ตอนที่ 15 การขัดแย้งอีกครั้ง
ตอนที่ 15 การขัดแย้งอีกครั้ง
ซ่งลุ่ยบิดขี้เกียจไปที่ด้านหน้าของหน้าต่างแล้วมองไปที่ผู้คนเข้ามาและออกไปของเมืองเหวินฮว่าผ่านทางหน้าต่าง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าอยู่ภายในใจ ถ้าหากเขาไม่ได้มีระบบการมองทะลุปรุโปร่ง บางทีเขาอาจะเป็นหนึ่งในคนพวกนี้ก็ได้ ที่พวกเขาต้องทำงานอย่างเหนื่อยยากลำบากเพื่อมาหาเลี้ยงตนเอง เฮ้อ ทั้งหมดนี่คือโชคชะตาสินะ !
หลังจากบิดขี้เกียจเสร็จก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องทำงานอีกครั้ง และทำงานที่เขาไม่เข้าใจเมื่อวานนี้ เพราะการสอนของหลินหลินเมื่อคืนที่ผ่านมา เอ่อ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการสอนจะไปจบลงที่บนเตียงก็ตามที แต่ว่ากระบวนการและวิธีการทำงานนั้นเขาก็ได้ฟังมาทั้งหมด ตอนนี้จะมากหรือจะน้อยก็ต้องมีความทรงจำหลงเหลืออยู่ในหัวอยู่บ้าง
เขาเปิดเอกสารของเมื่อวานแล้วทำมันอย่างจริงจัง ตอนแรกเริ่มต้นด้วยความไม่คุ้นเคย แต่ว่าตอนนี้กลับรู้ดีว่าจะต้องทำมันอย่างไรและทำมันทีละขั้นตอน ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่เขาก็ตกอยู่ในห้วงของความสุขในการทำงาน
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู “ก๊อก ๆ ๆ” ซ่งลุ่ยย่นหัวคิ้วและมองไปดูเวลาที่นาฬิกา เขาหยุดการทำงานและเอ่ยปากพูด
“เชิญเข้ามา”
ก็เห็นใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของฮงเหมยเดินเข้ามา เขาก็มองไปที่เธอด้วยสายตาที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของซ่งลุ่ย ฮงเหมยก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ! เธอรู้สึกว่าสายตาของซ่งลุ่ยนั่นน่าหลงใหลมาก ดูเหมือนไม่สะดุดตา เรียบง่ายมาก ๆ แต่ว่าไม่ระวังไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะมันเหมือนกับทะเลสาบลึกล้ำที่ทำให้ผู้คนละสายตาออกมาไม่ได้ !
ฮงเหมยสังเกตซ่งลุ่ยอย่างเงียบ ๆ และดวงตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความร้อนแรงแผดเผา ! ซ่งลุ่ยสังเกตแววตาที่ร้อนแรงของฮงเหมยก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและก็ไม่กล้ามองหน้าเธอ แล้วระหว่างสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยก็พูดว่า
“เอ่อ ฮงเหมย มีอะไรเหรอ ?”
ฮงเหมยก็พูดด้วยท่าทางที่ไม่พอใจทันที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็จะมาหาไม่ได้เหรอ ?”
ซ่งลุ่ยสะอึกและพูดอะไรไม่ออกเลย แต่เขาก็ยังพูดต่อว่า
“แน่นอน มาหาได้สิ !”
ฮงเหมยพูดว่า “ดูท่าทางของนายแล้ว นายมองเห็นว่าฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ หึ ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปทางอื่น ไม่มองไปที่ซ่งลุ่ยอีก
เมื่อฮงเหมยแสดงอาการแบบนั้นก็ทำให้ซ่งลุ่ยรู้สึกเก้อเขิน พูดก็ไม่ได้ ไม่พูดก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องก่อนหน้านี้ก็เลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้แล้ว เรื่องนี้มันก็แค่เริ่มไปนิดหน่อย ถ้าเรื่องมันสำเร็จไปแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องมานั่งเก้อเขินกันอีก แต่เขาก็ละอายใจกับฮงเหมยอยู่ดีและไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งสองจึงไม่พูดกันอีกครั้ง บรรยากาศก็เงียบลงไปอีก
เมื่อฮงเหมยเห็นซ่งลุ่ยทำท่าทางเช่นนั่น เธอก็ทนที่จะแกล้งเขาต่อไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จะโทษซ่งลุ่ยฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ และเธอก็ยังอยากที่จะพึ่งพาเขาในอนาคตอีกด้วย !
