บทที่ 57 เจ้ามันรนหาที่ตาย!
“ตอนนี้เจ้ารู้ตัวแล้วหรือว่าทำผิดไป แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำผิดเรื่องอะไร”
หลัวเฉิงเหลือบมองฉีถิงที่กำลังสะอื้นไห้ แล้วเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้า...ข้าไม่ควรต่อว่าเจ้าเช่นนั้น ข้าไม่ควรหูเบาฟังคำพูดของตระกูลหลิน ที่ให้มาขัดขวางเจ้า…”
หลัวเฉิงตอนนี้เปรียบเสมือนปีศาจในสายตาของฉีถิง นางรีบเล่าถึงเรื่องราวตลอดหลายวันที่ผ่านมาให้เขาฟังโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หลัวเฉิงรับฟังอย่างเงียบๆ พร้อมกับไตร่ตรองไปพลาง “ความคิดที่จะทำลายตระกูลหลัวของเรา เป็นความคิดของตระกูลหลินงั้นหรือ”
ฉีถิงพยักหน้าอย่างแข็งขัน “แผนขัดขวางเจ้าเอาไว้ในหุบเขาจันทร์เสี้ยว เป็นแผนของหลินชางหลางผู้นำตระกูลหลิน เขาต้องการยึดครองธุรกิจของตระกูลหลัวทั้งหมด เขาสัญญากับพ่อของข้าว่า หลังจบงานชุมนุมล่าสัตว์ เขาจะแบ่งผลประโยชน์ให้กับตระกูลฉีเราสามส่วน”
“ไอ้สารเลวหลินชางหลาง!”
หลัวเฉิงแสดงรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นเขาก็ปล่อยมือของฉีถิงแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการแก้แค้น สามารถมาพบข้าได้ตลอดเวลา”
หลังสิ้นวาจา หลัวเฉิงก็เร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปในป่าลึกทางด้านขวาทันที
ฉีถิงยืนมองแผ่นหลังของหลัวเฉิงจนกระทั่งหายลับตาไป จากนั้นนางก็ล้มตัวทรุดลงกับพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางเมื่อครู่ประหนึ่งเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
ไม่สิ แม้นเป็นเพียงความฝัน แต่นั่นก็มิอาจเกิดขึ้นได้
คนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา เป็นชายผู้ที่นางไม่เคยเหลียวมองหรือปรากฏในดวงตามาก่อน แต่ไฉนนางจึงไม่อาจขัดขืนเขาได้กัน
ตอนนี้ นางอยู่ในขั้นหลอมกายาระดับเก้า ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ระดับห้าดาวอีกต่างหาก!
“หรือว่า หลัวเฉิงจะ...”
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็พลันแล่นเข้าสู่หัวของฉีถิงราวกับสายฟ้า ทำให้ดวงตาของนางเบิกกว้างพร้อมกับร่างสั่นเทาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
โห่ว!
ขณะที่หลัวเฉิงวิ่งอย่างรวดเร็วหยั่งลึกเข้าไปในหุบเขาจันทร์เสี้ยว ก็เริ่มมีสัตว์อสูรระดับกลางหนึ่งดาวปรากฏตัวขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งยังมีสัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาวประปราย
หลัวเฉิงไม่หวาดหวั่นต่อพวกมันแม้แต่น้อย เมื่อเขาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ราวกับไร้ตาเหล่านี้ เขาก็สังหารมันด้วยหมัดเดียวทันที
ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ สัตว์อสูรหนึ่งดาวไม่เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป
“พวกนั้นน่าจะอยู่แถวๆ นี้...”
เมื่อวิ่งมาได้สักพัก ความเร็วของหลัวเฉิงก็ค่อยๆ ผ่อนลง พร้อมกับสายตากวาดมองซ้ายขวามากขึ้น
ตามการประมาณการของเขา พวกคนของตระกูลหลิน ควรจะอยู่ในบริเวณแถบนี้
หลังวิ่งไปได้อีกไม่ไกลนัก หลัวเฉิงก็หยุดอย่างกะทันหัน
เพราะเขาได้ยินเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดดังมาจากเบื้องหน้า พร้อมกับเสียงคำรามของสัตว์อสูร
ทันใด แสงสว่างก็ทอประกายวาบในดวงตาของหลัวเฉิง จากนั้นเขาก็วิ่งไปยังทิศทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เสียงการต่อสู้ก็พลันจบลง
ในป่าเบื้องหน้า มีศพของสัตว์อสูรที่รูปร่างคล้ายเสือดาว ซึ่งทั่วร่างของมันปกคลุมไปด้วยเลือดสีแดงฉานอันน่าสะอิดสะเอียน
ที่ข้างศพของมันมีสองร่างกำลังยืนอยู่ขณะนี้ นอกจากหลินอวิ๋นแล้ว ก็ยังมีศิษย์ของตระกูลหลินอีกสองคนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เช่นกัน
รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาดูคล้ายกัน พวกเขาเป็นสองพี่น้องมีนามว่าหลินคงและหลินเฉิง ซึ่งทั้งคู่อยู่ในขั้นหลอมกายาระดับแปด
หลินคงผู้พี่ มองศพสัตว์อสูรที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าแล้วกล่าวออกมาอย่างสำราญใจ
“โชคดีที่เรานำโอสถล้างพิษติดตัวมาด้วย ไม่เช่นนั้นคงแย่แน่หากต้องเผชิญหน้ากับเสือดาวป่าพิษตัวนี้!”
หลินเฉิงผู้น้องตัดหูของเสือดาวป่าพิษออก แล้วเม้มปากแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องล่าสัตว์อสูรเลย อย่างไรเสียหลัวเฉิงกับคนอื่นๆ ก็ต้องถูกจัดการอยู่แล้ว ที่หนึ่งในการแข่งขันการล่าสัตว์นี้ จะเป็นของใครอื่นได้หากไม่ใช่ตระกูลหลินเรา”
หลินคงได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าก็คิดแบบเดียวกับเจ้า แต่ว่างานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้มีฝูงชนจำนวนมากมาเฝ้าดู แม้แต่เจ้าเมืองเองก็ยังมาที่นี่ หากเราล่าสัตว์อสูรไปเพียงตัวสองตัว เกรงว่าต้องกลายเป็นเรื่องน่าสงสัยอย่างแน่นอน”
หลินเฉิงเหยียดยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคนไร้ค่าหลัวเฉิงกล้าเดิมพันกับหลินอวิ๋นได้อย่างไร ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเขาจะทำหน้าเยี่ยงไรเมื่อต้องกล่าวว่าตนนั้นเป็นคนไร้ค่าต่อหน้าฝูงชน ฮ่าๆ”
“มันจะเป็นอย่างนั้นแน่หรือ?”
จู่ๆ เสียงอันน่าขนลุก ที่วาจาชัดทุกถ้อยคำก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“นั่นใคร!”
พวกเขาทั้งสองหันศีรษะมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าดวงตาของทั้งสองก็หยุดลงที่ร่างหนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ “หลัวเฉิง!”
“ไยเจ้าจึงถึงมาที่นี่!” หลินคงเอยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หลัวเฉิงกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วกล่าวถามน้ำเสียงเยือกเย็น “หลินอวิ๋นอยู่ที่ไหน”
หลินเฉิงหัวเราะลั่นทันที “แล้วทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วยเล่า”
“ทำไมงั้นหรือ”
ดวงตาของหลัวเฉิงทอประกายแสงเย็นเยียบ สีหน้าเขาดุร้ายราวกับเสือที่กำลังจับจ้องเหยื่อมิมีผิด
“เจ้าขยะ! เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
“ไปตายซะ!”
หลินคงและหลินเฉิงตะคอกเสียงแข็งกร้าวด้วยสีหน้าอาฆาต แล้วตบเท้าพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน