ตอนที่แล้วตอนที่ 55 เหตุใดบุคคลยิ่งใหญ่ถึงถ่อมตน และเคารพ เย่เฉิน ขนาดนี้?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 57 สิ่งที่ทำได้เฉพาะคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้น

ตอนที่ 56 ลงมือด้วยตัวเอง


ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

ในขณะนั้น โลกทัศน์ของพวกเขาแทบจะพังทลาย

บุคคลยิ่งใหญ่ที่เคยสูงส่งในสายตากลับแสดงความเคารพต่อชายหนุ่มคนหนึ่งได้ แม้กระทั่งถ่อมตัว.. นี่มันช่างราวกับฝัน

ถ้าพูดตามตรรกะแล้ว มันควรจะเป็นในทางตรงกันข้ามไม่ใช่เหรอไง?

เพื่อนร่วมชั้นของ ซู หลิงเอ๋อร์ ก็ตกตะลึงเช่นกัน

ซุน ซือหยวน ที่ตอนแรกสิ้นหวัง ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจบนใบหน้า

ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ซู หนิงซวง ก็วางโทรศัพท์มือถือของเธอลง ดูท่าคงไม่จำเป็นต้องโทรหา คุณพ่อ ..แล้ว

เป็นไปตามคาด เมื่อมี เย่เฉิน อยู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

ความรู้สึกปลอดภัยในใจเวลานี้ดูเหมือนจะเต็มเปี่ยม

เมื่อมองไปที่ เย่เฉิน อีกครั้ง.. ในใจของ ซู หนิงซวง พลันเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

ในสถานการณ์นี้นั้น ผู้ที่ไม่สงบที่สุดก็คงหนีไปพ้น ติง เฉิงจื้อ และบรรดาลูกน้องของเขา

ในเวลานี้พวกเขาราวกับเห็นผี ยืนตัวตรงแข็งทื่ออยู่ที่นั่น

ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

บอสเถียน ไม่ใช่ลุงของ คุณชายติง หรือ?

ทำไมเขาถึงไปประจบ เย่เฉิน คนที่พวกเขาไม่คิดจะสนใจได้ยังไงกัน?

พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนี้ แม้แต่ ติง เฉิงจื้อ เองก็ยังตกอยู่ในความสับสน

มันอะไรกันวะ?

ทำไม ลุงเถียน ถึงต้องไปประจบ เย่เฉิน?

คิดจนปวดหัว ติง เฉิงจื้อ ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้

“คุณรู้จักผม?”

เย่เฉิน ถามอย่างสงสัย ขณะมองไปที่ เถียนอู้ ที่ จู่ๆ ก็เข้ามาทักทายเขาอย่างสุภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น.. เขาไม่รู้จัก เถียนอู้ คนนี้

“แน่นอนครับ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมถือว่าโชคดีมากที่ได้พบเห็น ประธานเย่”

เถียนอู้ ตอบกลับอย่างนอบน้อม

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

เขาอยู่ในกลุ่มแขกที่ “กลับลำ”

ทั้งตัวเขา และคนอื่นๆ ในเวลานั้นไม่เชื่อมั่นในตัวของ เย่เฉิน และบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ของเขา

แต่แล้วพวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า ในท้ายที่สุด เหยียน ไป๋เหมย และหม่า เจี้ยนเหวิน ก็ต้องคุกเข่าขอความเมตตาจาก เย่เฉิน

ตอนนั้นทำให้ เถียนอู้ และแขกทุกคนต่างตกตะลึง

แม้ว่า เถียนอู้ จะเป็นคนใหญ่คนโตที่มีสถานะสูง แต่เมื่อเทียบกับ หม่า เจี้ยนเหวิน เขายังห่างไกลอยู่เล็กน้อย

เมื่อเห็น หม่า เจี้ยนเหวิน ยังต้องก้มหัวให้กับ เย่เฉิน พวกเขาก็หันมาเปลี่ยนข้างทันที หวังจะประจบประแจง เย่เฉิน

แต่โชคไม่ดีที่ เย่เฉิน ในเวลานั้นจากไปเสียก่อน พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา

เดิมที หากมันเป็นเพียงแค่นี้ เถียนอู้ ก็ยังไม่ถึงขั้นแสดงความเคารพ เย่เฉิน มากขนาดนี้

เมื่อสองวันก่อน เถียนอู้ ได้ทราบข้อมูลภายในบางอย่างมา

ว่ากันว่าเหตุผลที่ หม่า เจี้ยนเหวิน ก้มหัวให้ เย่เฉิน นั้นเพราะมีบุคคลสำคัญในเมืองเจียงโจวออกหน้า และกดดัน หม่า เจี้ยนเหวิน

บุคคลที่แม้แต่ หม่า เจี้ยนเหวิน ก็ยังไม่กล้าแตะต้อง งั้นอย่าพูดถึงเขา เถียนอู้ เลย..