ฮงเหมยแสยะยิ้มอย่างซุกซนแล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันไม่ล้อเล่นกับนายแล้ว ประธานจางเรียกนายไปพบ” พูดจบ ก็เอามือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกแล้วมองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยความสนใจ เพื่อมองดูว่าซ่งลุ่ยจะมีปฏิกิริยายังไง
ซ่งลุ่ยที่ได้ยินว่าประธานจางเรียกตัวเองไปพบก็ตัวสั่นขึ้นมา ในใจก็มีความคิดผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ตัวเขาเองเพิ่งจะมาทำงานในตำแหน่งนี้ได้แค่หนึ่งวัน จะต้องออกจากตำแหน่งนี้แล้วเหรอ ? เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา หรือว่าเมื่อวานนี้ที่ไปกวนโมโหเฉินอันแล้วประธานจางไม่พอใจ ? ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอะไร ยังไงก็ต้องไปพบ อย่างมากก็แค่เริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ ถึงจะมีระบบนี้อยู่แล้ว ฉันยังคงเป็นคนปกติใช่มั้ย ? อยู่ที่ไหนก็ยังเป็นชายอกสามศอก !
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาของฮงเหมยที่กำลังกอดอกและมองมาทางเขาด้วยความสนใจ ซ่งลุ่ยก็คิดออกได้ทันที เขาสามารถถามกับฮงเหมยถึงสาเหตุที่ประธานจางเรียกเขาได้นี่ อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้ เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย ! เมื่อตัดสินใจแล้ว ซ่งลุ่ยก็หันหน้าไปถามฮงเหมยว่า
“ฮงเหมย เธอรู้ไหมว่าประธานจางเรียกฉันไปมีเรื่องอะไร ?” พูดจบก็แสดงสีหน้าขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจนไปให้ฮงเหมย
ฮงเหมยที่กำลังกอดออกมองซ่งลุ่ยแสยะยิ้มออกมาและพูดหยอกล้อกับซ่งลุ่ยว่า
“ฉันคิดว่านายไม่ควรมาถามฉันนะ และอีกอย่าง ทำไมฉันต้องบอกนาย ถ้าบอกนายไปแล้ว ฉันจะได้อะไรเหรอ ?”
ประโยคนี้ทำให้ซ่งลุ่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ในใจของเขากำลังไตร่ตรองว่าไม่ใช่ว่าเธออยากจะมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสความหวานก่อน !
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ซ่งลุ่ยก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เดินไปสองสามก้าวก็ถึงตรงหน้าของฮงเหมยแล้ว ยังไม่ทันรอให้ฮงเหมยมีปฏิกิริยากลับมา ก็คว้าฮงเหมยเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม
ฮงเหมยที่ถูกล่วงเกินด้วยการกระทำอันอุกอาจแบบนั้นก็นิ่งตะลึงงันไป ในใจทั้งตกใจและมีความสุข เดิมทีซ่งลุ่ยไม่ใช่คนที่จะมาเริ่มต้นก่อนอะไรแบบนี้ เธอก็เลยแกล้งโง่ต่อไป ถ้ายังเป็นอย่างนี้สุดท้ายแล้วก็เข้าแผนของเธอ !
