คุณแม่ของเธอนอนหลับสนิท ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะอาการของคุณพ่อดีขึ้น ทำให้เธอหลับอย่างสงบสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลี่ราน่ารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นใบหน้าที่อิดโรย จากการพักผ่อนไม่เพียงพอมาเป็นเวลาสองเดือน

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงประโยคหนึ่งที่เธอเคยได้ยินมา

ไม่ว่ายากดีมีจน ทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดา แต่จะมีบางคนเท่านั้นที่เลือกที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาสำคัญ

หลี่ราน่ารู้สึกตัวราวกับถูกสาดน้ำเย็นใส่

เธอนึกถึงพ่อของเธอที่มักจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เธอนึกถึงแม่ของเธอที่ยืนหยัดอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาลวันแล้ววันเล่า เธอนึกถึงน้ำตา ความสุข และความรักของครอบครัว หลังจากที่ครอบครัวที่เกือบจะแตกสลายได้กลับมารวมกันอย่างปาฏิหาริย์

มือของเธอค่อยๆ กำแน่น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ออกมา

"ถ้าโรคทางพันธุกรรมของพ่อหายขาดได้ ฉันก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวได้งั้นเหรอ?"

"โลกกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว เธอยังจะลังเลอะไรอีก หลี่ราน่า!"

'เธอยังยอมที่จะฝังตัวเองอยู่ในงานบริษัททุกวันและตายไปในฐานะคนธรรมดาๆ หรือ?'

'หรือเธอยินดีที่จะทุ่มเทเพื่อปกป้องครอบครัวและช่วยโลก แม้ว่าจะต้องตาย ก็ขอให้ตายอย่างสมเกียรติ!'

บางทีอาจเป็นเพราะความคิดแบบเด็กๆ หรืออาจเป็นสัญชาตญาณที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ หลี่ราน่ารู้สึกได้ถึงเลือดที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง

เธอเรียนๆๆ มาตั้งแต่เด็ก โตขึ้นก็มาบริหารบริษัท เธอทำทุกอย่างได้ดี

แต่เธอก็ไม่ได้ชอบมัน

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยมีอะไรที่รักจริงๆ

บางสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นทุกวันเมื่อนึกถึงมัน บางสิ่งที่ทำให้เธอทำงานดึกดื่นโดยไม่รู้สึกเหนื่อย บางสิ่งที่ทำให้เธอทุ่มเททุกอย่างเพื่อมัน

แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่า เธอเจอมันแล้ว

...

เช้าวันใหม่มาเยือน

หลี่ราน่าที่ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนก็ออกเดินทาง

รถยนต์แล่นผ่านท้องถนนท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า ในเวลานี้ เมืองเจียงเฉิงยังคงเงียบสงบ และพ่อค้าแม่ค้าก็เพิ่งจะเปิดร้าน

ดวงตาของหลี่ราน่าเต็มไปด้วยความแน่วแน่

ไม่นานนัก บ้านหลังเก่าก็ปรากฏสู่สายตา

หลังจากลงจากรถ หลี่ราน่าก็เดินไปตามทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยหญ้า มุ่งหน้าไปยังประตูบ้านเก่า

เธอเปิดประตูออก

ความเย็นยะเยียบที่เกิดจากการถูกทิ้งร้างเป็นเวลานานพัดออกมา

ข้างในไม่มีอะไรเลย

เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อยและก้าวเข้าไป

"ตัดสินใจได้แล้วสินะ" ทันใดนั้นถังโหย่วก็ปรากฏตัวข้างๆ เธอ

อันที่จริง เขาคอยเฝ้าสังเกตหลี่ราน่ามาตลอด ต้องยอมรับว่า ความเด็ดเดี่ยวของเธอทำให้เขาประหลาดใจมาก

หลี่ราน่าสะดุ้ง หันไปมอง

เป็นชายคนนั้น คนที่เรียกตัวเองว่า ประธานองค์กรโล่ศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น เธอจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง "ฉันเลือกที่จะเข้าร่วมโล่ศักดิ์สิทธิ์"

"งั้นก็ผลักประตูบานนั้นออกไปสิ" ถังโหย่วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

หลี่ราน่ามองไปที่ประตู แล้วมองเขากลับ

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ที่นี่เลย

ในความทรงจำ เมื่อผลักประตูบานนั้นออก ควรจะเป็นลานเล็กๆ ใต้ภูเขา

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้

ดังนั้น เธอจึงเดินเข้าไป ยื่นมือออกไปผลัก

ถังโหย่วเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน "เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าเธอตัดสินใจแล้ว? เมื่อเปิดประตูบานนี้ไป จะไม่มีทางหวนกลับได้แล้วนะ"

มุมปากของหลี่ราน่ายกขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็แสดงความกล้าหาญและความมั่นใจของหญิงแกร่งผู้บริหารสินทรัพย์เจ็ดพันล้านออกมา

"ฉันเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง"

หลังจากพูดจบ เธอก็ผลักประตูไม้บานหนักออก เสียง "เอี๊ยด" ดังขึ้น

ประตูไม้เปิดออก และแสงอันอบอุ่นก็สาดส่องเข้ามา

หลี่ราน่าหลับตาลงเพราะแสงจ้า แต่เธอได้กลิ่นหอมของหญ้าและใบไม้

'หืม? ’

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น และซุ้มประตูหินสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เถาวัลย์สีเขียวหนาทึบพันกันอยู่ ปิดทางเข้าครึ่งหนึ่ง

บนเสาของซุ้มประตู เต็มไปด้วยมอสสีเขียว

มองไปไกลๆ ต้นไม้โบราณบนภูเขานั้นเขียวชอุ่ม

ต้นไม้ยักษ์ที่อยู่บนยอดเขานั้นยิ่งใหญ่โตอย่างน่าทึ่ง กิ่งก้านสาขาของมันแผ่ขยายออกไป บดบังแสงอาทิตย์บนยอดเขาเกือบหนึ่งในสาม ราวกับว่ามีบุคคลยักษ์กำลังยืนเฝ้าอยู่บนยอดเขา

เมื่อมองอย่างละเอียด ก็จะเห็นหลังคากระเบื้องสีน้ำเงินเป็นบางส่วน ปรากฏขึ้นในพืชพรรณที่เขียวชอุ่ม เพิ่มความมีชีวิตชีวาเล็กน้อย

"นี่มัน..."

หลี่ราน่าอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

เธอถอยหลังไปสองสามก้าว และมองข้ามหลังคาบ้านเก่าไปยังภูเขาด้านหลัง

มันยังคงเป็นแบบที่เธอจำได้

แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ มองผ่านซุ้มประตูออกไป กลับเป็นสถานที่ลึกลับที่ไม่คุ้นเคย

ประตูบานเดียว สองโลก

แม้ว่าเธอจะมีความคิดเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติในโลกแห่งความเป็นจริงอยู่บ้าง แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็เกินกว่าที่หลี่ราน่าจะจินตนาการได้

"ที่นี่คือฐานที่มั่นของโล่ศักดิ์สิทธิ์ มิติลับที่ถูกผนึกไว้เป็นร้อยๆ ปี นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องทวงคืนที่นี่"

พูดจบ ถังโหย่วก็เดินนำหน้าข้ามธรณีประตูเข้าไป

"ไปกันเถอะ"

หลังจากคุยกับหลี่ราน่าเมื่อคืนนี้ ถังโหย่วก็มาที่นี่เพื่อวางดินแดนลับของฐานที่มั่น

พูดตามตรง แม้ว่าเขาจะเห็นตัวอย่างแล้ว แต่เขาก็ยังคงตกตะลึงเมื่อได้เข้ามาด้วยตัวเอง

ความรู้สึกโบราณและเวิ้งว้างนั้นไม่สามารถสัมผัสได้หากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง

'ฐานที่มั่น ผนึก...'

หลี่ราน่าอ่านข้อมูลบางอย่างจากประโยคนี้

เธอเดินตามเข้าไปและมองย้อนกลับไป

ไม่มีกำแพงทั้งสองข้าง มีเพียงประตูไม้บานเดียวที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ

ไกลออกไป รอบๆ ภูเขา เป็นพื้นราบที่รกครึ้มไปด้วยวัชพืช และมีดอกไม้ป่าที่สวยงามอยู่เป็นบางส่วน

ถังโหย่วหันศีรษะกลับมา เมื่อเห็นหลี่ราน่ายืนอยู่ที่เดิม มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงตะโกนว่า "ตามฉันมา"

ทั้งสองคนเดินผ่านซุ้มประตูหินสีขาว

เถาวัลย์ด้านบนหนากว่าเอวคน ไม่รู้ว่ามันเติบโตมานานแค่ไหนแล้ว

ใต้เท้าเป็นทางเดินเล็กๆ ที่ปูด้วยหินสีน้ำเงิน รอยแตกของหินเต็มไปด้วยวัชพืช ไม่ไกลออกไป ทางเดินนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยแผ่นหินขนาดใหญ่

บนแผ่นหินสลักรูปทรงของโล่ ที่มีลวดลายวงแหวนอยู่ด้านใน

"นี่น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของโล่ศักดิ์สิทธิ์สินะ!"

หลี่ราน่าเดินตามชายคนนั้นไปยังห้องโถงหลักใต้ต้นไม้ยักษ์

ตลอดทาง มีแต่ร่องรอยของกาลเวลา

'สถานที่แห่งนี้มีมานานแค่ไหนแล้วนะ?'

หลี่ราน่าเงยหน้ามองร่มเงาที่เหมือนก้อนเมฆเหนือศีรษะของเธอ เธอรู้สึกตกใจและเกรงขามมากขึ้นเรื่อยๆ

'หลายร้อยปีไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการเติบโตของต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพันๆ ปี'

หลังจากเข้าไปในห้องโถง เธอก็เห็นพรมแดงทอดยาวไปจนสุดทาง แต่ไม่มีหน้าต่างทั้งสองข้าง แต่มันกลับสว่างไสวอย่างผิดปกติ

เงยหน้าขึ้นมอง หลังคาดูเหมือนจะหายไป แสงสว่างส่องลงมาโดยตรง และมีเพียงสัญลักษณ์โล่ศักดิ์สิทธิ์สีแดงเท่านั้นที่ลอยอยู่บนเพดาน

พลังเหนือธรรมชาติแผ่ซ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

หลี่ราน่าไม่ได้เป็นประธานบริษัทผู้ทรงอำนาจอีกต่อไป แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางแสวงบุญ

...

//

ขอโทษที่หายไปนานนะครับพอดีไม่สบาย (แต่ตอนนี้ผมตั้งเวลาลงแทนแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ ดันผิดคำพูดตัวเองซะได้ว่าจะลงให้อ่านฟรีวันละตอน T0T)

จากนี้ลงเวลา 11.00 นะงับ

ตอนที่นี้กลุ่มใกล้200ตอนแล้วงับ สนใจทักเข้ามาได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด