265 (ฟรี)
265 (ฟรี)
ชาร์จเต็มแค่ครึ่งชั่วโมง! ชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ 1,000 กิโลเมตร!
ถึงจะเปิดแอร์ตลอดทาง!
ถึงจะวิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!
ก็ไม่มีปัญหา!
ใช่แล้ว!
ต้องเป็นแบตเตอรี่แบบเดียวกับที่พวกเขารู้จักแน่ๆ!
ในชาติที่แล้ว หลินเป่ยฝานใช้แบตเตอรี่นี้กับรถยนต์พลังงานใหม่ ทำให้ผูกขาดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเทศ สร้างอุตสาหกรรมใหม่มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านหยวน!
แต่แบตเตอรี่นี้มันควรจะเป็นของบริษัทหนานเฟิงสิ ทำไมถึงกลายเป็นของบริษัทต้าเฟิงไปได้?
ไม่น่าจะเป็นของบริษัทต้าเฟิงนะ!
บริษัทต้าเฟิงมันเป็นแค่บริษัทเล็กๆ จะคิดค้นแบตเตอรี่นี้ได้ยังไง?
ที่สำคัญคือทำไมต้องเป็นแกอีกแล้ว?
สองตัวเอกของเรารู้สึกมึนงงและหัวใจสลาย
หลินเป่ยฝานพูดอย่างตื่นเต้น “พี่น้อง ด้วยแบตเตอรี่ก้อนนี้ รถยนต์ของเราต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ! ชาร์จแค่ครึ่งชั่วโมงวิ่งได้ 1,000 กิโลเมตร! ถ้าเจอแท่นชาร์จ 10 นาทีก็เต็มแล้ว เร็วเท่ากับการเติมน้ำมันเลย! ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีลูกค้าคนไหนปฏิเสธรถของเราได้ พวกคุณว่าไง?”
สองตัวเอกพยักหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ไม่มีใครปฏิเสธได้หรอก!
ในชาติที่แล้ว ตอนที่แกเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ มันก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า!
แค่ยอดสั่งซื้อในประเทศก็เกิน 3 ล้านคันแล้ว!
ถ้าแกไม่ไปซื้อกิจการบริษัทรถยนต์อื่นๆ แกคงผลิตไม่ทันแน่ๆ!
ตอนนี้ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย!
เย่ซิงเฉินถามอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ท่านประธาน แบตเตอรี่นี้คิดค้นสำเร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
หลินเป่ยฝานยิ้ม “อาทิตย์ที่แล้วเอง”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอหัวใจสลาย “ทำไมถึงเพิ่งมาบอกพวกเรา?”
ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้น พวกเขาจะต้องหาทางทำลายมันให้ได้แม้แต่การทำลายห้องวิจัยทั้งห้องก็ยอม!
แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว!
“ก็อยากจะเซอร์ไพรส์พวกคุณไง!” หลินเป่ยฝานยิ้ม “ตอนนั้นพวกคุณกำลังยุ่งกับการซื้อกิจการบริษัทรถยนต์ ผมไม่อยากรบกวนพวกคุณ! ตอนนี้สิทธิบัตรก็ได้แล้วเทคโนโลยีก็พร้อมแล้ว ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วผมเลยเอาข่าวดีมาบอกพวกคุณ! เย่ซิงเฉินตกใจไหม?”
เย่ซิงเฉินพยักหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ตกใจสุดๆไปเลยล่ะ”
หลินเป่ยฝานหันไปมองอู๋เกอ “อู๋เกอเซอร์ไพรส์ไหม?”
อู๋เกอก็ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก “เซอร์ไพรส์มากครับ!”
“ผมรู้อยู่แล้ว!” หลินเป่ยฝานหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆๆ......”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอ “อ๊ากกก! ! !”
“จริงๆแล้วผมต้องขอบคุณพวกคุณมากนะ”
ทั้งสองถามพร้อมกัน “ขอบคุณพวกเราเรื่องอะไรเหรอครับ?”
หลินเป่ยฝานยิ้ม “ตอนที่ผมซื้อกิจการบริษัทต้าเฟิง ผมเคยคิดจะล้มเลิกนะ! คิดว่าบริษัทเล็กๆแบบนี้จะทำอะไรได้ แต่พวกคุณกลับให้กำลังใจผม บอกว่าบริษัทนี้มีศักยภาพ! พวกคุณมอบความกล้าและความมั่นใจกับผม! ตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าการตัดสินใจในวันนั้นมันถูกต้อง!”
หลินเป่ยฝานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ......”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอ “อ๊ากกก! ! !”
แม่งเอ๊ย!
ที่แท้ต้นเหตุก็คือพวกเราเหรอเนี่ย?
ในวินาทีนั้น พวกเขาอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาด!
ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ มีแต่จะทำเรื่องให้มันแย่ลง!
หลินเป่ยฝานพูดต่อ “ตอนนั้นบริษัทหนานเฟิงเข้ามาแย่งชิงตลาดผมก็ลังเลอีกครั้ง! แต่พวกคุณก็ให้กำลังใจผมอีก บอกว่าบริษัทหนานเฟิงมันเป็นแค่เสือกระดาษไม่น่ากลัวหรอก! ทำให้ผมกล้าที่จะขยายกำลังการผลิต แถมยังช่วยผมวิ่งเต้นซื้อกิจการบริษัทรถยนต์อีก!”
“ตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจของเราในวันนั้นมันถูกต้อง!”
หลินเป่ยฝานอดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ......”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอ “อ๊ากกก! ! !”
โอกาสดีๆแบบนั้น!
โอกาสที่จะทำให้หลินเป่ยฝานล้มเลิกบริษัทต้าเฟิงกลับโดนพวกเขาทำลายซะเอง!
ในวินาทีนั้น พวกเขาอยากจะตบหน้าตัวเองอีกสักฉาด!
ทำอะไรก็ไม่สำเร็จมีแต่จะทำเรื่องให้มันแย่ลง!
แถมยังแย่ลงกว่าเดิมอีก!
หลินเป่ยฝานยิ้มแก้มปริ “หลังจากซื้อกิจการบริษัทรถยนต์ไปแล้วสองแห่ง กำลังการผลิตต่อปีของเราก็เพิ่มเป็นแปดแสนคัน ปัญหาเรื่องกำลังการผลิตก็หมดไป! รอให้โรงงานใหม่สร้างเสร็จกำลังการผลิตต่อปีจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคัน ปัญหาต่างๆก็จะคลี่คลาย! ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถ้าเราพลาดไปสักก้าวเราก็คงไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้!”
“พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่มีพวกคุณช่วย ตอนนี้ผมคงพลาดโอกาสทองไปแล้ว! อาจารย์หลิวพูดถูก พวกคุณคือเทพเจ้าแห่งโชคลาภของผมจริงๆ! เป็นคนที่นำโชคมาให้ผมจริงๆ!”
หลินเป่ยฝานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ......”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอ “อ๊ากกก! ! !”
ในวินาทีนั้นพวกเขารู้สึกหัวใจสลาย!
โลกนี้ช่างโหดร้าย!
อยากจะตายไปซะ!
โลกใบนี้ไม่น่าอยู่อีกต่อไปแล้ว!
“เอาล่ะพี่น้อง นี่แหละคือข่าวดีที่ผมอยากจะบอก!” หลินเป่ยฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว พวกคุณคงจะมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นใช่ไหม?”
เย่ซิงเฉินและอู๋เกอพยักหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พวกเขามีกำลังใจมากขึ้นจริงๆ!
กำลังใจที่จะฆ่าตัวตาย!
หลินเป่ยฝานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ......”
เสียงหัวเราะของหลินเป่ยฝาน ราวกับเสียงยมทูตที่กำลังพรากชีวิตของพวกเขาไปอย่างช้าๆ
“อ๊า ...” เย่ซิงเฉินเอามือกุมหน้าอก “ท่านประธาน ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอลาป่วยสักสองสามวันได้ไหมครับ?”
หลินเป่ยฝานงง “ลาป่วย? เมื่อกี้ยังบอกว่าแข็งแรงดีอยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงไม่สบายล่ะ?”
เย่ซิงเฉินทำหน้าทรมาน “ท่านประธานผมคงจะอาหารเป็นพิษน่ะครับ”
หลินเป่ยฝานพูดอย่างเป็นห่วง “คุณดูไม่ค่อยดีจริงๆ งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ! ไปพักให้หายดีก่อนค่อยกลับมาทำงานนะ”
“อ๊า ...” อู๋เกอก็เอามือกุมหน้าอก “ท่านประธานผมก็ขอลาป่วยด้วยครับ”
“หา?” หลินเป่ยฝานงง “อู๋เกอ เมื่อกี้คุณยังบอกว่าการทำงานทำให้คุณมีความสุข การต่อสู้ทำให้คุณตื่นเต้น ชอบทำงานสุดๆไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้......”
อู๋เกอทำหน้าทรมาน “ผมคงจะอาหารเป็นพิษเหมือนกันครับ รู้สึกไม่สบายตัวเลย”
หลินเป่ยฝานพูดอย่างเป็นห่วง “งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ! พวกคุณนี่ก็แปลก อยู่ดีๆก็อาหารเป็นพิษ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังดูแลตัวเองไม่เป็นอีกเฮ้อ!”
สองตัวเอกโบกมือลา พวกเขาอยากจะหนีไปจากที่นี่เร็วๆแล้วไปหาที่รักษาแผลใจ
หลินเป่ยฝานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อ้อ อีกอย่างอาทิตย์หน้าเราจะจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ประกาศเรื่องนี้ให้โลกรู้! พวกคุณจะมาร่วมงานด้วยไหม อยากจะเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้หรือเปล่า?”
สองตัวเอกได้แต่เบ้ปาก
เหตุการณ์สำคัญอะไรกัน?
มันก็แค่งานอวดรวยของแกเท่านั้นเอง!
พวกเราจะไปทำไมยังไม่เจ็บพออีกเหรอ?
เย่ซิงเฉินส่ายหน้า “ผมไม่ไปหรอกครับท่านประธานจัดการเองเลยครับ”
อู๋เกอก็ส่ายหน้า “ผมก็ไม่ไปเหมือนกันครับท่านประธาน”
“ก็ได้ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ! รอให้หายดีแล้วเราค่อยมาลุยงานกันต่อ!” หลินเป่ยฝานพูดอย่างมุ่งมั่น