ฮงเหมยตอบรับการกระทำของซ่งลุ่ยอย่างกระตือรือร้น ลิ้นของทั้งสองคนตวัดกันไปมาในปากราวกับปรมาจารย์กระบี่ฝีมือสูงส่งที่อยู่ที่ภูเขาหัวซานอย่างไรอย่างนั้น ฮงเหมยกำลังคิดถึงการกระทำต่อไปของซ่งลุ่ยว่าเธอจะรับมือกับมันอย่างไรดี แต่ว่าในเวลานี้ซ่งลุ่ยกลับหยุดการกระทำลง ฮงเหมยแสดงสีหน้าท่าท่าไม่พอใจมองไปที่ซ่งลุ่ย อยากให้ซ่งลุ่ยทำข้อตกลงกับเธอ ทำข้อตกลงผูกมัดกับเธอในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
แต่ในใจของซ่งลุ่ยกลับคิดไปเป็นอย่างอื่น เขาเพิ่งจะทำเรื่องอย่างว่ากับหลินหลินเสร็จมา จะมาทำอะไรต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก ในใจก็รู้สึกละอายจนทำตัวถูก อีกด้านหนึ่งเมื่อคืนเขาก็ทำงานมาอย่างหนัก ตอนนี้เลยไม่มีอารมณ์จะทำต่อ ดังนั้นตอนนี้แค่ให้ฮงเหมยลิ้มรสความหวานจากจูบน่าจะดีกว่า ไม่สามารถปล่อยให้ฮงเหมยดำเนินแผนการเลวร้ายของเธอให้สำเร็จได้ !
เมื่อมองฮงเหมยในอ้อมกอดที่กำลังแสดงใบหน้าที่ไม่พอใจมองมาที่ตัวเอง ซ่งลุ่ยก็ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความขอโทษและสำนึกผิดมองไปที่ฮงเหมย แล้วพูดอย่างขอโทษ
“เรื่องแบบนี้พวกเรามีโอกาสสานต่อได้ในอนาคต ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เมื่อกี้เธอไม่ได้พูดว่าประธานจางเรียกหาฉันเหรอ ปล่อยให้เธอรอนาน ๆ จะไม่ดี เธอว่าถูกต้องไหม ?”
ที่จริงแล้วฮงเหมยเห็นด้วยกับสิ่งที่ซ่งลุ่ยพูด แต่ในใจของเธอกลับไม่เต็มใจที่จะฟัง เธอยังคงอยู่ในอ้อมแขนของซ่งลุ่ยแล้วพูดอย่างกระเง้ากระงอด
“ฉันไม่สนหรอก ! ตอนนี้นายทำให้ฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉันรู้สึกไม่ดีเลย !” พูดจบ ก็ใช้ใบหน้าที่ออดอ้อนมองไปที่ซ่งลุ่ย สายตานั่นเหมือนกับกำลังจะช่วงชิงวิญญาณของเขาอย่างไรอย่างนั้น !
ซ่งลุ่ยยิ้มออกมาอย่างจนปัญญาและพูดกับฮงเหมยด้วยน้ำเสียงที่รื่นหูว่า
“ดูสิ เธอเอาแต่ใจขึ้นมาอีกแล้ว นิสัยของประธานจาง เธอเองก็รู้ นิสัยที่ไม่ชอบอะไรอืดอาดยืดยาดของประธานจาง เธอน่าจะรู้ชัดเจนยิ่งกว่าฉัน ! อีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่ที่เธอมาหาฉัน มันก็ผ่านมาสักพักแล้ว เธอลองคิดดู ตอนนี้พวกเราควรจะทำต่อไปเหรอ ?”
เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดอย่างนี้ก็รู้สึกว่าให้พยายามต่อไปแค่ไหนมันก็ไม่มีความหมาย เธอจึงลุกขึ้นออกจากวงแขนของซ่งลุ่ยและกำหมัดชกออกไปเบา ๆ ที่อกของซ่งลุ่ย และเลื่อนปากไปที่หูของซ่งลุ่ยแล้วพูดด้วยลมหายใจร้อน ๆ
“นายมันเป็นคู่รักคู่แค้นของฉัน !” พูดจบก็เลียไปที่ใบหูของซ่งลุ่ย ไม่ง่ายเลยที่ซ่งลุ่ยจะทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ เธอหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่มือยังกำอยู่ที่ระหว่างขาของซ่งลุ่ย
ซ่งลุ่ยดูเขินอายเมื่อฮงเหมยทำแบบนั้น น้องชายน้อยของเขาก็แข็งสู้มือของฮงเหมยเช่นกัน