ตอนที่แล้วบทที่ 46 การเดิมพัน  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 ใหญ่กว่าหนึ่ง  

บทที่ 47 เริ่มต้นการแข่งขันครั้งใหญ่  


ในวันก่อนการแข่งขันของสถาบัน บนท้องฟ้าหลังอาคารที่หลูมู่หยานอาศัยอยู่ ปรากฏเป็นกลุ่มเมฆห้าสีจำนวนมากลอยรวมกันอยู่ด้านบน เมื่อทั้งหมดถูกบีบจนเป็นเมฆวิญญาณก็จะถูกแรงโน้มถ่วงลากเข้าไปในนั้น

จุดตันเถียนของหลูมู่หยานยังคงวิ่งอยู่ ร่องรอยของพลังงานทางจิตวิญญาณยังอยู่ที่ตันเถียน และกระแสของพลังทางจิตวิญญานที่บริสุทธิ์ก็ยิ่งแผ่ออกมากจากจุดตันเถียน เสริมกับเส้นลมปราณของนางทุกเส้น

หลังจากที่พลังวิญญาณเส้นลมปราณของนางเริ่มอิ่มตัวแล้ว พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ในตันเถียนก็กลายเป็นหมอกสีเขียวอ่อนหมุนวนอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงเวลาหมอกสีเขียวอ่อนนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วตันเถียน

หลูมู่หยานนั่งหลับตาในท่าขัดสมาธิ มือของนางเปลี่ยนท่าทางไปมาตามแรงดันอากาศที่เปลี่ยนไป และเมื่อหมอกสีเขียวซีดในตันเถียนเริ่มอิ่มตัว นางลืมตา ก่อนจะรับรู้ถึงพลังบริสุทธิ์จากร่างกายของนางเอง ตอนนี้กำแพงที่กั้นระหว่างปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ระดับกลาง และระดับสูงเริ่มหายไป

ตอนนี้หลูมู่หยานรู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายมีมากขึ้น และความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น นางจึงยิ้มพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “สำเร็จแล้ว!”

เช้าวันรุ่งขึ้นหลูมู่หยานออกจากลาน และอาคารของสถาบัน นางมองขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า บวกกับลมเอื่อย ๆ ที่โชยมาพอให้ชุดสีม่วงชุดหรูพริ้วปลิวไปตามแรงลม ทำให้ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีทอง

วันนี้เป็นวันที่นางฟื้นคืนชีพอย่างเต็มตัว ความอัปยศที่เคยมีก็ถูกล้างออกไปจนสูญสิ้น บนเส้นทางสู่ถนนของผู้แข็งแกร่ง หลูมู่หยานไม่มีอะไรจะเสียหากต้องการไปต่อ นางจึงก้าวเท้าออกจากลานเล็ก ๆ ไปยังสนามแข่งขันของจักรพรรดิ

เวลานี้ หลูมู่หยานฉายแววมั่นใจเต็มสูบ ด้วยใบหน้าที่งดงามและท่วงท่าที่ดูสง่า แม้ว่าความรู้สึกของการถูกจ้องมองจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนที่เดินผ่าน

“นั่นหลูมู่หยานหรือไม่? ข้าพูดถูกหรือเปล่า?” เสียงหนึ่งของคนที่อยู่ในบริเวณนั้นดังขึ้น

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่านางเปลี่ยนไปนานแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้จนคนแทบจะจำไม่ได้”

“ใช่! ไม่อยากพูดเลย แต่หลูมู่หยานตอนนี้ค่อนข้างสวยเลยนะ ไม่ด้อยไปกว่ากู่ยันรันเลย”

“ลืมไปก่อนเถอะ ไม่ว่าจะสวยแค่ไหนแต่ก็ไร้ประโยชน์ ข้าต้องการเห็นว่านางสามารถเอาชนะกู่ยันรันยังไงมากกว่าวันนี้ การมาโอ้อวดอะไรใหญ่โตแบบนี้ ถ้าแพ้ขึ้นมามันจะน่าอาย” สตรีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นแทรก หลังจากที่มีเสียงตื่นตาตื่นใจของคนที่อยู่บริเวณนั้น

“ก็จริง กู่ยันรันน่ะเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในอาณาจักร และเป็นคนเดียวที่ดูมีแนวโน้มจะดีที่สุดในการพิจารณา ครั้งนี้หลูมู่หยานจะต้องอับอายมากแน่ ๆ” นักเรียนชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายวิบวับเมื่อพูดถึงกู่ยันรัน

“นางไม่ใช่แค่ต้องละอายนะ แต่คฤหาสน์ตระกูลของนางก็จะต้องอายด้วย น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสหลูผู้งดงาม จะมีน้องสาวที่ไร้ยางอายเช่นนี้ … น่าเสียดาย” เสียงที่ทับถมหลูมู่หยานส่วนมากมักจะมาจากนักเรียนหญิงทั้งหมด

“แต่ข้าได้ยินมาว่านางได้รับการเลื่อนขึ้นอยู่ในระดับฐานการบ่มเพาะของปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่แล้วนะ และไหนจะเรื่องเมฆวิญญาณหลายสีที่ลอยเหนือสถาบันเมื่อเดือนก่อนในช่วงที่นางกำลังฝึกฝนอีก บางทีนางอาจจะถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วก็ได้” นักเรียนชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“เฮ้อ ใครจะรู้ว่านางใช้อะไรดึงดูดเมฆวิญญาณหลากสี ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะเก่งได้ถึงขนาดนั้น บางทีมันอาจจะเป็นวิธีดึงดูดความสนใจจากฉีอี้ซวนก็เป็นได้” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ซึ่งนางเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกู่ยันรัน และไม่เชื่อข่าวลือของหลูมู่หยานที่ใคร ๆ เขาพูดกัน เพราะนั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งกลอุบายของสตรีไร้ค่าคนนั้นก็ได้

“เจ้ามองนางสูงเกินไปหรือเปล่า? แม้ว่านางจะสามารถทลายกำแพงไปยังฐานการบ่มเพาะนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ด้วยยาซีซุย แต่ก็ยังมีคนมากกว่าสามสิบคนที่มีฐานการบ่มเพาะในขั้นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ในทีมของท้องถิ่นเรา แล้วนางกับกู่ยันรัน? มันไม่ใช่การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่เสมอไปหรอก”

“มันก็ยังดูไม่เข้ากันนะ แต่นี่มันเวลานัดหมายแล้ว และการแข่งขันจะมีขึ้นอย่างแน่นอน เราไปรอดูอะไรดี ๆ กันเถอะ”

“...”

ตั้งแต่ที่หลูมู่หยานก้าวเท้าออกไป ข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับนางก็แพร่ไปทั่วสถาบัน ยกเว้นบางคนที่เพิ่งรู้เรื่องเร็ว ๆ นี้ ส่วนบางคนก็รู้สึกไม่ดีที่หลูมู่หยานโชคดีพอที่จะได้รับยาซีซุย พวกเขาไม่ยอมรับว่านางมีความสามารถขนาดนั้น ตอนนี้ความสนใจของผู้คนจำนวนเกือบครึ่งสถาบันตกไปอยู่ที่กู่ยันรันแล้ว

การกระซิบกระซาบ หรือการพูดจาเสียดสีนั้นไร้ประโยชน์เกินไปสำหรับหลูมู่หยาน ตอนนี้นางเข้าสู่สนามการแข่งขันด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ก่อนจะมองหาทำเลดี ๆ เพื่อนั่งรอแข่งขัน

หลูมู่หยานไม่มีเพื่อนที่สถาบัน นั่นเป็นเพราะมนุษย์สัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีบางคนที่เข้ามาพูดคุยกับนาง แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องยาซีซุยเสียมาก แต่นางก็ไม่สนใจอะไรเพราะไม่อยากจะรู้สึกว่าถูกครอบงำ

ตอนนี้หลูมู่หยานขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจ หรือจัดการกับคนสองคนตรงหน้า และด้วยความเฉยเมยของนางเองทำให้ไม่มีใครเข้ามาคุยกับนางอีกเมื่อนางตัดสินใจหย่อนกายลงนั่ง มากไปกว่านั้นแม้จะมีที่ว่างรอบข้างมากพอ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามานั่งกับนางเลย เสมือนว่าผู้คนจงใจพยายามแยกนางให้ออกห่างไป

นางจึงทำได้เพียงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ หลับตา และทำจิตใจให้สงบ

ผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ก่อนจะรู้สึกได้ว่าที่แท่นหลักใจกลางลานแข่งขันเริ่มมีใครบางคนหย่อนตัวลงนั่ง และหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีเสียงขู่ดังขึ้น ทำให้ประชากรที่อยู่โดยรอบต่างพากันสงบ และมองไปที่แท่นนั้น

“วันนี้เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นในทุกสองปีของสถาบันจักรพรรดิของเรา ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ตัดสินใจการแข่งขันครั้งนี้”

หลูมู่หยานลืมตาขึ้น ก่อนจะหันไปหาต้นเสียงที่ได้ยิน บุรุษผู้นั้นคือ ‘หลานซี’ เป็นอาจารย์ที่สอนอยู่ในระดับราชานักดาบที่อายุน้อยที่สุดของสถาบันแห่งนี้ รวมไปถึงยังได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นผู้ที่มีความเปิดกว้างที่สุดคนหนึ่งของสถาบัน และประวัติของเขาก็ไม่ธรรมดา และเรียบง่ายขนาดนั้น

“คราวนี้นักเรียนเก่า และนักเรียนใหม่ถูกแยกออกจากกัน รวมไปถึงเทียนบันกับนักเรียนท้องถิ่นด้วย และผลลัพธ์ของมันก็จะเกี่ยวข้องกับการพิจารณาในภายหลังด้วย” หลานซีเอ่ย ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “นักเรียนเก่าและใหม่ในเทียนอันเหมินจะเป็นผู้ตัดสินในแปดอันดับแรก รวมกับสมาชิกในทีมทั้งเก่าและใหม่อีกสองคน รวมเป็นสิบอันดับ”

“ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความ ข้าเชื่อว่าทุกคนรู้ถึงความสำคัญของการพิจารณาหลังการแข่งขัน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับการจัดสรรทรัพยากรในอนาคตของทุกคนในสถาบันจักรพรรดิแห่งนี้”

“นักเรียนเก่าและใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขั้นมีอยู่ด้วยกันหนึ่งพันแปดร้อยคน และมีเพียงแค่สิบคนเท่านั้นที่จะติดอันดับ คราวนี้ เห็นทีว่าจะต้องสู้กันหนักหน่อยเสียแล้ว”

คำพูดที่ออกมาจากปากของหลานซีทำให้คนที่ได้ฟังเริ่มฮึกเหิม จากผู้คนจำนวนมากจะเหลือเพียงสิบเท่านั้น คงต้องสู้กันอย่างหนักไม่น้อย

หลานซีประกาศเริ่มการแข่งขันหลังจากพูดจบ ตอนนี้มีการจัดแจงสถานที่เอาไว้สามสิบแห่ง แต่ละที่ก็จะรายล้อมไปด้วยนักเรียน และพวกเขาแต่ละคนก็จะต้องจับสลากเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ของพวกเขาเอง

หากเมื่อไหร่ที่แพ้ เขาจะถูกตัดสินใจออกจากการแข่งขันทันที และผู้ชนะในแปดอันดับแรกของเทียนบันจะได้รับสิทธิ์สำหรับการพิจารณา และเมื่อไปสู่ระดับท้องถิ่นการแข่งขันก็จะยิ่งโหดขึ้น เฉพาะผู้ที่ชนะรอบชิงชนะเลิศในหมู่นักเรียนเก่า และใหม่เท่านั้นที่จะได้สิทธิพิเศษ

ณ บริเวณที่แข่งขันในแต่ละที่ จะมีผู้ตัดสินทั้งหมดสี่คน โดยสองคนจะมีหน้าที่รักษาโล่พลังงานเพื่อป้องกันไม่ให้การต่อสู้ส่งผลกระทบถึงภายนอก ส่วนอีกหนึ่งคนจะมีหน้าที่ตัดสินผลแพ้ หรือชนะ และคนสุดท้ายจะมีหน้าที่ตั้งชื่อลอตเตอรี่

หลูมู่หยานได้หมายเลขห้า และถูกจัดให้อยู่ในเวทีการแข่งขันที่ยี่สิบหก ส่วนคู่ต่อสู้ของนางคือผู้ที่จับได้หมายเลขห้า หมายความว่านางจะเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันในคู่ที่ห้าของการประลองในเวทีนี้

กู่ยันรันได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่หนึ่งของเวทีการแข่งขัน และหลังจากที่นางจับสลากเสร็จแล้ว นางก็มองไปที่หลูมู่หยานด้วยท่าทางยั่วยุ แต่ทว่าหลูมู่หยานกลับตอบกลับเพียงรอยยิ้มจาง ๆ ที่ดูแล้วไม่ได้แยแสอะไร

ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันต่อไป พร้อมกับคิดว่าจะเหยียบให้อีกฝ่ายกลายเป็นฝุ่น เมื่อการแข่งขันมาถึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด