ตอนที่แล้วบทที่ 47 จับอัศวินเลือดได้แล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49 อิซาเบลคือผู้ไม่อาจขาดได้

บทที่ 48 โซนปลอดภัยปลอดภัยมาก


บทที่ 48 โซนปลอดภัยปลอดภัยมาก

ซ่งชิอี้ตื่นนอนตอนเจ็ดโมงตรง เธออาบน้ำสระผม เป่าผมให้แห้ง จากนั้นดื่มนมอุ่นหนึ่งแก้ว แล้วเริ่มดูบันทึกช่วยจำในโทรศัพท์มือถือ

ไม่ว่าเมื่อวานจะเกิดอะไรขึ้น โรคหลงลืมจะเข้ามาเคลียร์ความทรงจำในสมองเธอตรงเวลาเสมอ ทำให้เธอจำได้แต่เรื่องก่อนอายุ 14 ปี

บางคนว่าความจำดีเกินไปเป็นภาระ

แต่สำหรับซ่งชิอี้แล้ว การลืมไปเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกัน

เธอตื่นขึ้นมากลางความว่างเปล่าทุกครั้ง แล้วก็งุนงงสับสน พบว่าตัวเองในกระจกโตวัยขึ้นในชั่วข้ามคืน ราวกับมาถึงวัย 20 ปีเลย

ในช่วงหกปีที่ขาดการติดต่อนั้นมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่นะ?

ซ่งชิอี้อดใจสงสัยไม่ได้

ตามบันทึกที่ได้รับจากโรงพยาบาลและคณะกรรมการ สาเหตุเกิดจากการได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์พิเศษในภารกิจจับกุมเมื่อสามปีก่อน ทำให้ตอนนี้สมองผิดปกติ ไม่สามารถเก็บความทรงจำใหม่ได้

วันที่เธอซ้อมเต้นและแสดงคอนเสิร์ตในวง SUH เหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ซ่งชิอี้เปิดบันทึกช่วยจำที่ซิงค์กับเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของตัวเอง ข้อความแรกที่เขียนไว้คือ

"ทุกๆ วันคือการเริ่มต้นใหม่"

เธอได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นเกมซิมตั้งแต่ยังเล็ก เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เป็นเทพ ความทรงจำส่วนนี้ได้รับการรักษาไว้อย่างครบถ้วน

หรือพูดอีกอย่างคือ ความทรงจำที่เกี่ยวข้องได้รับการปกป้องจากพลังอำนาจบางอย่าง แม้แต่อุปกรณ์ที่ทำลายความทรงจำก็ไม่อาจพรากมันจากเธอได้

บันทึกช่วยจำแบ่งออกเป็นสองส่วน

ส่วนแรกคืองาน ส่วนที่สองคือชีวิต

เธอคลิกเปิดคอลัมน์งานก่อน

ด้านบนเขียนข่าวล่าสุดไว้

"ในวิหารแห่งเทพ มองหาและติดตามผู้เล่นที่ชื่อ【เทพเหยา】โลกเศษส่วนที่เขาอยู่เกี่ยวข้องกับ【ทุ่งหญ้าทองคำ】"

นิ้วเธอแตะเบาๆ ข้างๆ ก็มีเสียงอัดขึ้นมาเป็นบทสนทนา

ผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า "ทำไมเป็นเธออีกล่ะ? เปลี่ยนคนได้มั้ย?"

"...ไอ้หนูนั่น ข้ารู้แค่ว่าเขาอ้างตัวเป็น 'เทพเหยา' ส่วนอย่างอื่นไม่รู้เลย"

ซ่งชิอี้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนานี้เลย

แต่เธอก็เคยชินแล้ว

ได้ยินเสียงสนทนาในโทรศัพท์ที่ตัวเองจำไม่ได้เลย ไม่เว้นแต่ละวันจะมีคนแปลกหน้าโทรมา หรือคนที่ไม่รู้จักมาทักทายเธอ...

บางครั้งเธอจะจินตนาการว่า เธออาจจะไม่ใช่ซ่งชิอี้จริงๆ เพียงแต่สืบทอดหรือแย่งชิงตัวตนและชีวิตของคนที่ชื่อซ่งชิอี้มา เดินอยู่ในโลกใบนี้

หรือพูดอีกอย่างคือ ซ่งชิอี้ตัวจริงตายไปนานแล้ว ตอนนี้ตัวเธอเป็นเพียงของทดแทนที่ใช้ได้แค่ 24 ชั่วโมง พอครบ 24 ชั่วโมงก็จะรีสตาร์ท เหมือนเครื่องจักรที่มีหน่วยความจำไม่พอ

แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่สำคัญหรอก

ยังไงในสายตาคนอื่น รวมถึงตัวเธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เธอคือซ่งชิอี้

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน สายเรียกเข้าเป็นเบอร์แปลกหน้าที่ไม่มีบันทึกไว้

ซ่งชิอี้แตะรับสายแฮนด์ฟรี

แต่อีกฝั่งกลับไม่มีเสียง

"สวัสดีค่ะ?" ซ่งชิอี้ลองพูด "ฉันซ่งชิอี้นะคะ"

ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มพูด "ออกมาเจอหน้ากันหน่อยสิ"

เสียงอีกฝั่งเป็นเด็กผู้หญิง ฟังจากเสียงดูอายุไม่มาก

ซ่งชิอี้ถาม "มีอะไรหรือคะ?"

"เราเคยเจอกัน ในตรอกที่มีรถจอดกันเยอะ ที่นั่นมีตระกูลทะเลตะวันออกอวี่เหยา ฉันมีข่าวจะบอก และอยากปรึกษาเธอบางเรื่อง"

ซ่งชิอี้เปิดดูคอลัมน์งาน เรียงตามวันที่จากบนลงล่าง

ในหนึ่งบรรทัดพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องจริงๆ

"ด้านนอกหอพักโรงงานมอเตอร์ไซค์หมู่บ้านเก้าสวน ตรอกจอดรถ ตระกูลทะเลตะวันออกอวี่เหยาผู้ศรัทธาของเจียเสี่ยวไค ทำให้สองคนเสียชีวิต ถูกอัครสาวกหญิงแมรี่ประหารชีวิต"

"อ้อ จำได้แล้วค่ะ สวัสดีนะคะ"

ซ่งชิอี้ถึงได้ตอบรับ "งั้นนัดที่ไหนดีคะ?"

อีกฝ่ายบอก "ตรอกที่เราเจอกันครั้งก่อนแหละ"

โทรศัพท์ก็วางสายไป

ซ่งชิอี้มองหมายเลขโทรศัพท์อีกฝ่าย ก็เป็นตัวเลขโทรศัพท์ปกติธรรมดา

แต่เธอก็ไม่ได้ตรวจสอบเบอร์นี้ การตรวจสอบก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอ สำหรับเธอแล้ว ข้อได้เปรียบที่สุดของตัวเองก็คือ พอเจอหน้าแล้วก็ลืม ทั้งไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน และไม่ทำให้คนอื่นมีภาระ

นี่ก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เธอมีสายข่าวมากมาย

ซ่งชิอี้เปลี่ยนชุด สะพายกระเป๋า โบกมือให้โคมระย้าคริสตัลในห้องนั่งเล่น

"หมิงไจ่ ออกไปข้างนอกแล้วนะ"

นกกระจอกตัวน้อยบินออกมาจากโคมระย้าที่สว่างจ้า ลงจับบนบ่าของซ่งชิอี้

ในขณะที่มันบินออกมา ไฟในห้องก็ดับวูบทั้งหมด

นกกระจอกใช้ปากสั้นๆ จัดแต่งขนที่อกตัวเอง เอียงหัว ดวงตากลมโตมองซ่งชิอี้ เหมือนนกธรรมดาทั่วไปไม่มีผิด

"กฎเดิมนะ ต่อให้อยากกินแค่ไหน ก็ห้ามแอบกินไฟฟ้านอกบ้าน โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ตกลงกันไว้แล้วนะ" ซ่งชิอี้ใช้นิ้วเกาหัวมัน

หมิงไจ่พยักหน้าติ๊กๆ เหมือนกับลูกไก่จิกข้าว

...

ตรงตรอกจอดรถนอกหอพักโรงงานรถจักรยานยนต์ มีเด็กวัยรุ่นสิบกว่าขวบสองคนกำลังเล่นเตะฟุตบอลกัน

หลังจากซ่งชิอี้มาถึงที่นี่ สายตาพวกเขาก็แอบมองเธออยู่ตลอด การสนทนาระหว่างกันก็เหม่อลอยไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ลูกบอลตรงเท้าก็หยุดไม่ลง

เมื่อสบตากับซ่งชิอี้ เด็กวัยรุ่นทั้งสองก็หน้าแดง รีบหันสายตาหนี แสร้งทำเป็นซ้อมส่งลูกประสานงานกันอย่างจริงจังเสียอย่างนั้น

ซ่งชิอี้มองการแต่งตัวตัวเอง

ข้างนอกสวมแจ็คเก็ตขนสัตว์ ด้านในเป็นเสื้อไหมพรมสีดำรัดรูป ใส่กางเกงยีนส์กับรองเท้าบู๊ต ผมสีบลอนด์เงินสั้นเสมอหูฟูฟ่อง ไม่ได้ใส่ต่างหูหรือสร้อยคอ เธอเขียนอายไลเนอร์นิดหน่อย ทาลิปสติกโทนสีธรรมชาติ

ชุดนี้ทำให้เธอดูโตขึ้นนิดหน่อย

ซ่งชิอี้มองซ้ายมองขวา พบว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ในรถแล้ว

"นี่ค่ะ" เด็กผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือเรียกเธอ

รถเก่ารุ่นเชฟโรเลตที่เด็กผู้หญิงนั่งอยู่นั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ไม่รู้ว่าเจ้าของทิ้งไว้หรือเปล่า แต่เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ

ซ่งชิอี้นั่งลงบนเบาะหลังของรถเชฟโรเลต

เธอสังเกตคนตรงหน้า

แมรี่เป็นเด็กผู้หญิงใส่เสื้อฮู้ดสีเทา ดูอายุประมาณ 17-18 สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ใต้หมวกเป็นผมยาวสีเขียวม้วนเก็บ

เด็กผู้หญิงใส่แว่นกันแดดสีดำ เหมือนจะไม่อยากให้ใครรู้หน้าตาที่แท้จริงของเธอ คนปกติไม่อาจเข้าใจได้ว่า ในร่างกายที่ดูเปราะบางนี้ ซ่อนพลังอัครสาวกอันน่ากลัวเอาไว้

อีกฝ่ายบอก "ฉันอยากตรวจสอบคนคนหนึ่ง 'อีฉี' "

เด็กผู้หญิงพูดเบาๆ "มีของบางอย่างอยู่ในมือเขา อันตรายมาก"

"คุณแมรี่"

ซ่งชิอี้เปิดปากพูด "ฉันรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีฉีจริงๆ แต่ในฐานะอัยการของคณะกรรมการ การเปิดเผยข้อมูลลับเป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบ..."

"ขอถามว่า มีของอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันอันตรายคะ?"

"ไม่อาจเปิดเผยได้"

ซ่งชิอี้ก็ไม่แปลกใจนักกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

โดยพื้นฐานแล้วเธอกับสายข่าวเป็นการแลกเปลี่ยนข่าวกรองกัน เกื้อกูลกันและกัน แต่ภายในคณะกรรมการมีข้อกำหนดเส้นแดง ต้องปฏิบัติตาม

ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง

แมรี่กล่าวขึ้นกะทันหัน "ของอาจจะซ่อนอยู่ในโซนปลอดภัย ไม่ใช่ในโลกเศษส่วน นี่คือข้อมูลที่ฉันรู้"

ซ่งชิอี้ไม่แน่ใจความหมายของอีกฝ่าย

แต่สำหรับคณะกรรมการแล้ว การรักษาระเบียบปกติในโซนปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก

"คุณแมรี่ โซนปลอดภัยก็ยังคงปลอดภัยค่ะ" ซ่งชิอี้พูด

"จริงเหรอ?" แมรี่ย้อนถาม

คำพูดนี้ทำให้ซ่งชิอี้อึ้งไปหน่อย

เมื่อไม่นานมานี้ บริเวณใกล้เคียงก็เกิดคดีสองเรื่อง

คดีปล้นชิงศรัทธาของหยวนลี่ซา คดีสังหารทะลุมิติโลกโดยผู้ศรัทธาของเจียเสี่ยวไค...

ช่วงนี้สถานการณ์ความปลอดภัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่จริงๆ

ซ่งชิอี้จึงใช้สำนวนทางการพูดว่า "พวกเราจะพยายามหยุดยั้งอันตรายก่อนให้ได้ แต่สุดท้ายกำลังคนก็มีจำกัด ไม่สามารถป้องกันได้ทุกคดี..."

แมรี่ขัดจังหวะเธอ "ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้"

"แล้วหมายถึง?"

"อันตรายกว่านั้น... เช่น【ผู้เป่านกหวีด】"

ซ่งชิอี้รีบส่ายหน้าทันที "เป็นไปไม่ได้"

แมรี่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

"ฉันไม่รู้เหตุผลของคุณ แต่ว่า..."

ซ่งชิอี้กล่าวออกไปทันที "ตามทฤษฎีระนาบมิติขนาน มิติสูงและต่ำรักษาความขนานกันเสมอ ระยะห่างทางกายภาพของผู้เล่นแต่ละคนบนโลก - พูดให้เข้าใจคือการแลกเปลี่ยนข้อมูล จะเชื่อมโยงกับโลกมิติต่ำในแบบใดแบบหนึ่ง"

"ในเชิงมหภาค ต่างจากมิติต่ำที่วุ่นวายผันผวน มิติสูงอยู่ในสภาวะนิ่งยาวนาน ไม่สามารถทับซ้อนหรือแทรกแซงมิติอื่นได้โดยตรง"

"ถ้าผู้เล่นจากมิติอื่นอยากมาที่นี่ พวกเขาต้องย้ายโลกที่ตัวเองอยู่ ทำการทับซ้อนในระดับโลก แต่ยิ่งมิติสูง ก็ยิ่งย้ายยาก"

"โลกหรือโลกเศษส่วนที่ปิดตาย ไม่สามารถสร้างทางเชื่อมสองทางหรือการทับซ้อนในระดับโลก ทุกโลกแบบนี้ล้วนเข้ากับคำจำกัดความของโซนปลอดภัย โลกมิติสูงก็เป็นหนึ่งในนั้น"

"ก็เหมือนสำนวนที่ว่า คนไม่อาจยกพื้นดินใต้เท้าตัวเองได้"

"โดยปกติแล้ว ผู้เล่นจะใช้วิหารแห่งเทพ เข้าสู่โลกมิติที่ต่ำกว่า แล้วเคลื่อนย้ายโลกมิติต่ำที่ตนควบคุม มาทับซ้อนหรือแทรกแซงกับโลกมิติต่ำอื่น"

"ก็เหมือนคนสองคนที่อยู่คนละประเทศ พวกเขาไม่สามารถขนบ้านและเมืองทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาก็ต้องออกไปข้างนอก ใช้ยานพาหนะที่เคลื่อนที่ได้มาพบกัน"

ซ่งชิอี้อ้างอิงข้อสรุปที่มีอยู่มากมาย สุดท้ายก็สรุปว่า "โซนปลอดภัยก็เหมือนน้ำลึก ส่วนโซนปีนป่ายเหมือนน้ำตื้น"

"แรงดันน้ำลึกทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตื้นอยู่รอดยาก ความสามารถต่างๆ ที่พวกมันชื่นชมภาคภูมิ พอมาที่นี่ก็ใช้ไม่ได้ผล แม้กระทั่งตัวพวกมันเองก็อาจจะหายใจไม่ออก"

"ถึงแม้ผู้เล่นจากมิติอื่นจะหาวิธีมาโซนปลอดภัยได้ พวกเขาก็ต้องตัดแขนขาตัวเองทิ้ง สูญเสียความสามารถทั้งหมดในโซนปีนป่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาหรือสัตว์ที่นี่ กลายเป็นทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายสุดขีด"

แมรี่บอก "ทุกอย่างมีข้อยกเว้นเสมอ"

คำพูดนี้ทำให้ซ่งชิอี้นึกได้หลายอย่าง

ทฤษฎีโซนปลอดภัยคือข้อสรุปที่ได้จากการปฏิบัติจริงเป็นจำนวนมาก

แต่เมื่อคณะกรรมการค้นคว้าเกมซิมลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มุมมองและแนวคิดใหม่ก็เกิดขึ้นตลอด

ถ้ากำแพงทฤษฎีความปลอดภัยในโซนปลอดภัยมีความเสี่ยงใดๆ ผลที่ตามมาก็เป็นสิ่งที่ทนรับยาก

ถึงแม้โอกาสเกิดขึ้นจะน้อย แต่ก็ต้องป้องกันเอาไว้ แมรี่ผู้นี้ที่บอกข้อมูลให้ตน ก็ไม่มีทางมาหาความสนุกอย่างแน่นอน

"ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ คุณแมรี่"

ซ่งชิอี้กล่าวอย่างจริงจัง "ฉันจะนำเรื่องนี้ไปรายงานคณะกรรมการในนามของแหล่งข่าวนิรนามค่ะ"

...

ลู่เหยาในห้องถอนหายใจยาว

องค์กรไหนๆ ก็มีความกังวลด้านความปลอดภัย แค่ชี้ให้เห็นความเสี่ยงที่มีอยู่ในทางทฤษฎี และปล่อยข่าวใหญ่ที่ดูเหมือนจริง ก็จะทำให้พวกเขาครึ่งเชื่อครึ่งสงสัยได้ระดับหนึ่ง

ครั้งนี้เขาทำเพื่อประโยคเดียว

"โซนปลอดภัยปลอดภัยหรือเปล่ากันแน่?"

เพื่อเสียงจิ้มนิดเดียวนี้ ลู่เหยาถึงต้องห่อเกี๊ยวทั้งจานให้

เมื่อโซนปลอดภัยมั่นคงดี เทพจากมิติอื่นมา PK ในชีวิตจริงไม่ได้ ลู่เหยาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

【ผู้เป่านกหวีด】【หน้ากากถลกหนัง】งั้นเหรอ?

ยังคงเป็นประโยคเดิม

ในพื้นที่ชนเผ่ากระเทียม หากพวกคุณกล้าแสดงตัว พี่จะตบทุกครั้งที่พบเจอ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด