ตอนที่แล้วบทที่ 32 คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ซ่งชิอี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 สัตว์ถ้ำโจมตีจู่โจม

บทที่ 33 ไม่มีสิทธิ์


บทที่ 33 ไม่มีสิทธิ์

ลู่เหยาสั่งให้อิซาเบลเดินวนไปมา เดินไปถึงห้ากิโลเมตร

หลังจากมั่นใจว่าซ่งชิอี้ขึ้นรถแล้วจากไปพร้อมนกกระจอก ลู่เหยาก็สั่งให้อิซาเบลกลับไปที่ตรอกอีกครั้ง

เขาเสนอความคิดหนึ่ง "【การสวดภาวนาใกล้ตาย】ของเธอ สามารถเรียกวิญญาณของอวี๋เหยาจากที่นี่ได้ไหม?"

"ได้ค่ะ"

"เธอถาม เธอจะตอบงั้นสิ?"

"ท่านเทพเจ้า ข้าเป็นคำภาวนาต่อทะเลแห่งความตาย วิญญาณตอบสนองต่อทะเลแห่งความตาย ผู้ตายส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานเจตจำนงแห่งทะเลแห่งความตายได้"

คำตอบของอิซาเบลทำให้ลู่เหยาจินตนาการไกลโพ้น

【การสวดภาวนาใกล้ตาย】ก็เป็นความสามารถที่มีศักยภาพในการพัฒนาอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่ตามหาเบาะแสผ่านวิญญาณ โดยทฤษฎีแล้ว หลังจากสังหารศัตรูก็ยังสามารถสอบสวนหลังการต่อสู้ได้

ถ้าคิดถึงทักษะสุดยอดอีกอย่างอย่าง 【ดาบแห่งป่า】 ที่เรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ สร้างสิ่งมีชีวิตจากองค์ประกอบของป่าได้มากมาย... แม้แต่ตัวลู่เหยาเอง ยังรู้สึกว่านี่ผู้ศรัทธาอิซาเบลเนี่ย โหมดเกินไปแล้วหรือเปล่า?

ตอนนี้ อิซาเบลทำพิธีภาวนาในรถเสร็จแล้ว เหมือนตอนที่อยู่ในครัว หมอกสีดำก่อตัวขึ้นเป็นก้อนกลมสีดำ นั่นก็คือผู้ตาย

อิซาเบลสื่อสารแบบเข้ารหัสกับผู้ตาย แล้วอีกฝ่ายก็จางหายไป

"ท่านเทพเจ้า เรื่องมีอยู่ว่า..."

อวี๋เหยาไม่ได้โกหกเกี่ยวกับตัวตนของเธอ เธอมาจากตระกูลทะเลตะวันออกจริงๆ แถมยังเป็นผู้พยากรณ์ที่เพิ่งเกิดใหม่ของตระกูลทะเลตะวันออกด้วย แต่เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงไร้เดียงสาบริสุทธิ์อะไรหรอก

นับตั้งแต่กลายเป็นผู้พยากรณ์ อวี๋เหยาก็เริ่มคิดถึงคำถามหนึ่ง นั่นก็คือเทพเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดกันแน่?

ตระกูลทะเลตะวันออกไม่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้โดยตรง แต่จะได้รับการคุ้มครองจากโทเท็มเทพเจ้า เจตจำนงของเทพเจ้าจะถูกส่งผ่านไปยังตระกูลผ่านผู้พยากรณ์ จากนั้นผู้พยากรณ์จะตีความออกมาเป็นคำพูดที่เผ่าสามารถเข้าใจได้

โดยสรุปแล้ว หน้าที่ของตระกูลทะเลตะวันออกก็คือให้กำเนิดอสูรทะเลเพื่อเทพเจ้า อสูรทะเลเป็นทหารที่เทพเจ้าใช้รบทัพจับศึกในทุกสารทิศ

【ผู้หญิงเปิดทะเล】ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอสูรทะเล

เทพเจ้าคัดเลือกตระกูลทะเลตะวันออก เสาะหาผู้ศรัทธาที่สามารถให้กำเนิดอสูรทะเลที่ทรงพลังได้เมื่อร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น

อย่างไรก็ตาม 【ผู้หญิงเปิดทะเล】เหล่านี้เมื่อออกทะเลไป ถูกเทพเจ้าพาไปแล้วก็จะไม่กลับมา พวกเธอเปราะบางเกินไป เมื่อเข้าไปในโลกของเทพไม่นาน ร่างกายก็จะพังทลาย

อวี๋เหยาค่อยๆ ตระหนักว่า เทพเจ้าไม่ได้สามารถทำได้ทุกอย่าง

ถ้าท่านเทพอีฉีสามารถทำอะไรก็ได้จริงๆ ทำไมยังต้องการให้ตระกูลทะเลตะวันออกที่ต่ำต้อยคลอดอสูรทะเลอยู่ตลอดด้วย? พระองค์สามารถปั้นขึ้นมาจากอากาศได้เลย เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่ในตระกูลคิด ทำการสร้างและให้กำเนิดได้ด้วยมือเปล่า

เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยค่อยๆ งอกงามในสมองของอวี๋เหยา

-- เทพเจ้า บางทีอาจเป็นแค่สิ่งที่มีพลังมากกว่าเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้

ถ้าเข้าไปในโลกของเทพ บางทีอาจจะเปิดโปงความลับของเทพเจ้าได้ก็ได้

หลังจากได้ของวิเศษ 【หินอำพันน้ำตาเลือด】มา ความคิดบ้าๆที่แอบเก็บไว้ในใจของอวี๋เหยาในที่สุดก็คึกคักอยากทำสักที

【หินอำพันน้ำตาเลือด】มีพลังเฉพาะตัวอย่างหนึ่งคือ มันสามารถห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตเอาไว้ ทำให้คนตกอยู่ในภาวะเหมือนตายแต่ยังไม่ตาย ไม่สามารถขยับได้

มองจากภายนอก ก็เป็นแค่ก้อนหินสีเหลืองธรรมดา มองไม่เห็นช่องโหว่ใดๆ

เพียงแค่ร่ายมนต์คาถาบนฝาหอย 【หินอำพันน้ำตาเลือด】ก็ทำให้อำพันละลายได้ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตข้างในกลับคืนสู่สภาพเดิม

อวี๋เหยาทำแผนการกล้าๆ

เธอแอบห่อหุ้มตัวเองด้วยหินอำพัน สมาชิกตระกูลทะเลตะวันออกที่ไม่เข้าใจอะไรทำตามที่เธอสั่งไว้ เอา【หินอำพันน้ำตาเลือด】ไปเป็นเครื่องบูชาให้ท่านเทพอีฉี

ท่านเทพอีฉียอมรับของขวัญชิ้นนี้

อวี๋เหยาใช้ของวิเศษนี้มาสู่โลกที่เทพเจ้าอยู่

เธอไม่แน่ใจว่าท่านเทพอีฉีจะจับได้หรือไม่ จึงไม่กล้าร่ายคาถาเลย

แต่ผ่านหินอำพัน เธอก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของท่านเทพอีฉีแล้ว

นั่นคือชายวัยกลางคนหัวล้าน พุงพลุ้ย พอหัวเราะก็จะมีเสียงแก๊กๆดังออกมาจากคอ ไม่มีความสง่างามและออร่าของเทพเจ้าเลยสักนิด

ความกังวลและยำเกรงที่ยังมีอยู่ในใจของอวี๋เหยา ตอนนี้ก็หายไปจนหมดสิ้น

เมื่อสองปีก่อน ท่านเทพอีฉีหายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่เคยกลับมาที่ห้องอีกเลย

อวี๋เหยาก็ยังไม่กล้าขยับอยู่ดี

โชคดีที่เมื่ออยู่ในหินอำพัน การจำกัดมิติก็ถูกชะลอลงอย่างมากเช่นกัน

จนกระทั่งปีนี้ อวี๋เหยาคิดว่าท่านเทพอีฉีต้องเจอปัญหาบางอย่างแน่ๆ คงไม่สามารถกลับมาในเร็ววันนี้ เธอจึงกล้าออกจากหินอำพัน

แผนต่อไปของอวี๋เหยาคือแย่งที่ท่านเทพอีฉี

เธอซ่อนอยู่ในหินอำพันบนโต๊ะ ก็เห็นชัดมาก

สิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้า ก็แค่ควบคุมอุปกรณ์ที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมและสั่งการมิติต่ำจากมิติสูง

เธอเลียนแบบท่าทางของท่านเทพอีฉี เปิดคอมพิวเตอร์ กรอกรหัสผ่าน

แล้วคลิกไอคอน 《เกมซิมเทพเจ้า》บนโต๊ะ

แต่หลังจากนั้น กลับไม่มีการแสดงแอนิเมชั่นฉากใดๆ

บนพื้นหลังสีดำ ปรากฏตัวอักษรสีขาวบรรทัดหนึ่ง

【ขออภัย คุณไม่มีคุณสมบัติของผู้เล่น】

อวี๋เหยาที่มีความคาดหวังเต็มเปี่ยม ถูกสาดน้ำเย็นใส่หน้าเต็มๆ

เธอพยายามหลายครั้ง ปิดเปิดเครื่อง คลิกไอคอนซ้ำไปซ้ำมา แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม... เธอถูกกีดกันจากขอบเขตนั้นโดยพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น

อวี๋เหยาออกจากที่พำนักของท่านเทพอีฉีอย่างงุนงงสับสน เดินไปตามถนน

ทางข้างหน้าถูกปิดตาย เธอก็ไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลทะเลตะวันออกได้ แน่นอนว่าเธอก็สามารถซ่อนตัวอยู่ในหินอำพันเป็นผู้ตายที่ยังมีชีวิตได้ตลอด แต่แบบนั้นก็จะทำให้การมีชีวิตอยู่สูญเสียความหมายไปโดยสิ้นเชิง

เธอล่อลวงผู้ชายสองคนที่สงสัยว่าเป็นเทพเจ้า แล้วก็ลอบสังหารพวกเขา แต่นี่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสะใจแก้แค้นเลย ก็ไม่สามารถได้มาซึ่งสิทธิ์ของเทพเจ้า ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

อวี๋เหยาที่ชาชินและหมดหวังพเนจรตามถนน เธอก็ได้พบกับโจวเฉียง

จากนั้นก็มีเหตุการณ์ต่อมาอีกมากมาย

เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ได้ฆ่าโจวเฉียง อาจเป็นเพราะโจวเฉียงเป็นผู้ชายคนเดียวที่ให้อาหารแก่เธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ให้เงินเธอ แล้วให้เธอนอนด้วยเงียบๆ

...

ลู่เหยามองหินอำพันสีเหลืองอ่อนเม็ดเล็กในมือ

...

【หินอำพันน้ำตาเลือด】: ศรัทธา +1/ชั่วโมง การร่ายมนต์ "ชาวเมืองเก่าใต้ท้องทะเล จงลืมเสียเถิด จงหลับใหลเถิด" สามารถซ่อนสิ่งมีชีวิตเอาไว้ชั่วคราว เพื่อเลี่ยงพลังแห่งกฎเกณฑ์ การร่ายมนต์ "ผู้ลืมที่ร้องไห้ด้วยเลือด จงกลับมาเถิด จงฟื้นคืนชีพเถิด" สามารถปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในหินอำพันได้

...

สิ่งนี้เป็นไอเท็มที่เน้นฟังก์ชั่น ค่อนข้างง่ายต่อการทำลาย ใช้ได้แค่ในสภาพแวดล้อมบางอย่างเท่านั้น

ลู่เหยาเก็บหินอำพันเงียบๆ

เขาก็มองนามบัตรของซ่งชิอี้อีกที อิซาเบลตรวจดูแล้วว่า กระดาษแผ่นนี้ไม่มีปัญหาอะไร ก็ไม่มีร่องรอยของพลังแห่งศรัทธา เป็นกระดาษถ่ายเอกสารธรรมดา

บนนามบัตรมีแค่บรรทัดเดียว

【ซ่งชิอี้ 189XXXX】

ลู่เหยาเก็บนามบัตรและหินอำพันไว้ในกล่องเดียวกัน ใส่เข้าไปในลิ้นชัก

ตอนนี้มีเรื่องสุดท้ายอีกอย่าง

ลู่เหยาเปิดประตู พบว่าโจวเฉียงยืนอยู่ในครัว

เขามองท้องถนนข้างนอกอย่างเหม่อลอยผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ สูบบุหรี่ทีละมวน ใบหน้าเผยความกระวนกระวายและไม่สงบอย่างเปิดเผย

เห็นลู่เหยาออกมา โจวเฉียงฝืนยิ้มแห้งๆ

"อวี๋เหยาไปเยี่ยมญาติกับญาติผู้หญิงของเธอ อีกสักพักจะกลับมา"

คำพูดนี้เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

ลู่เหยาได้แต่พยักหน้า

"เล่นเกมกันไหม? เล่น Super Smash Bros. สองตาละ" โจวเฉียงเสนอ

"เอาสิ"

แน่นอน

อวี๋เหยาไม่ได้กลับมาอีกเลย

ในครั้งหนึ่งที่เมาหนัก โจวเฉียงหน้าทิ่มโต๊ะพึมพำว่า ชาตินี้จะไม่มีวันคบใครอีกแล้ว วันรุ่งขึ้นเขาก็ย้ายออกไปอีกครั้ง

ลู่เหยาไม่รู้ว่าอวี๋เหยากับโจวเฉียงมีความรู้สึกต่อกันจริงๆหรือเปล่า

ถ้าไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ

ทำไมอวี๋เหยาถึงต้องมาเสียเวลาอันมีค่าในชีวิตไปกับโจวเฉียงด้วย? ทำอาหารให้ ทำความสะอาด ดูแลเขา ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันมาหลายวัน

แต่ไม่ว่าจะถึงตายก็ยังยืนยันว่า ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลย

เฮ้อ ช่างซับซ้อน

น่าเสียดายจริงๆ ฉันไม่เคยมีความรักซักที

ลู่เหยาส่ายหน้า

ยังไงก็ตั้งใจเป็นเทพเจ้าที่ดีแล้วกัน นี่ง่ายกว่ามีความรักมากนัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด