บทที่ 54 สู้ด้วยอิฐ
ชายชราโดนเล่นงานโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 4 คนเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนมาก
เมื่อชายชรากระโจนเข้าหาชูเหลียง ชูเหลียงก็นั่งยองๆ อย่างรวดเร็วและก้าวด้านข้างอย่างสง่างามและปรากฏตัวข้างหลังชายชราเหมือนเล่นมายากล
ในมือชูเหลียงถืออิฐครึ่งก้อนสีเหลืองทอง เขาใช้อิฐนั้นฟาดหัวหมอผีชราอย่างแรง
ชูเลี่ยงจ้องมองชายชราที่ล้มลงด้วยสีหน้าสงบและเศร้า
"ท่านช่างดูน่าเกรงขามเหลือเกิน... แต่นั่นคือพลังทั้งหมดของท่านแล้วหรือ” ชูเหลียงเอ่ยถาม
แต่พูดตามตรง ชายชราคนนี้มิได้ทำอะไรผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของชูเหลียงไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการฝึกศิลปะการต่อสู้ใดๆ เลย ใครจะไปคิดว่าเขาสามารถเคลี่อนที่ได้รวดเร็วและโจมตีได้รุนแรงเพียงนี้
นั่นเพราะนอกจากยาพลังเสือแล้ว ชูเหลียงยังได้ขอคําแนะนําด้านศิลปะการต่อสู้จากยุนเชาเสี้ยนมาก่อนหน้านี้
ในการพูดคุยกันครั้งนั้น ยุนเชาเสี้ยนได้ถามอาวุธที่ชูเหลียงต้องการจะใช้ แม้ว่าชูเหลียงจะเก่งด้านกระบี่มากที่สุด แต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่ติดตัวและโบกง่ายที่สุดคืออิฐสีทองของเขานั่นเอง
น่าเสียดายที่ในโลกศิลปะการต่อสู้ไม่มีศิลปะการต่อสู้ที่เกิดมาเพื่ออิฐโดยเฉพาะ
แต่โชคดีที่ยุนเชาเสี้ยนมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้หลากหลาย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้สอนศิลปะการต่อสู้ชุดหนึ่งที่เรียกว่า "เคลื่อนไหวโกลาหล" ให้กับชูเหลียง
จังหวะเท้าในทักษะนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่เร็วและวิ่งไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ เมื่อความแข็งแรงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญความเร็วในการเคลื่อนไหวของร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อจับคู่กับอิฐสีทองที่ไม่อาจทำลายได้ การผสมผสานนี้จึงเกิดเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าหมอผีจะมีพลังเพียงใด การโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วจากอิฐก้อนเดียวก็เพียงพอที่จะโค่นเขาลงได้
ความจริงก็คือชูเหลียงพร้อมที่จะทุบเครื่องรางหยกและเรียกอาจารย์ของเขาออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว หมอผีมืดมีชื่อเสียงในด้านความเจ้าเล่ห์และไร้ความปรานี พวกเขาใช้วิธีการที่คาดเดาไม่ได้ ชูเหลียงตระหนักว่าเขาอาจตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงกว่า
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าหมอผีชราจะใช้ดินแดนต้องห้าม ชูเหลียงกังวลมากว่าการติดตามหยกอาจไม่สามารถทำได้ในดินแดนต้องห้ามนี้
แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้..
ถ้าเขตหวงห้ามนี้ห้ามใช้คาถาทั้งหมด เช่นนั้นเขาจะต้องกลัวสิ่งใด ร่างกายและกล้ามเนื้อที่อ่อนแอของหมอผีชราผู้นั้นน่ะหรือ
อันที่จริงนักต่อสู้ทั่วไปอาจไม่มีโอกาสสู้กับหมอผีที่แข็งแกร่งระดับนี้ได้ อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มาของพลังของชูเหลียงเองก็ไม่ธรรมดา
ยาบํารุงพลังเสือนั้นเพิ่มพลังภายในของชูเหลียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าหากร่างกายของเขากลายเป็นคนที่มีกล้ามเนื้ออย่างยุนเชาเสี้ยน หมอผีเหล่านี้อาจคิดไตร่ตรองดูอีกทีที่จะลงมือเช่นนี้ แต่น่าเสียดายสำหรับพวกเขาที่มันไม่เป็นเช่นนั้น ร่างกายของชูเหลียงมิได้ใหญ่โตขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าชูเหลียงนั้นเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือแล้ว..
