ตอนที่ 14: เนโครแมนเซอร์อันดับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์
ตอนที่ 14: เนโครแมนเซอร์อันดับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์
นอกเมืองพายุฟ้าคะนองคือพื้นที่การฝึกเลเวล 1015
ทุกหนแห่งมีสไลม์เลเวล 10 กับก็อบลินพเนจรเลเวลสิบห้า
ต่างจากมอนสเตอร์สัตว์ร้ายในพื้นที่มือใหม่ เจ้าพวกนี้ล้วนเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำที่สามารถดรอปแกนคริสตัลเวทมนตร์กับของอย่างอื่นบนร่างกายได้ ซึ่งสามารถนำไปแลกเป็นเงินในร้านค้าเมืองหลักจนกลายเป็นแหล่งรายได้ปัจจุบันสำหรับผู้เล่น
บริเวณด้านนอกประตูเมือง กลุ่มผู้เล่นกำลังไล่ล่าฟาดฟันมอนสเตอร์
ที่ทางเข้าพื้นที่ผู้ลี้ภัยใต้กำแพงเมืองเป็นจุดฝังศพของเมืองพายุฟ้าคะนอง
สกิลอัญเชิญโครงกระดูกของหวังยวนไปถึงเลเวลสอง นอกจากทหารโครงกระดูกสองตัวอย่างต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋แล้วก็ยังสามารถอัญเชิญทหารโครงกระดูกได้อีกหนึ่งตัว ด้วยเหตุนี้ถึงได้มุ่งตรงไปยังจุดฝังศพ
“สหาย คุณกำลังจะทำอะไรน่ะ?”
ทันทีที่หวังยวนเข้าใกล้จุดฝังศพ ผู้เล่นวอริเออร์จำนวนมากได้เข้ามาขวางหวังยวน โดยชายหัวล้านซึ่งเป็นผู้นำจับจ้องหวังยวนกับโครงกระดูกทั้งสองพลางเอ่ยถาม
“หาเด็กน้อยน่ะ” หวังยวนแสดงตัวตนของตนเองในฐานะเนโครแมนเซอร์ทันที
“จุดฝังศพแห่งนี้อยู่ในการถือครองของพวกฉันสมาคมมังกรดำ ช่วงนี้หนึ่งเหรียญเงินต่อหนึ่งครั้ง! ไม่มีการต่อรอง!” ชายหัวล้านชำเลืองมองต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านหลังหวังยวน
“ได้เลย!”
หวังยวนโยนหนึ่งเหรียญเงินออกไปอย่างไม่ใส่ใจขณะเข้าจุดฝังศพ
ภารกิจหลักในตอนนี้คือเปลี่ยนอาชีพ ไม่มีเวลามาสู้กับเจ้าโง่พวกนั้นหรอกนะ
“หืม?”
เมื่อเห็นหวังยวนหยิบหนึ่งเหรียญเงินออกมาอย่างมีความสุข วอริเออร์หลายคนต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะชายหัวล้านผู้เผยสีหน้าละโมบออกมา
ต้องทราบก่อนว่าผู้เล่นเลเวลสิบเพิ่งออกมาจากพื้นที่มือใหม่ ทำให้มีเงินติดตัวไม่มากนัก
การเรียนรู้สกิลต้องอาศัยเงินจำนวนมาก ดังนั้นหนึ่งเหรียญเงินจึงไม่ใช่จำนวนน้อยแต่อย่างใด
คนที่สามารถหยิบหนึ่งเหรียญเงินออกมาได้อย่างง่ายดายจะต้องเป็นคนมั่งคั่งอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงจุดฝังศพ หวังยวนจึงเห็นผู้เล่นเจ็ดถึงแปดคนยืนอยู่ตรงกลางจุดฝังศพ
แต่ว่ามีเนโครแมนเซอร์เพียงคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางผู้เล่นเหล่านี้
เนโครแมนเซอร์สะบัดมือขณะอัญเชิญโครงกระดูกสีดำร่างสูงสี่ตัวที่ถือขวานรบออกมา
ผู้เล่นคนอื่นต่างเข้าไปสับโครงกระดูกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“???!!!”
หวังยวนตกตะลึงเมื่อเห็นโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญโดยเนโครแมนเซอร์
นักรบโครงกระดูก! ถึงกับเป็นนักรบโครงกระดูกอันเดดระดับสาม หมอนี่ไปถึงเลเวลยี่สิบแล้วงั้นเหรอ?
ในฐานะอันเดดระดับสาม นักรบโครงกระดูกสามารถถูกอัญเชิญได้หลังจากเรียนรู้สกิลอัญเชิญถึงเลเวลสามกับเลเวลผู้เล่นไปถึงยี่สิบ ซึ่งหมายความว่าคนที่อยู่ตรงหน้าต้องมีเลเวลขั้นต่ำอยู่ที่ยี่สิบ
ต้องทราบก่อนว่าเกมเพิ่งเปิดมาได้สามวัน ซึ่งผู้เล่นแนวหน้าในตอนนี้มีเลเวลอยู่ที่ราวสิบห้าถึงสิบหกเท่านั้น แต่เนโครแมนเซอร์ตรงหน้ากลับมีเลเวลถึงยี่สิบแล้ว
แต่ว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่?
หวังยวนเกิดความสงสัยเล็กน้อย
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าในยุคสมัยนี้จะยังมีวิธีดั้งเดิมในการปั๊มสกิลอยู่!” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ
“โชคยังดีที่ยังอยู่ในเกม ถึงสามารถใช้ Bug แบบนี้ได้ หลังจากโลกหลอมรวมกันแล้วก็จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้อีก” ต้าไป๋ถอนหายใจเช่นกัน
…
“ปั๊มสกิลงั้นเหรอ?”
หวังยวนพลันเข้าใจ
ยอดเยี่ยมมาก กลายเป็นว่ายังมีวิธีเล่นแบบนี้อยู่ แต่ต้องใช้ศพมากขนาดไหนกัน? ทำให้ทรัพยากรสูญเปล่าโดยแท้…
แต่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว พวกเขาน่าจะกลุ่มเดียวกับเจ้าพวกนั้นที่ขวางทางจุดฝังศพเอาไว้ บัดซบเอ๊ย กิลด์ใหญ่เนี่ยวิเศษวิโสเหลือเกิน ทีเนโครแมนเซอร์คนอื่นต้องจ่ายเงินถึงจะได้ศพ พอเป็นพวกตัวเองกลับเอามาใช้ปั๊มสกิลเป็นว่าเล่น
อย่างที่คาดเอาไว้ ผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเอ่ยคำ "ลูกพี่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้สกิลอัญเชิญโครงกระดูกของคุณน่าจะสามารถไปถึงเลเวลสี่ได้ ถึงตอนนั้นก็จะสามารถอัญเชิญนายพลโครงกระดูกได้!"
“หากอัญเชิญนายพลโครงกระดูกได้ ลูกพี่ก็จะกลายเป็นเนโครแมนเซอร์อันดับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์!”
“คุณไม่รู้อะไรเอาซะเลย! ตอนนี้ลูกพี่ก็เป็นกลายเป็นเนโครแมนเซอร์อันดับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์อยู่แล้ว! คุณดูสิว่ามีใครที่สามารถอัญเชิญนักรบโครงกระดูกได้? ขยะพวกนั้นทำได้อย่างมากก็แค่อัญเชิญทหารโครงกระดูกเท่านั้นแหละ!”
“ฮ่าฮ่า! เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือมนุษย์ยังมียอดมนุษย์”
เนโครแมนเซอร์แย้มยิ้มแล้วเอ่ยคำ "ยังมีผู้มากพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในเกม อาจจะไม่ใช่ว่าไม่มีใครที่สามารถอัญเชิญนักรบโครงกระดูกได้ แต่ขอเพียงสามารถอัญเชิญนายพลกระดูกได้ขึ้นมาก็สามารถเอาชนะเนโครแมนเซอร์ทุกคนได้อย่างแน่นอน"
"สุดยอดไปเลย!!"
“ขยะ” หวังยวนเม้มริมฝีปากขณะใช้สกิลอัญเชิญอย่างไม่ใส่ใจ แล้วซากศพตรงหน้าหลั่งเลือดเนื้อจนไม่เหลือซากก่อนโครงกระดูกสีขาวที่มีโล่ทรงกลมในมือซ้ายกับกระบี่เหล็กในมือขวาจึงปีนขึ้นมาอยู่ด้านหลังหวังยวนในสภาพแข็งทื่อ
“ฮ่าฮ่า เห็นไหมว่าทหารโครงกระดูกนั่นหน้าโง่ขนาดไหน”
เมื่อเห็นทหารโครงกระดูกของหวังยวน คนอื่นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง
หวังยวนออกจากจุดฝังศพโดยไม่เหลียวหลังกลับ
“เฮ้ สหาย ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
“สหาย คุณเองก็เกิดใหม่เหมือนกันเหรอ?”
เสี่ยวไป๋กับต้าไป๋มองทหารโครงกระดูกที่เพิ่งถูกอัญเชิญมา
ทว่าทหารโครงกระดูกไม่มีความคิดอะไรขณะติดตามหวังยวนราวกับเครื่องจักร
เห็นได้ชัดว่าทหารโครงกระดูกตัวนี้ไม่มีวิญญาณ
แม้หวังยวนจะค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
แม้แต่เนโครแมนเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างซูลก็ไม่สามารถอัญเชิญโครงกระดูกที่มีวิญญาณได้ แต่ตัวโชคดีถึงขนาดอัญเชิญได้สองตัว การที่ตัวที่สามจะไม่มีวิญญาณจึงสมเหตุสมผล จะให้ละโมบมากกว่านี้ได้ยังไง
หลังจากได้ทหารโครงกระดูกที่เพิ่งถูกอัญเชิญมา หวังยวนจึงเดินไปที่ส่วนลึกของป่า
…
ในเวลาเดียวกันก็มีผู้เล่นหลายคนตามมาจากด้านหลัง
หากหวังยวนเห็นคนพวกนี้จะต้องจำได้อย่างแน่นอนว่าเป็นพวกที่อยู่นอกจุดฝังศพ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีผู้เล่นอาชีพอื่นจำนวนมากติดตามพวกเขามาด้วย
“พี่เชียง หมอนี่สวมอุปกรณ์สวมธรรมดาไม่ใช่เหรอ? พวกเราคงไม่ได้กลับไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?” นักฆ่าคนหนึ่งขมวดคิ้วขณะเอ่ยถามวอริเออร์หัวล้าน
“คุณไม่รู้อะไรเสียแล้ว! หมอนี่ใจกว้างมากถึงขนาดจ่ายหนึ่งเหรียญเงินโดยไม่กะพริบตา แสดงว่าเป็นคนมั่งคั่งอย่างแน่นอน” ชายหัวล้านที่ถูกเรียกว่าพี่เชียงเอ่ยคำ “นอกจากนี้ แม้อุปกรณ์สวมใส่ของเขาจะเป็นขยะ แต่คุณไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกสองตัวเหรอ? อุปกรณ์สวมใส่ดูดีทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวที่ถือไม้เท้า มันต้องเป็นอุปกรณ์ใส่ทองแดงเป็นอย่างน้อยหรืออาจถึงขั้นเป็นอุปกรณ์สวมใส่เงินเลยก็ได้”
“ชุดเงินเหรอ? จริงหรือเปล่า? ขนาดลูกพี่พวกเรายังไม่มีชุดเงินเลยนะ”
ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ฮิฮิ ถ้าเอาไปให้ลูกพี่ได้ พวกเราก็จะได้ประโยชน์ด้วยใช่ไหมล่ะ?” พี่เชียงหัวเราะ “เวลา Boss ดรอปอุปกรณ์สวมใส่ พวกเราสามารถเลือกอันที่ต้องการได้ไม่ใช่เหรอ?”
"มีเหตุผล! มีเหตุผล!"
ทุกคนพยักหน้า "รีบตามให้ทัน อย่าให้คลาดสายตา!"
…
“จะว่าไป พวกแกทั้งสองตัวมีวิญญาณจริงเหรอ? แต่ก็ดูฉลาดกว่าไป๋ซานเอ๋อร์เหมือนกัน”
ระหว่างทาง หวังยวนยังรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างโครงกระดูกเกิดใหม่ทั้งสองกับโครงกระดูกทั่วไปตามสัญชาตญาณ
แม้ทหารโครงกระดูกจะเป็นอันเดดระดับสอง แต่ในแง่ของสติปัญญากับทักษะการต่อสู้กลับด้อยกว่าทั้งสองที่เกิดใหม่และผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน
มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างผู้เล่นมืออาชีพกับมอนสเตอร์ธรรมดา ต่อให้ต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋จะไม่มีอุปกรณ์สวมใส่ก็ยังเอาชนะทหารโครงกระดูกที่ไร้วิญญาณได้อย่างง่ายดาย
มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ซูลจะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อโครงกระดูกที่มีวิญญาณ เห็นได้ชัดว่ามันมีข้อดีขนาดไหน
ส่วนเรื่องไร้สาระก่อนหน้านี้ของซูลหาได้มีประโยชน์ไม่
ในเมื่อซูลเป็นคนบอกเรื่องวิญญาณเอง อย่างน้อยหวังยวนกับโครงกระดูกทั้งสองก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของหวังยวน โครงกระดูกทั้งสองจึงตกตะลึงพร้อมกัน
“อาจารย์หวูซวง พวกเราจะตอบยังไงดี?”
“อย่าทำตัวฉลาดเกินไป เดี๋ยวเขาจะกลัวเอา แค่แสดงให้เห็นนิดหน่อยก็พอแล้ว”
สิ้นคำ ต้าไป๋จึงพยักหน้าราวกับคนโง่ แล้วเสี่ยวไป๋จึงพยักหน้าตาม
“อื้ม ถึงแม้จะมีวิญญาณ แต่ดูแล้วไม่น่าฉลาดเท่าไหร่ คงต้องใช้เวลาปรับตัวกันไป” หวังยวนแสร้งทำเป็นพูดกับตัวเอง
โครงกระดูกทั้งสองมองหน้ากันแล้วเอ่ยคำอย่างภาคภูมิ "หลอกได้แล้ว พวกเราแสดงเก่งเหมือนกัน!"
…
"ซู่!!"
ขณะพวกเขากำลังแสดงละครตบตากันไปมา เสียงทะลวงผ่านอากาศจึงดังขึ้นจากด้านหลัง