หากสามารถให้บุคคลสำคัญออกหน้าได้ เถียนอู้ คาดเดาว่า เย่เฉิน นั้นต้องมีทั้งสถานะ และความสัมพันธ์ที่น่ากลัวอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน นั่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องแหงนหน้าขึ้นมอง

ระยะนี้ธุรกิจของเขามีปัญหา เมื่อทราบเรื่องของบุคคลสำคัญเช่น เย่เฉิน

เถียนอู้ ก็เริ่มคิดหาทางเข้าหา เพื่อผูกมิตรกับ เย่เฉิน

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เถียนอู้ จึงกำลังคิดหาวิธีว่าจะเข้าพบ เย่เฉิน อย่างไรดี

ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้เมื่อมาพักผ่อนเดินเล่นในวิลล่าคืนนี้ กลับพบเจอ ..เย่เฉิน เข้าโดยบังเอิญเช่นนี้ไปได้

เมื่อพบโอกาสทองเช่นนี้ เถียนอู้ ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป จึงเกิดเหตุการณ์ที่เห็นอยู่เมื่อครู่

“ประธานเย่ สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ เถียนอู้ และผมเป็นเจ้าของป๋ายอวิ๋น ฮิลส์ รีสอร์ท แห่งนี้ครับ”

เถียนอู้ กล่าวแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ

“ที่แท้ก็คือ บอสเถียน”

เนื่องจากคนอื่นมีความสุภาพมาก เย่เฉิน จึงตอบรับไปอย่างสุภาพเช่นกัน

“อย่าเรียกว่า บอสเถียน เลยครับ ประธานเย่ เรียกผมว่า เถียนอู้ ก็พอ”

เถียนอู้ พูดตอบกลับ

เจ้าของป๋ายอวิ๋น ฮิลส์ รีสอร์ท?!

ชายวัยกลางคนคนนี้คือเจ้าของที่นี่อย่างงั้นเหรอ?!

หลังจากได้ยิน เถียนอู้ แนะนำตัวเอง ทุกคนก็เข้าใจ

รีสอร์ทอย่าง ป๋ายอวิ๋น ฮิลส์ รีสอร์ท ไม่ต้องพูดถึงในเมืองเจียงโจว หากกล่าวทั้งมณฑลที่นี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในรีสอร์ทระดับชั้นนำ

ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นคนใหญ่คนโตจริงๆ

แม้จะเป็นคนใหญ่คนโตเช่นนี้ แต่เขากลับให้ความเคารพต่อ เย่เฉิน มากถึงเพียงนี้

นี่มัน.. น่ากลัวเกินไปแล้ว

“ลุงเถียน เขาเป็นใคร?”

ติง เฉิงจื้อ เริ่มตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ชายหนุ่มชื่อ เย่เฉิน คนนี้ ดูเหมือนจะเป็นบุคคลสำคัญ

เขาเตะแผ่นเหล็กเข้าให้จริงๆ แล้ว

“เขาคนนี้คือ เย่เฉิน, ..ประธานเย่”

เถียนอู้ กล่าวแนะนำ จากนั้นถามด้วยความสงสัยว่า :

“ว่าแต่ เมื่อกี้กำลังคิดจะทำอะไรกับ ประธานเย่?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ดวงตาของ ติง เฉิงจื้อ พลันมืดลง แทบจะเป็นลมสลบไปด้วยความตกใจ

เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรกลับไปดี

เขาจะบอกได้อย่างไรว่า พวกเขาเกือบจะทำร้าย ประธานเย่ ที่ว่านี่?

เมื่อเห็นความผิดปกติของ ติง เฉิงจื้อ เถียนอู้ เองแทบหน้าถอดสี

หลังจากนึกไปถึงภาพที่พวก ติง เฉิงจื้อ ปิดล้อม ประธานเย่ เมื่อครู่ เขารู้สึกถึงลางร้าย

มันคงไม่ใช่ว่า…

เถียนอู้ รู้ดีว่า ติง เฉิงจื้อ เป็นคนอย่างไร ใจของเขาก็เริ่มวิตกกังวลทันที

“คุณ เล่ามาเกิดอะไรขึ้น?”

เถียนอู้ ชี้ไปที่พนักงานที่อยู่ข้างๆ เขาพลางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านาย พนักงานย่อมไม่กล้าปิดบัง ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดไป

หลังจากฟังจบ เถียนอู้ พลันมีใบหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธ

ในรีสอร์ทของเขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?

ไอ้เวรเอ้ย!

เถียนอู้ โกรธมากจนแทบจะระเบิด เขาก้าวขึ้นไปเตะ ติง เฉิงจื้อ อย่างแรง

ตุ้บ!

ติง เฉิงจื้อ ที่ถูกเตะกลิ้งล้มลงไปนอนกับพื้นข้างๆ อย่างแรง

“ลุงเถียน..ลุงเถียน ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว”

ติง เฉิงจื้อ ที่ตระหนักว่าได้ก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว รีบร้องขอความเมตตาครั้งแล้วครั้งเล่า

“แกมาขอโทษฉันแล้วมันมีประโยชน์อะไร รีบไปขอโทษ ประธานเย่!”

เถียนอู้ ตะโกนดุด่าเสียงดัง

ติง เฉิงจื้อ รีบวิ่งเข้าไปหา เย่เฉิน และก้มหัวคุกเข่าขอโทษไม่หยุด

แม้เขาจะไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของ เย่เฉิน แต่การที่ เถียนอู้ แสดงความเคารพเช่นนี้ สถานะของอีกฝ่ายนั้นต้องน่ากลัวอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลนี้คือคนที่เขาไม่สามารถแตะต้องได้

ความจริงแล้ว พ่อของ ติง เฉิงจื้อ ก็ยังด้อยกว่า เถียนอู้ อยู่เล็กน้อย

เมื่อเห็น ติง เฉิงจื้อ คุกเข่าแล้ว และลูกน้องของเขาก็รีบเข้ามาคุกเข่าขอโทษ เย่เฉิน ไม่หยุดเช่นกัน

“ขอโทษ.., ถ้าคำขอโทษมีประโยชน์ แล้วเหตุใดเราต้องมีตำรวจไว้ทำไม?”

เย่เฉิน ถามกลับเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

ทันใดนั้น ติง เฉิงจื้อ และลูกน้องต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น

เถียนอู้ รู้ว่าครั้งนี้ ประธานเย่ โกรธจริงๆ

และจะปล่อยให้แค่ขอโทษคงจะไม่ได้แน่นอน

เถียนอู้ กระซิบกับเลขาของเขา เลขารีบเดินเข้าไปในวิลล่า ไม่นานก็นำแท่งเหล็กออกมาจากวิลล่า

เถียนอู้ เหลือบมองส่งสายตาให้เลขาของเขา แล้วเลขาก็โยนแท่งเหล็กในมือให้กับ ติง เฉิงจื้อ ไป

“คราวที่แล้วพ่อของแกบอกว่า ถ้าแกกล้าสร้างปัญหาอีกล่ะก็.. เขาจะหักขาแกข้างหนึ่ง”

เถียนอู้ พูด

ถึงแม้ เถียนอู้ อยากอยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรีสอร์ทของเขา เขาจึงต้องมีส่วนรับผิดชอบมากเช่นกัน

เถียนอู้ จึงพยายามคิดหาทางออกอย่างเต็มที่เพื่อระงับความโกรธของ ประธานเย่

“วันนี้แกทำให้ ประธานเย่ โกรธ แกก็ควรจะลงมือทำด้วยตัวเอง”

เถียนอู้ พูดขึ้น

“อะไรนะ?”

ใบหน้าของ ติง เฉิงจื้อ ซีดลงทันที ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างช่วยไม่ได้

หากว่าตามที่ ลุงเถียน ..พูด เขาต้องหักขาตัวเองข้างหนึ่ง?

“ไม่ ไม่”

ติง เฉิงจื้อ ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าแกไม่ทำ ให้ฉันบอกให้พ่อแกทำไหม?”

เถียนอู้ ถาม

“อย่า อย่า”

ได้ยินดังนั้น ติง เฉิงจื้อ รีบส่ายหัว หากพ่อของเขามา เขาอาจโดนหักขาทั้งสองข้าง

ติง เฉิงจื้อ มองไปที่ เย่เฉิน

“ประธานเย่ ขอโทษครับ ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมมีใบไม้หนึ่งบังตา มองไม่เห็นไท่ซาน ผม..ผมผิดไปแล้ว”

“ผมยินดีจะหักขาตัวเองข้างหนึ่ง เพื่อขอโทษคุณ”

หลังจากพูดอย่างนั้นจบ ติง เฉิงจื้อ กัดฟันแน่น ฟาดแท่งเหล็กในมือลงไปอย่างแรง

“อ๊าก...”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น ขาขวาของ ติง เฉิงจื้อ หักเพราะเขาฟาดมันลงไปด้วยตนเอง

“และพวกแกเองด้วย”

เถียนอู้ หันไปสั่งลูกน้องของ ติง เฉิงจื้อ โดยตรง

พอเห็น ติง เฉิงจื้อ ทำแล้ว ดังนั้นเหล่าลูกน้องของเขาจึงไม่กล้าขัดขืน และลงมือจัดการกับตัวเองเช่นกัน

แต่ชายผอมที่เสนอให้ทิ้งผู้หญิงในกลุ่มของ เย่เฉิน ก่อนหน้านี้ เพราะความกลัวเกินไปจึงลงมือพลาด

ผลลัพธ์ที่ได้คือเรื่องเลวร้ายอย่างที่สุด… (ไก่ก็หนี ไข่ ..ก็แตก)

(1)[ไก่ก็หนี ไข่ก็แตก(鸡飞蛋打)] - คำอุปมาสำหรับการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด