ตอนที่แล้วตอนที่ 15 การขัดแย้งอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 นุ่มนวลและหอมหวาน  

ตอนที่ 16 ประธานจางเรียกพบ


ตอนที่ 16 ประธานจางเรียกพบ

ในเวลานี้ซ่งลุ่ยก็ข่มความรู้สึกแปลก ๆ ของตัวเองแล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เขาตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่จนร้องครางออกมา เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร เมื่อคืนวานก็เพิ่งจะสนองความต้องการอย่างเต็มอิ่ม ตอนนี้จะมายอมให้ขายหน้าได้เหรอ ถึงนี่จะไม่ใช่เวลาสำคัญที่จะมาคิดเรื่องแพ้ชนะ แต่นี่มันก็น่าอับอายมาก ! ยังโชคดีที่วันนี้เขาใส่กางเกงตัวใหญ่มา จึงยังพอปิดปังความอับอายไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องขายหน้าต่อหน้าฮงเหมยจริง ๆ

ในเวลานี้ฮงเหมยก็รู้สึกว่าเสียเวลามากมากพอแล้ว เธอจึงพูดกับซ่งลุ่ยว่า

“ซ่งลุ่ย เร็วหน่อย รีบจัดการตัวเองแล้วมากับฉัน ไม่งั้นนายจะหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิจากประธานจางไม่ได้ !”

เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนี้ก็รู้สึกว่าอยากจะร้องไห้  ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดถึงสภาพปัจจุบันของเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการระงับอารมณ์ความปรารถนาของตัวเองก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปลอบขวัญของน้องชายน้อยของเขาให้สงบลงเสียก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นตอนไปพบกับจางชูหยา มันจะดูไม่ดีและอาจจะทำให้เห็นว่าเขานั้นไม่มีมารยาท !

เมื่อฮงเหมยเห็นว่าซ่งลุ่ยยังคงจัดการตัวเองอยู่ ก็พูดกับซ่งลุ่ยว่า

“นายจัดการตัวเองไปก่อนนะ ฉันจะออกไปดูก่อน ครั้งนี้ปล่อยให้ประธานจางรอนานเกินไปแล้ว ฉันจะไปดูลาดเลาให้นายก่อน แล้วรอฉันโทรมาหาแล้วนายค่อยไป” พูดจบก็ยิ้มให้ซ่งลุ่ยและไม่รอให้เขาตอบกลับ แล้วผลักประตูออกไป

ซ่งลุ่ยเห็นท่าทางแบบนั้น ในใจของเขาก็มีความสุข ในใจของเขาบอกว่าเขายังคงดูมีเสน่ห์และยังมีเสน่ห์มากพอตัว ! ไม่อย่างนั้นฮงเหมยจะมาห่วงใยเขาทำไม ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็หัวเราะเบา ๆ และเริ่มจัดการกับตัวเอง !

หลังจากจัดการตัวเองให้เหมาะสมแล้ว ซ่งลุ่ยก็รู้สึกเบื่อหน่ายมาก เพราะว่าฮงเหมยเพิ่งจะบอกให้เขารอโทรศัพท์ เขาถึงจะสามารถไปได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเรื่องอื่นให้เขาทำแล้ว หลังจากทำงานที่เหลือค้างเมื่อวานแล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรให้คิดอีก ดังนั้นซ่งลุ่ยที่หมดอารมณ์ทำอย่างอื่น สายตาก็มองไปที่คำแนะนำทักษะสายตาพันลี้ของตัวเอง เมื่อเขาได้รับทักษะนี้มาเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าทักษะสายตาพันลี้นี้เป็นสิ่งที่ไร้ค่าจริง ๆ เขาดูมันอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายยังไม่ต้องพูดหรือถามอะไรนะ ปล่อยให้นายค้นพบด้วยตัวเองสักหน่อย นี่คือเนื้อหาที่ตกหล่นที่บอกว่าในเวลาปกติก็ไม่สามารถใช้ได้ การใช้ทักษะนี่จะมีผลกระทบต่อสายตา ไม่เพียงแต่การนำไปใช้จริงจะทำให้คนอื่นรู้สึกดี จะสามารถดึงดูดความสนใจของคนอื่นก็เท่านั้นเอง

เมื่อซ่งลุ่ยอ่านมาถึงตรงนี้ เขาหมดคำที่จะพูดออกมาสำหรับทักษะนี้ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ขณะที่ซ่งลุ่ยคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่ทางมือขวาของเขาก็ดังก้องขึ้น  ซ่งลุ่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ลังเลแล้วแนบไปที่หูของเขา ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากออกมา ทางด้านปลายสายส่งเสียงออกมา

“ฮัลโหล นั่นซ่งลุ่ยหรือเปล่า ?”

ซ่งลุ่ยมึนงง ในใจเกิดความลังเลขึ้นแต่ก็ตอบไปว่า

“ใช่ ฉันคือซ่งลุ่ย เลขาฮงมีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ?”

“ประธานจางรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศ มีเรื่องจะสั่งคุณ กรุณารีบมาในทันที”

“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ฉันรบกวนเลขาฮงมาก”

ฮงเหมยหัวเราะเบา ๆ ในสายแล้วตอบกลับซ่งลุ่ยว่า

“เลขาซ่ง คุณไม่ต้องเกรงใจ ทั้งหมดนี่ก็เพื่อเรื่องของประธานจาง เอาล่ะ ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบมาเถอะ ดูท่าประธานจางแล้วเหมือนจะรีบมาก ฉันจะวางสายก่อน”

หลังจากฮงเหมยพูดจบ เธอก็ไม่รอให้ซ่งลุ่ยตอบกลับและวางสายโทรศัพท์ไปก่อน ซ่งลุ่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วดูด้วยสีหน้ามึนงง เขาส่ายหัวไปมา ในใจก็มีความรู้สึกที่อธิบายออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาวางโทรศัพท์ไปที่ตำแหน่งเดิม นั่งลงที่เก้าอี้แล้วแหงนหน้ามองบนเพดานด้วยความใจลอย เป็นแบบนี้ไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเปิดประตูออกไป

ซ่งลุ่ยที่เดินอยู่ตรงทางเดินไปยังที่ห้องทำงานของจางชูหยาด้วยรอยยิ้มผ่อนคลายและสงบ มองไม่เห็นถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เมื่อถึงห้องทำงานของจางชูหยา ซ่งลุ่ยก็ยืนที่หน้าประตูแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองดูตัวเองสามสี่ครั้งก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เคาะประตูเบา ๆ สองทีก็ได้ยินเสียงของประธานจางในทันที

“เข้ามาได้”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินคำสั่งนั้น เขาก็ผลักประตูและเห็นว่าจางชูหยากำลังมองดูเขาด้วยสีหน้าเย็นชา ฮงเหมยก็ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่กลับมองมาทางซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหมายอย่างลึกซึ้ง เธอแอบส่งสายตาเพื่อบอกเป็นนัยบางอย่างให้ซ่งลุ่ย ทันใดนั้นซ่งลุ่ยก็เข้าใจอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงถามจางชูหยาออกไป

“ประธานจาง ผมคือเสี่ยวซ่ง คุณเรียกผมมามีเรื่องอะไรครับ ?”

จางชูหยาจับตาดูซ่งลุ่ยตั้งแต่เขาเดินเข้ามาแล้ว ในใจก็อยากจะทดสอบปฏิกิริยาของซ่งลุ่ยเมื่อถูกเรียกตัวมาพบ ตอนนี้พอมองดูแล้วก็ยังดี ยังนับว่าใช้ได้ เมื่อจางชูหยาได้ยินซ่งลุ่ยถามแบบนั้น ก็ตอบกลับซ่งลุ่ยไปว่า

“ฉันเรียกนายมาก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ต้องการถามว่านายปรับตัวเข้ากับตำแหน่งนี้ได้หรือยัง”

“เรื่องที่ประธานจางถาม ผมจะขอพูดอย่างไม่ปิดบังคุณละกัน เมื่อก่อนผมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คุณย้ายผมมาที่ตำแหน่งงานใหม่อย่างกะทันหัน แน่นอนว่าความเข้าใจในตำแหน่งงานใหม่ ผมยังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก ดังนั้นการทำงานในขั้นต้นก็ทำได้เพียงผิวเผิน ยังโชคดีที่ตอนกลางวันยังได้คำแนะนำจากเลขาฮง ถ้าไม่อย่างงั้นงานที่คุณมอบหมายมาให้คงไม่สำเร็จลุล่วงไปได้”

จางชูหยายิ้มเล็กน้อยและพูดกับซ่งลุ่ยเบา ๆ ว่า

“สถานการณ์ของนาย เลขาฮงได้พูดกับฉันแล้วเมื่อวานนี้ ดังนั้นฉันจึงเรียกนายมา วันนี้ฉันมีงานใหม่มาให้นาย นายลองทำดูก่อน หลังจากนั้นค่อยบอกว่านายไหวหรือเปล่า นายกล้าที่จะยอมรับกับความท้าทายนี้หรือเปล่า ?”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยิน ในใจก็บ่นพึมพำออกมา ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของจางชูหยาที่พูดออกมานั้นจะดูผ่อนคลาย แต่ว่าซ่งลุ่ยยังคงได้มองเห็นแผนการร้ายอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ทำงานเหรอ แล้วมันเกี่ยวข้องกับความท้าทายยังไง แต่ทันที่ที่ซ่งลุ่ยคิดได้ถึงตรงนี้ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ! เขาคือพนักงานและเธอคือเจ้านาย จะสั่งให้เขาทำงานอะไรมันก็ถูกต้องอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบจางชูหยาไปว่า

“ประธานจาง ไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไร ผมไหวแน่นอน ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น !”

หลังจากที่จางชูหยาได้ยินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดังนั้นจึงค่อย ๆ แนะนำรายละเอียดให้ซ่งลุ่ยฟัง บริษัทเหวินฮว่าแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจบริษัทของจางชูหยานั้นไม่สามารถประเมินค่าได้ บ้านที่มีอยู่ในครอบครองแต่ไม่ได้มีผู้อยู่อาศัย เพื่อหาประโยชน์เข้าบริษัทอย่างเต็มที่ ดังนั้นบริษัทก็เลยนำเอาบ้านเหล่านั้นไปปล่อยเช่าให้แก่ผู้ที่ต้องการ แต่ว่าคนที่กล้ามาเช่าบ้านของบริษัทเหวินฮว่านั้นจะไม่ใช่คนประเภทเสือสิงห์กระทิงแรดหรืออย่างไร ? พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงอำนาจในเมืองนี้ แต่มันยากมากที่จะสร้างชื่อเสียงในเมืองนี้ จึงเห็นชัดเจนว่าคนเหล่านี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายขนาดไหน

แต่คนเหล่านี้นั้นมีนิสัยที่ไม่ดี อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัญหาที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น เพราะพวกเขาทั้งหมดชอบหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าเช่า ทุกครั้งที่ไปเก็บก็ต้องรอจนกว่าจะไม่สามารถผัดผ่อนไปได้ถึงจะยอมจ่ายค่าเช่า จนท้ายที่สุดก็ชักดาบ  ดังนั้นครั้งนี้จางชูหยาจึงอยากให้ซ่งลุ่ยไปเก็บค่าเช่า

ซ่งลุ่ยตกอยู่ในห้วงความคิด แต่คิดวนไปวนมาอีกครั้ง ในเมื่อประธานจางมอบหมายให้เขาไป เขาจะไม่ยอมไปได้เหรอ ? ยอมทำเองดีกว่าถูกสั่งให้ทำเยอะเลย ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้าเขาเองก็ให้คำรับรองที่เต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงและน่าเชื่อถือกับทุกคนไว้ ถึงตอนนี้มันจะผิดพลาดเลยมานิดหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการมอบหมายโดยตรงจากเจ้านายของเขาอีกด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็พูดกับประธานจาง

"นี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีปัญหาครับ ประธานจางวางใจได้เลย ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแน่นอน”

หลังจากที่จางชูหยาได้ยิน เธอก็พึงพอใจกับคำตอบของซ่งลุ่ยมาก เธอจึงพยักหน้าช้า ๆ และยิ้มให้กับซ่งลุ่ย

“คำพูดของนายทำให้ฉันโล่งใจ เอาล่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับไปเตรียมตัวรับมือเถอะ จำไว้ ต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลวเด็ดขาด !”

ซ่งลุ่ยได้ยินว่าจางชูหยาบอกให้เขากลับไป เขาจึงโค้งคำนับให้จางชูหยาอย่างเคารพ ก่อนจะหันหลังและเดินออกไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด