บทที่ 46 การเดิมพัน
จากการปรากฏตัวของยาซีซุยทำให้ผู้คนมากมายต่างพากันเทียวเข้าเทียวออกที่คฤหาสน์ตระกูลหลู ทำให้หลูมู่หยานรู้สึกเบื่อหน่าย และรำคาญความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นางจึงตัดสินใจแอบกลับไปที่อาคารหลังเล็กของสถาบันจักรพรรดิเพื่อฝึกฝน
หร่วนหลี่นึกสนใจหลูมู่หยานอยู่มากด้วยเหตุผลที่นักเล่นแร่แปรธาตุของนาง และเมื่อเขารู้ว่าหลูมู่หยานพยายามหลีกเลี่ยงคนที่ต้องการเข้ามาถาม เขาจึงเอ่ยปากขอให้คนเฝ้าสวนของนางเพื่อกันคนนอก
หลูมู่หยานรู้สึกถึงการกระทำของหร่วนหลี่ในเซียวหลู และนางก็ยินดีเป็นอย่างมากที่จะยอมรับการช่วยเหลือครั้งนี้
หลังจากที่นางกินยาเสริมพลังวิญญาณนางก็เริ่มดูดซับกลิ่นอายของโลก และสวรรค์เพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังวิญญาณ
ด้วยพลังการดูดซับของสถาบันนั้นมีมากกว่าคฤหาสน์ของตระกูลหลู และตันเถียนในร่างกายของนางก็เปรียบเสมือนหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง ทำให้หลูมู่หยานสามารถดูดซับพลังทุกวันได้อย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้อาคารที่นางใช้เป็นที่ฝึกฝนเกิดสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างขึ้น
หากไม่ก้าวหน้าก็จะมีเมฆวิญญาณจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะนางสามารถรับรู้องค์ประกอบทั้งหมดในโลกนี้ ฉะนั้นบางครั้งเมฆวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นก็จะปรากฏเป็นสีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสีทอง สีฟ้า สีเหลือง และสีแดงสลับกันไป
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นยังดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส และนักเรียนคนอื่น ๆ ของสถาบัน แต่เป็นเพราะคำสั่งของคณบดีที่ห้ามเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอาคารเล็ก ๆ ของหลูมู่หยานคงจะแออัดไปด้วยผู้คนที่ต้องการเข้ามาถามเป็นแน่
ณ หองโถงโออ่าแปลกตาของสถาบันจักรพรรดิ ตรงนั้นประกอบไปด้วยสถาบันระดับสูงถึงหกสาบัน ยกเว้นหร่วนหลี่เท่านั้นที่เป็นราชาดาบที่แข็งแกร่ง ส่วนอีกห้าคนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นราชาดาบ
“ท่านคณบดี หลูมู่หยานฝึกฝนอะไรหรือ? ทำไมถึงมีกลุ่มเมฆวิญญาณจำนวนมากรวมตัวกันทุกวัน แถมยังเกิดขึ้นมาเดือนกว่าแล้ว” บุรุษรูปร่างผอมสูงผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับหร่วนหลี่ขมวดคิ้ว พร้อมกับเอ่ยถาม
หร่วนหลี่เปิดฝาถ้วยชาที่ทำจากไม้ไผ่สีน้ำเงิน และขาว ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงจิบชาพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” เขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมหลูมู่หยานถึงสามารถดึงดูดหลิงหยุนได้เป็นเวลานานเมื่อฝึก แต่ก็ได้แค่สงสัย เพราะเขาก็จะไม่ล่วงรู้ความลับของผู้อื่น
“การปฏิบัตินี้ของนางดึงดูดความสนใจของนักเรียนคนอื่น ๆ ในสถาบัน และช่วงนี้เด็กนักเรียนก็มักจะออกไปเดินเล่นตรงลานนอกอาคารเล็ก ๆ ของนาง ข้าเองก็เกรงว่ายิ่งนานวันมันอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถาบัน” ชายวัยกลางคนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกไป เพราะเขามีความสัมพันธ์อันดีกับหวังเจิ้นซี และหยุนเทียนซ่ง ฉะนั้นเขาจึงต้องการที่จะปรามหลูมู่หยาน
หญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งที่นั่งถัดไปจากชายวัยกลางคนเม้มปาก พร้อมกับเหยียดยิ้มออกมาอย่างไม่เห็นด้วย “ข้าไม่คิดว่าพฤติกรรมของหลูมู่หยานมีอิทธิพลใด ๆ นางสามารถกำจัดร่างกายได้ด้วยการใช้ยาซีซุย ร่างกายของจูไม และเข้ายังไปถึงฐานการบ่มเพาะของปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ในทันที แล้วตอนนี้นางยังสามารถดึงดูดหลิงหยุนให้รวมตัวกันได้เมื่อตอนนางยังฝึกฝน ข้าว่าสิ่งนี้ทำให้เห็นว่าพรสวรรค์ของนางไม่ธรรมดา และสถาบันควรจะฝึกฝนอย่างจริงจังนะ”
ในบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ทั้งหมด สตรีท่าทางดูเย็นชาผู้ซึ่งมีส่วนในการประสานการแข่งขัน เอ่ยขึ้นว่า “การมีความสามารถในการรวบรวมหลิงหยุนไม่ได้หมายความว่ามีพรสวรรค์ดี ยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนมากของปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าว่ามันชุ่ยเกินไปที่จะบอกว่าเราต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง”
ก่อนที่สตรีผู้มากไปด้วยเสน่ห์จะตอบสนองผ่านใบหน้าที่ไร้ความกังวล ชายชราผู้หนึ่งที่มีผม และหนวดสีแดงดูมีชาติตระกูลดีที่นั่งเฉียงออกไป นั่งเหยียดยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าเด็กผู้นั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับที่หนึ่ง เช่นนั้นต้นกล้าต้นนี้จะเสียเปล่าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็โยนมาให้ข้าสอน”
‘หร่วนหยาง’ คือชื่อของชายชราผมแดง เขาไม่เพียงแต่เป็นน้องชายของหร่วนหลี่เท่านั้น แต่เขายังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสามคนเดียวในอาณาจักรหยานโจว สถานะของเขาถือได้ว่าอยู่ในระดับสูง เป็นผู้ที่มีหน้ามีตาและมีแต่คนเคารพนับถือ ซึ่งตามปกติแล้วหร่วนหยางไม่ได้เป็นคนที่สนใจชื่อเสียงหรือพวกโชคอะไรเท่าไหร่นัก เพราะเขามักจะอุทิศตัวให้แก่การเล่นแร่แปรธาตุ และไม่ค่อยปรากฏตัวในสถานศึกษาเท่าไหร่นัก
ทว่าครั้งนี้สิ่งที่ทำให้หร่วนหยางถูกเรียกตัวกลับมา นั่นก็คือข่าวยาซีซุย และหยางจิง แน่นอนว่าเขาเองก็สนใจในตัวของหลูมู่หยาน หากข่าวลือที่ได้รับเป็นจริง ต้นกล้าต้นนี้จะถูกทำให้ล้มหายไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหร่วนหยาง หลายคนที่นั่งอยู่ก็เริ่มมีท่าทางที่แปลกไป ยกเว้นหร่วนหลี่ แต่ทว่าชายวัยกลางคนที่ไม่ค่อยจะชอบหลูมู่หยานมากเท่าไหร่นัก กลับมีหน้าตาที่ดูบึ้งตึงขึ้น
“การเข่งขันของสถาบันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า เรามาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเถิด” หร่วนหลี่มองไปที่ผู้เข้าร่วมประชุม ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจเย็น “อย่าลืมว่าครั้งนี้บิคโกเกี่ยวของกับตัวเลขสถานที่ที่ใช้สอบสวนของจักรพรรดิ เป็นงานที่ภายในยี่สิบปีจะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้ง รูปแบบของอาณาจักรใรทวีปสวรรค์ก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน และราชสำนักของเราก็เป็นหนึ่งในเสาหลักของอาณาจักรหยานโจว ข้าไม่อยากให้ใครใช้เหตุผลส่วนตัวในการระงับความรู้สึกของนักเรียนในสถาบัน”
หลังจากที่พูดจบหร่วนหลี่ก็เหลือบมองไปยังชายวัยกลางคนผู้นั้น หลูมู่หยานได้รับการแต่งตั้งจากทั้งเขา และราชวงศ์ให้ถูกคุ้มครองและฝึกฝน หากใครก็ตามที่ต้องการจะทำร้ายนางก็จะต้องชั่งใจสักนิด
แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไรหากไม่เกี่ยวข้องกับชีวิต และความเป็นความตาย หากหลูมู่หยานต้องการที่จะใช้ทรัพยากรที่พวกเขาจัดหามาอย่างสบายใจ เขาก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งให้พวกเขายอมรับเช่นกัน
ชายวัยกลางคนตกใจ เพราะการที่ถูกมองด้วยสายตาเฉียบคมจากหร่วนหลี่ทำให้ใจของเขาเริ่มสั่นและเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วก็ดูเหมือนว่ายังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดหลูมู่หยานในเร็ว ๆ นี้
“ท่านคิดว่าใครในทีมท้องถิ่นของเราจะโดดเด่น และกลายเป็นสมาชิกของการพิจารณา?” สตรีรูปงามผู้หนึ่งเอ่ย ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าชอบหลูมู่หยาน”
“ทำไมไม่มาพนันกันล่ะ?” บุรุษรูปหล่อที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น “พนันได้เลยว่านางจะสามารถเอาชนะกู่ยันรัน และคว้าแชมป์ท้องถิ่นได้”
“เอาสิ” สตรีผู้มากล้นไปด้วยเสน่ห์เอ่ยขึ้นด้วยความสนใจ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยต่อไปว่า “การเดิมพันอะไรกัน? ข้าชอบหยานเซิงผู้เย่อหยิ่งนะ”
“เราหยิบสมบัติวิญญาณออกมากันไหม? และพนันกันว่าจะแพ้หรือชนะ” บุรุษผู้หนึ่งหยิบดาบสีทองของเขาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับยิ้มอย่างมีนัย “ข้าพนันว่าตึกชนะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะหยิบอาวุธเวทย์มนตร์สำหรับการโจมตีรูปวงแหวนออกมา “ข้าพนันได้เลยว่ากู่ยันรันชนะ” คนสองคนนี้ยังเด็กเกินไปที่จะดูแลตระกูลกู่ และพวกเขาก็ยังเด็กเกินไปที่จะดูแลกู่ยันรัน เพราะเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของกู่ยันรันนั้นไม่ธรรมดา
“ข้าพนันกู่ยันรันด้วย” สตรีหน้าตาธรรมดาหยิบลูกปัดกลมออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
หร่วนหยางกวาดหลิงเป่าบนโต๊ะ ก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่มีหลิงเป่าพิเศษอะไร ข้าสามารถลงเดิมพันด้วยเม็ดยาได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าได้” หลายคนพยักหน้ารับพร้อมกัน เพราะยาของหร่วนหยางนั้นมีค่ามากกว่าหลิงเป่าเสียอีก
เมื่อเห็นว่าสามในห้าคนลงพนันข้างที่จะสามารถบดขยี้หลูมู่หยานได้ หร่วนหลี่จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับส่งรอยยิ้ม และเอ่ยว่า “น่าสนใจหรือไม่? หากหลูมู่หยานชนะ ท่านทั้งสามจะแบ่งของที่ได้มากันอย่างไร?”
“พวกข้าแค่หาอะไรสนุก ๆ ทำ หากหลูมู่หยานชนะก็จะขายเดิมพันหลิงเป่าที่ได้มาโดยหูเฟย และคังรอง และก็เอาเงินไปได้เลย” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่ได้สนใจอะไร เขาเองก็ยังมองหาอะไรสนุก ๆ เพื่อคลายความน่าเบื่อให้ชีวิต
หร่วนหลี่รู้นิสัยของบุรุษผู้นั้นดีว่าไม่ได้กลัวโลกวุ่นวายอะไร ฉะนั้นเขาเลยไม่ได้หยุด และนี่ก็กินเวลามานานแล้วบางคนก็คุ้นเคยดับหูเฟยด้วย
ภายในใจของเขายังมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับหลูมู่หยาน และหวังว่าสตรีผู้นั้นจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
หลูมู่หยานไม่รู้เลยว่าการเข้าร่วมแข่งขันของนางจะถูกนำไปเป็นเดิมพันในการต่อสู้กับนักดาบที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งครึ่งเดือนที่ผ่านมา นางใช้พลังทางจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมในร่างกายเพื่อไปยังฐานการบ่มเพาะของปรมาจารย์ดาบระดับกลาง
มากไปกว่านั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ตันเถียนของนางก็ดูดซับเมฆจิตวิญญาณมาอย่างนับไม่ถ้วน รวมไปถึงความเร็วในการเปลี่ยนพลังทางจิตวิญญาณก็ไม่ได้เร็วเท่ากับการดูดซับ ฉะนั้นนางจึงตัดสินใจทำให้ช้าลง และใช้พลังวิญญาณในร่างกายโจมตีปรมาจารย์ระดับสูงอีกครั้ง
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ฐานการบ่มเพาะของนางมีความเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เอื้อต่อการรับประกันอีกด้วย