หลังชายชราเสียชีวิตพื้นที่ต้องห้ามยังคงอยู่แสดงให้เห็นว่าพลังของหมอผีไม่จำเป็นต้องหยุดลงด้วยการตายของผู้ร่าย
ชูเหลียงเงยหน้าขึ้นมาดูก็พบชายชุดดำอีก 4 คน
ในตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะจู่โจมตามหมอผีชรา แต่ภาพตรงหน้าเขากับเป็นหมอผีชราที่โดนทุบอย่างแรงไปเสียแล้ว
บรรยากาศตอนนี้น่าอึดอัดมาก หากพวกเขาเลือกที่จะไม่โจมตี นั่นหมายความว่าความตึงเครียดได้มาถึงจุดวิกฤติแล้ว แต่ถ้าพวกเขาโจมตีจริงๆ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียชีวิต แล้วพวกเขาควรจะทําอย่างไร
ชายชุดดําคนหนึ่งมองคนที่เหลือและตะโกน “โจมตีพร้อมกัน”
หลังจากตะโกนเรียกมีเพียงชายชุดดำที่ถือมีดยาววิ่งออกมาข้างหน้าเพียงคนเดียว ส่วนชายชุดดำอีก 3 คน หันหลังและวิ่งหนีไป
รูม่านตาของชายชุดดำที่ถือมีดยาวหดเล็กลงทันที เขาตื่นตระหนกและรีบคิด นี่มันแย่แล้ว เขาควรทำอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามันสายเกินไปแล้ว ชูเหลียงได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขาพร้อมกับอิฐก้อนหนึ่ง และทุบอย่างแรง
ขณะที่อีกสามคนกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ชูเหลียงอาศัยแรงถีบอย่างรุนแรงและรีบพุ่งตัวออกไป
ชูเหลียงลดช่องว่างของเขาและเหล่าชายชุดดำได้อย่างรวดเร็ว เขาทุบด้วยอิฐของเขาทุกครั้ง เหล่าชายชุดดำไม่สามารถออกจากระเบียงได้แม้แต่คนเดียว
ในชั่วพริบตา ชูเหลียง เอาชนะทั้ง 5 คน คว้าชัยชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้การต่อสู้จะจบลงแล้ว แต่ชูเหลียงก็อดคิดไม่ได้ว่าหมอผีร้ายเหล่านี้ไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้ เขาคงไม่มีโอกาสเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้ง 5 คน ถ้าพวกหมอผีไม่เห็นว่าเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอ และใช้กลอุบายในการโจมตีทีเผลอ
อืม..
ชูเหลียงคิดในประเด็นนี้และเริ่มสงสัย การตายของพวกเขาด้วยอิฐเพียงก้อนเดียวเป็นข้อสรุปที่พอจะสมเหตุสมผลหรือไม่..
...
ชูเหลียงเลือกที่จะไม่สนใจขั้นตอนปกติในการค้นศพและรีบกลับลงบันไดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเดินออกจากดินแดนต้องห้าม ความรู้สึกอันหนักอึ้งและตัดขาดจากโลกก็หายไป
ชูเหลียงได้ยินเสียงตะโกนและเสียงอึกทึกมาจากลานด้านหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายุนเชาเสี้ยนกำลังต่อสู้อยู่อย่างรุนแรง
ชูเหลียงรีบเดินเข้าไปในลานด้านหน้าและเห็นปีศาจต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่กลางลาน ท่อนบนมีลักษณะคล้ายมนุษย์ สวมหน้ากากสำริด ส่วนท่อนล่างเป็นกิ่งก้าน ใบไม้และเถาวัลย์นับไม่ถ้วนแผ่กิ่งไม้ไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทั้งสนามเต็มไปด้วยกิ่งไม้และใบไม้ที่แข็งแรง
ในทางกลับกันยุนเชาเสี้ยนก็ได้ทําขั้นตอนสําคัญ - ฉีกเสื้อผ้าของเขา..
ความจริงก็คือเขาง้าวอันทรงพลังด้วยหน้าอกที่เปลือยเปล่าและรอยสักสีแดงเลือดบนหลังของเขาก็ปรากฏออกมารางๆ เขาโบกง้าวด้วยพลังมหาศาล ตัดกิ่งไม้หนาราวกับตัดผักผลไม้ และพุ่งเข้าใกล้ร่างของทูตปีศาจ
ยุนเชาเสี้ยนดูเหมือนจะเข้าใจซึ่งทักษะสุดยอดของนิกายดารายิ่งใหญ่ - เสริมแกร่งร่างกายลึกล้ำ เมื่อใดก็ตามที่พลังของเขาถึงจุดสูงสุด สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะปรากฏบนหลังเขา ทำให้เขาสามารถใช้พลังที่สูงขึ้นในอีกระดับได้ทันทีและแข็งแกร่งขึ้นเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น
ง้าวอันทรงพลังได้กระตุ้นให้เกิดลมพายุพัดถล่มทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีห้าจาง ไม่ว่าเถาวัลย์และกิ่งไม้จะลุกลามไปไกลเพียงใด มันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้
เมื่อยุนเชาเสี้ยนเดินเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็รวบรวมพลังและระเบิดมันออกมาด้วยการพุ่งฟาดเข้าไปที่ใจกลางลำตัวของปีศาจตัวนั้น
เสียงระเบิดดังก้องจากเสียงกระแทก
ไม่มีความรู้สึกถึงการเชือดเนื้อ เพราะในจังหวะที่ง้าวกระแทกเข้าไปนั้น จู่ๆ ร่างกายส่วนบนของทูตปีศาจก็กลายเป็นเปลือกไม้ราวกับว่ามันได้กลายเป็นลำต้นของต้นไม้ต้นนี้
อย่างไรก็ตามลำต้นนี้ไม่เปราะบางเหมือนกิ่งก้านของมัน มันหนีบง้าวของยุนเชาเสี้ยนไว้อย่างเหนียวแน่น
ร่างกายส่วนบนของทูตปีศาจปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ร้ายกาจ เขายกมือขึ้นและกิ่งไม้นับไม่ถ้วนเริ่มรวมตัวและพันธนาการร่างกายของยุนเชาเสี้ยนและเห็นได้ชัดว่ามันกําลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตีใส่เขา
ในช่วงเวลาที่สําคัญนั้น ชูเหลียงกระโดดขึ้นและกู่ร้อง "รอยประทับหมื่นกระบี่!"
"หือ" ทูตปีศาจตกตะลึง
เขารู้ดีว่า ราชาเสือตายไปเพราะกระบวนท่านี้ และเขาได้เตือนหมอผีให้ระวังชูเหลียงให้ดี
ตอนนี้ชูเหลียงปรากฏตัวที่นี่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมอผีนั้นทำล้มเหลว
ทันทีที่ทูตปีศาจได้ยินเสียงเรียกรอยประทับหมื่นกระบี่เขาก็ตื่นตัวสูงทันที เขากลัวจะมีจุดจบเช่นเดียวกับราชาเสือ
เขาโบกมือของเขาเพื่อควบคุมกิ่งก้านทั้งหมดมาขวางไว้ระหว่างเขากับชูเหลียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อชูเหลียงยกมือขึ้น แสงกระบี่กว่าร้อยดวงก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเขาหากิ่งไม้และทำได้เพียงส่งเสียงกระแทกเพียงเล็กน้อยบนกำแพงกิ่งไม้เท่านั้น
พลังกระบี่เพียงร้อยเล่มของชูเหลียงไม่สามารถทะลวงการป้องกันอันหนาแน่นของกำแพงกิ่งไม้ได้เลย
ทว่า แม้ว่าความเสียหายจะน้อย แต่มันก็เบี่ยงเบนความสนใจของทูตปีศาจได้เป็นอย่างดี ยุนเชาเสี้ยนหลุดพ้นจากพันธนาการและสามารถเข้าถึงทูตปีศาจได้อย่างง่ายดาย
กว่าทูตปีศาจจะรู้ตัวว่าชูเหลียงใช้เพียงรอยประทับร้อยกระบี่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ยุนเชาเสี้ยนเหวี่ยงง้าวครองโลกอย่างแรงจนเกิดลมพายุพัดกระหน่ำ
โครมม!
การโจมตีนี้มีพลังมากและบดขยี้ทูตปีศาจไปในทันที
มีเสียงถอนหายใจเบาๆ ของชายหนุ่มหน้าตาดี ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม
"อา... น่าเสียดาย..."