บทที่ 49 อิซาเบลคือผู้ไม่อาจขาดได้
บทที่ 49 อิซาเบลคือผู้ไม่อาจขาดได้
"ไม่มีเรื่องนั้นหรอก! ไม่เคยมีเรื่องอย่างนั้น!"
ชายวัยกลางคนพยายามแก้ต่างในห้องขัง
"อัยการซ่ง พวกคุณห้ามกล่าวหาคนดีโดยใช่เหตุนะครับ ผมเคยซ่อนของอันตรายอะไรในโซนปลอดภัยบ้างเหรอ? หลักฐานล่ะ หลักฐานล่ะ?"
"ผม เจียเสี่ยวไค เคยทำผิดพลาดมาจริงๆ แต่ตอนนี้กำลังปรับปรุงตัวขยันขันแข็ง แก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต พวกคุณไม่น่าจะเอาเรื่องในอดีตมาลงโทษผมเพิ่มตอนนี้นะครับ ผมไม่ยอมรับ!"
เจียเสี่ยวไคใช้มือลูบผมที่เหลือไม่มากของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ซ่งชิอี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่สะทกสะท้าน
"หากรายงานตามความเป็นจริง จะได้รับโทษที่ผ่อนปรนลงบ้าง แต่ถ้าคุณปกปิดไม่รายงาน และส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงและผลกระทบเชิงลบต่อสังคม... คุณก็จะไม่ได้อยู่ในห้องขังอีกต่อไป แต่จะไปอยู่ในคุกของโลกมิติต่ำแทน"
ซ่งชิอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
เจียเสี่ยวไคส่ายแขนทั้งสองแรงๆ ยิ้มอย่างขมขื่น "ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี คุณจะให้ผมรายงานยังไงล่ะ?"
"พวกคุณก็ไปตรวจสอบดูเองก็ได้ ที่บ้านของผม ผมเคยซ่อนของอันตรายอะไรบ้าง?"
"อัยการซ่ง ทุกเรื่องต้องมีหลักฐาน ต้องค้นหาข้อเท็จจริง จริงมั้ยครับ?"
ซ่งชิอี้ไม่ได้โต้เถียงกับเขาต่อ เพียงเก็บโทรศัพท์บันทึกเสียงแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
"งั้นวันนี้การซักถามประจำวันก็ถึงตรงนี้แหล่ะ หากคุณมีอะไรที่อยากบอกเรา ก็กดกริ่งมาได้ทุกเวลา"
เธอหันหลังเดินเข้าไปในผนัง
เจียเสี่ยวไคเดินไปรินน้ำเย็นจากเครื่องทำน้ำเย็นข้างๆ แล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
ใบหน้าของเขาดูเป็นปกติ แต่ในใจกลับปั่นป่วนวุ่นวาย
ทำไมคนอื่นจึงรู้ได้?
ไม่ควรเป็นแบบนี้นี่
เรื่องนี้ชวนให้ฉงนสงสัยชอบกล
ไม่ใช่... ไม่ใช่
ซ่งชิอี้ไม่ใช่พวกที่จะโกหกหลอกล่อลวงไปเรื่อย เธอเป็นอัยการประเภทที่ชอบเอาหลักฐานมาฟาดหน้าเสียมากกว่า
หรือว่า... องค์กรจงใจปล่อยข้อมูล ต้องการยืมมือคณะกรรมการบีบให้เขาคายกุญแจในมือออกมา?
เจียเสี่ยวไคขมวดคิ้ว ใช้นิ้วมือกลมป้อมลูบปลายคิ้ว ใช้หลังมือบังสีหน้าตัวเอง
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็สมเหตุสมผล
ภายใต้แรงกดดันและการจับตาดูจากคณะกรรมการอย่างต่อเนื่อง ตัวเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีโอกาสได้ศึกษากุญแจตามลำพังแล้ว... 180 ปีในคุก สำหรับใครก็ตามระยะเวลานี้มันยาวนานเกินไป
น่าเสียดาย พวกนั้นไม่รู้เลย
กุญแจที่อยู่ในมือเขา มันไม่ใช่กุญแจที่ใช้เปิด【ทุ่งหญ้าทองคำ】อันเลื่องชื่อ แต่เป็น【มิติมืด】อันเลวร้ายต่างหาก - ที่ที่เทพป่าปิดผนึกสัตว์ประหลาดคลั่ง โหดเหี้ยมน่ากลัวหลากหลายไว้
เจียเสี่ยวไคนึกถึงตรงนี้แล้ว ก็อดหัวเราะไม่ได้
กุญแจซ่อนอยู่ในโลกเศษส่วน เขาไม่ได้กังวลอะไรเลย
หลังเปลี่ยนยุค โลกเศษส่วนที่สูญเสียเทพเจ้าหลักมาขับเคลื่อนจะหดตัวซ่อนเร้นอย่างรวดเร็ว กลับสู่สภาวะนิ่ง กลายเป็นโซนปลอดภัยใหม่
พวกเทพไม่สามารถเข้าไปโลกนี้ได้ มีแต่ต้องรอให้เทพมือใหม่จากโลกเศษส่วนเลื่อนขั้นเข้าวิหารแห่งเทพ ถึงจะทำให้บางส่วนของโลกเศษส่วนเคลื่อนไหวขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง กลายเป็นโลกปีนป่าย
ที่สำคัญคือ
ถึงแม้จะมีคนสามารถอยู่รอดจากกับดักที่เขาวางไว้ได้ และได้กุญแจไป เปิดประตูมิติโอนย้าย -
หลังจากนั้นเขาจะต้องเผชิญกับการโจมตีโดยสัตว์ประหลาดระดับ 40 เป็นเป็นกลุ่ม ซึ่งนั่นก็เพียงแค่นักโทษชั้นนอกสุดของ【มิติมืด】ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
เจียเสี่ยวไคตั้งตารอคอย ให้ใครสักคนได้กุญแจไป
เมื่อคนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เปิด【มิติมืด】สีหน้าของพวกเขาต้องน่าดูชมสุดๆ แน่นอน
...
ลู่เหยาใช้ชีวิตอย่างหรูหราในวันนี้
เขาซื้อไก่ทอดพริกสองชิ้น เบอร์เกอร์เนื้อหนึ่งชิ้น เบอร์เกอร์ไก่ทอดหนึ่งชิ้น เฟรนช์ฟรายส์หนึ่งห่อ นักเก็ตทอดหนึ่งกล่อง โค้กเย็นสองแก้วใหญ่ เคียงกับแคนตาลูปครึ่งลูกที่หั่นเรียบร้อยแล้ว รวมค่าใช้จ่าย 148 หยวน
ช่วงนี้เกือบทุกวันต้องอดหลับอดนอนมาปฏิบัติการ วันนี้ถือเป็นการให้รางวัลตัวเอง
"กินตามสบายเลย อย่าเกรงใจ"
ลู่เหยาบอกกับอิซาเบลที่นั่งข้างๆ
อิซาเบลเบิกตากว้างครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "ท่านผู้ทรงพระเจริญ ข้าไม่จำเป็นต้องบริโภคอาหาร ตราบใดที่เปลวไฟศรัทธาในศาสนสถานยังลุกโชน ข้าก็จะได้รับพลังจากมันเจ้าค่ะ"
ลู่เหยาส่งไก่ทอดพริกให้เธอ "บางครั้งการกินอาหารก็ไม่จำเป็นต้องเพราะหิวเสมอไป อันนี้ถือเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ลองกินดู เผื่อเธออาจจะชอบก็ได้"
หากปราศจากการต่อสู้ตลอดกลางวันกลางคืนของอิซาเบล สถานการณ์จะไม่กระจ่างชัดเจนเหมือนตอนนี้เด็ดขาด ยิ่งไม่มีทางที่จะได้ลูกน้องระดับบอสอย่างอัศวินเลือด ทำให้ก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืนได้เช่นนี้
"เจ้าค่ะ ท่านเทพ"
อิซาเบลยังคงเชื่อฟังนบนอบเสมอ
เธอเลียนแบบท่าทางลู่เหยา คว้าไก่ทอดพริกมากัดกิน ทำให้รอบริมฝีปากเลอะเทอะไปด้วยน้ำมัน
ลู่เหยายิ้มพลางกล่าว "ตอนกินข้าวก็ถอดแว่นเถอะนะ ในนี้มีแต่พวกเราเอง"
"เจ้าค่ะ ท่านเทพ"
มืออิซาเบลที่ถือขาไก่ก็เปื้อนน้ำมันแล้ว ตอนนี้ต้องถอดแว่นตา จึงทำให้เธอยุ่งกับการวางอาหาร จับแว่น ล้างมือ วุ่นวายไปหมด
"ให้ข้าช่วย"
ขณะลู่เหยาถอดแว่นตาของอิซาเบล ลูกตาของเธอเกือบจะหลุดร่วงออกมา เขาจึงรีบใช้มือยัดลูกตากลับเข้าไปในเบ้าตา
ในที่สุดหน้าเต็มๆ ของอิซาเบลก็ปรากฏออกมา
เธอดูมีสีหน้าเย็นชาไม่พูดมาก ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว ภายใต้แสงไฟ ม่านตาสีเขียวกระจ่างแวววราวกับโลหะ
เปรียบเทียบกับสาวๆ บนโลก สายตาของอิซาเบลค่อนข้างตรงไปตรงมาและเปิดเผย มองแรกๆ จะให้ความรู้สึกข่มขู่อย่างแรง
มองสองสามครั้ง ลู่เหยาก็พบว่า ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเลย
อิซาเบลมีนิสัยชอบหลบสายตาเหม่อลอย ดูเหมือนกำลังเพ้อฝันอยู่ แต่ที่จริงก็แค่สายตาสั้นเพราะไม่ได้ใส่แว่นนั่นเอง
"...เพราะข้าเคยชินกับการใช้ศรัทธามองสิ่งต่างๆ รอบตัว"
อิซาเบลวางขาไก่ลง โค้งกายกล่าว "ขออภัยอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ท่านเทพ กิริยามารยาทของข้าตอนนี้ไม่เหมาะสมอย่างมาก"
"ไม่เป็นไร เราเป็นพวกเดียวกัน ยามที่ไม่มีคนอื่นอยู่ ไม่ต้องเกร็งมากนัก"
ลู่เหยากลับรู้สึกว่าแบบนี้ผ่อนคลายกว่ามากกว่า
"เจ้าค่ะ ท่านเทพ" อิซาเบลก็ยังคงนั่งตัวตรงเหมือนเดิม
สำหรับลู่เหยาแล้ว อัศวินเลือดนั้นทดแทนกันได้ แต่อิซาเบลคือคนที่ขาดไม่ได้
เช่นก่อนหน้านี้ที่ไปพูดเป็นนัยๆ ถามซ่งชิอี้ ตำแหน่งอัครสาวกของอิซาเบลมีพลังโน้มน้าวโดยธรรมชาติ ดังนั้นซ่งชิอี้ในฐานะอัยการคณะกรรมการจึงค่อนข้างให้เกียรติเธอ
อิซาเบลตามคำสั่งของเขาแสดงท่าทีว่า อีฉีมีปัญหา ด้านหลังเกี่ยวข้องกับ【ผู้เป่านกหวีด】
แม้ซ่งชิอี้จะค่อนข้างสงสัย แต่ก็ยังแสดงความใส่ใจ เธอพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเกี่ยวกับทฤษฎีโซนปลอดภัยบางอย่าง ด้วยวิธีการที่มีชั้นเชิง บอกว่าไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม
หากเป็นคนอื่นมา ผลคงไม่เหมือนกัน
ในความเป็นจริง ลู่เหยายังให้อิซาเบลไปยืมโทรศัพท์เจ้าของร้านสะดวกซื้อ โทรหาซ่งชิอี้อีกด้วย หากไม่ใช่สาวสวยวัยรุ่น การยืมโทรศัพท์คนอื่นมาโทรก็คงไม่ง่ายอย่างนี้
ในโลกพิกเซลมีอัศวินเลือดประจำการอยู่ ลู่เหยาตอนนี้สบายใจมาก จึงมีเวลามานั่งกินไก่ทอดคุยเล่นกับอิซาเบล
"ทำไมโลกมิติต่ำที่พวกเธออยู่ถึงถูกเรียกว่าโลกเศษส่วน?"
อิซาเบลค่อยๆ กัดแทะกระดูกไก่ ดึงแต่ละเส้นใยเนื้อบนกระดูกมากินอย่างอดทน กลืนลงท้องทุกชิ้น ประหยัดมัธยัสถ์เช่นเคย
"ท่านเทพ นั่นเพราะมันไม่ใช่โลกใหญ่ที่สมบูรณ์เจ้าค่ะ"
"โลกใหญ่ที่สมบูรณ์มีโครงสร้างคล้ายต้นไม้ ประกอบด้วยโลกเล็กๆ จำนวนมากเชื่อมต่อกัน แกนกลางที่เชื่อมโลกมากมายเข้าด้วยกันก็คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า อย่าง【ทุ่งหญ้าทองคำ】ที่ท่านเทพได้เข้าไปก่อนหน้านี้..."
อิซาเบลอธิบายอย่างอดทนยาวนาน
ลู่เหยาตั้งใจฟังจนจบแล้วสรุปว่า
โลกใหญ่ก็เหมือนไม้เสียบย่าง
ไม้เสียบก็คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า สามารถเชื่อมต่อกับหลายโลก เข้าออกได้ทุกเมื่อ
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า ก็คือพื้นที่ส่วนตัวที่เทพเจ้าหลักสร้างขึ้นมา เหมือนแอดมินควบคุมระบบหลังบ้านที่เชื่อมหลายโลกเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมี【โลกไร้เจ้าของ】ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโลกเศษส่วนอยู่บ้าง
แต่ต่างจากโลกเศษส่วน【โลกไร้เจ้าของ】ไม่เคยถูกเทพเจ้ายึดครองดัดแปลง บางโลกอาจจะให้กำเนิดสายพันธุ์หายาก หรือวัตถุล้ำค่าบางอย่าง
ฉะนั้น【โลกไร้เจ้าของ】จึงเป็นทรัพยากรสำคัญที่เหล่าเทพเจ้าตามล่าชิงตัวกันอยู่ตลอด
เทียบกับโลกไร้เจ้าของที่อุดมสมบูรณ์ โลกเศษส่วนก็คือดินแดนรกร้างที่ถูกขุดค้นเกินขนาด
โดยปราศจากการค้ำจุนและผลักดันจากเทพเจ้า กฎของโลกเศษส่วนจะแก้ไขตัวเองเร็ว ขอบเขตจะกลับมาแข็งขึ้นใหม่ กลายเป็นโซนปลอดภัยใหม่ ไม่ให้เหล่าเทพเจ้าสามารถเข้าถึง
เมื่อโลกเศษส่วนชิ้นนี้หลุดออกไป【ผู้เป่านกหวีด】ก็ฉวยโอกาสส่งผู้ศรัทธาและวีรบุรุษบุกรุก - ถึงอย่างนั้นก็ถูกพลังของกฎจำกัด อัศวินเลือดที่ความสามารถถูกผนึกก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
สรุปง่ายๆ คือ โลกเศษส่วนก็คือหมู่บ้านมือใหม่ของเทพเจ้ามือใหม่นั่นเอง