บทที่ 53 ดินแดนต้องห้าม
คำสาปแช่งของคนในบ่อนที่มีต่อเกาจินนั้นชูเหลียงย่อมไม่รู้ตัวเลย
ในฐานะที่เป็นคนแห่งความยุติธรรมที่เกลียดการพนันและกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย บ่อนที่มีไว้ทําลายครอบครัวและชีวิตนับไม่ถ้วนเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสําหรับชูเหลียงในการโกงเงิน
เมื่อชูเหลียงคืนแมลงต้องสาปตัวนั้นให้กับนางกู่และบอกสถานการณ์ใหม่ที่เขาได้รู้ให้กับยุนเชาเสี้ยน เวลาก็ล่วงเลยไปเป็นเวลากลางคืนแล้ว
เมื่อชูเหลียงกลับมาพร้อมกับข่าว ยุนเชาเสี้ยนตกใจมาก
หยุนเชาเสียนถาม "ศูนย์การค้าเหนือผา นั่นคือที่ที่ทูตปีศาจอยู่งั้นหรือ"
"ข้าไม่มั่นใจนักว่าเขาจะยังอยู่หรือไม่ แต่นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้ " ชูเหลียงตอบ
เมื่อคลื่นเสียงสวรรค์หยุดทำงาน ยุนเชาเสี้ยนก็หมดหนทาง เขาพร้อมสำหรับความล้มเหลวในภารกิจนี้และไม่คาดคิดว่าชูเหลียงจะได้รับข้อมูลสำคัญมา
"ท่านชู" ยุนเชาเสี้ยนพูดอย่างจริงจัง "ข้าคิดมาเสมอว่าข้าฉลาด แต่วันนี้ข้าต้องยอมรับว่าความฉลาดของท่านดีกว่าข้านัก"
ชูเหลียงรู้สึกเศร้าและดีใจเมื่อเห็นความจริงใจในสายตาของชายร่างโต
สักพักชูเหลียงก็ตอบ “ข้ารู้มาว่าทูตปีศาจติดต่อกับหมอผีร้ายจากทางใต้ในบริเวณนั้น ข้าไม่แน่ใจว่าทูตสวรรค์จะอยู่ที่นั่นหรือไม่ แต่ข้าคิดว่าเราควรสืบสวนดู
"เอาล่ะ" ยุนเชาเสี้ยนลุกขึ้นยืนทันทีและประกาศ “หมอผีร้ายจากทางใต้งั้นหรือ พวกเขาชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ พวกเขาสร้างปัญหามามากมายไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับปีศาจหรือไม่ เราก็ควรจัดการพวกเขาด้วย”
ชูเหลียงพยักหน้าเห็นด้วย
ความยุติธรรมที่แน่วแน่ของยุนเชาเสี้ยนนั้นไร้ที่ติ
ทั้งคู่จากไปโดยไม่รอช้า
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมืองนี้ถูกปิดกั้นอย่างเข้มงวดและถนนเกือบจะว่างเปล่า
ในคืนที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยความสงบอย่างน่าประหลาดใจ
"ตอนนี้เราอย่าทําให้เรื่องใหญ่โตดีกว่าข้าจะกระโดดขึ้นไปตรวจสอบก่อน หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะร้องขอความช่วยเหลือ" ชูเหลียงชี้แจงแผนการอยู่ข้างหอคอยเหนือผา
เขากระโดดเข้าไปอย่างเงียบเชียบและตกลงบนระเบียงชั้นสอง
ระเบียงกว้างขวางและไม่มีสิ่งกีดขวาง ชูเหลียงได้เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง และขยายสัมผัสของเขาออกไปข้างหน้าประมาณ 3 เมตร
หลังจากที่เขาได้พบกับผู้ปราบวิญญาณ เขาได้เรียนรู้ที่จะไม่ขยายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปไกลนัก เขาตรวจสอบอย่างละเอียดทีละพื้นที่เพื่อให้แน่ใจว่ามันปลอดภัยแล้วจึงค่อยไปต่อ
อีกด้านหนึ่งของกำแพงดูเหมือนจะเป็นห้องว่างขนาดใหญ่และไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีใครอยู่ ชูเหลียงกําลังจะหันกลับไปเรียกยุนเชาเสี้ยน แต่ทันใดนั้นตาของเขาก็เบลอ
อาการเวียนศีรษะปกคลุมทั้งศีรษะของเขา
การโจมตีทางจิตงั้นหรือ
สมองของชูเหลียงดูเหมือนจะยังพอวิเคราะห์และตั้งสติได้ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว กัดลิ้นของตัวเองและตีลังกาหลบ
โครม
เสียงดังดังก้องอยู่ในอากาศ จู่ๆ ก็มีโครงกระดูกขนาดมหึมาสูง 9 ฟุต โผล่ขึ้นมาจากจุดที่เขาเพิ่งยืนอยู่ มันอ้าปากกว้างอย่างกระหายเลือดและงับกระแทกอากาศอย่างตะกละตะกลาม
ชูเหลียงมองไปข้างหน้าอีกครั้ง เขาเห็นตัวเองกําลังเผชิญหน้ากับชายชุดดําแต่งตัวแปลกๆ เพียงพวกเขาโบกมือโครงกระดูกร่างใหญ่ก็กลายเป็นโครงกระดูกขนาดเล็กขนาดเท่ากําปั้น นอนอยู่ในฝ่ามือของชายชุดดํา
มีชายชุดดำโผล่มาอีก 1 คน เขาเดินออกมาจากทางซ้ายชักมีดพร้าออกมาและขว้างใส่ชูเหลียงอย่างแรง
มีดวิ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ชูเหลียงกระโดดขึ้นเพื่อพยายามหลบ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือมีดดูเหมือนจะมีเจตจำนงของมันเอง มันเลี้ยวอย่างกะทันหันและพุ่งตรงมาที่เขา
ชูเหลียงยกมือขึ้นและเรียกใช้กระบี่บิน เงากระบี่ร้อยเงากระจายออกและพุ่งกลับเข้ามารวมตัวกันเป็นโล่ป้องกันอย่างรวดเร็วและทําลายมีดในอากาศเป็นชิ้นๆ
เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งในบริเวณใกล้เคียงและสั่งให้ถอยไป
ชูเหลียงหันสายตาไปที่ร่างแปลก ๆ ทั้งสองนั้น แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็หายไปในอากาศราวกับว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏมาก่อน..
หมอผีร้าย
ชูเหลียงนึกถึงได้เพียงคำเดียวในเวลานี้
...
เมื่อชูเหลียงมองกลับไปจึงรู้ว่ายุนเชาเสี้ยนก็ยังไม่ได้ตามขึ้นมา
เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของตัวเองอยู่เป็นแน่ พวกเขาคงถูกพบตัวตั้งแต่แรกที่พยายามเข้ามาแล้ว
จากนั้นไม่นานมีชายสูงอายุสวมชุดดำ ร่างกายดูอ่อนแรง หลังค่อมโค้งและเดินขึ้นไปบนระเบียง
"อืม" ชายชราพูดช้าและใจเย็น "ทูตปีศาจได้พูดถึงเจ้าให้ข้าฟังแล้ว เขาบอกว่าเจ้าฆ่าราชาเสือในพริบตาเดียวด้วยกระบี่หมื่นเล่ม ราชาเสือนั่นเป็นปีศาจที่ไปถึงระดับที่ห้าแล้ว เจ้าต้องเป็นศิษย์เอกของหนึ่งในนิกายอมตะทั้งเก้าหรือไม่ก็กำลังอมตะแห่งโลกทั้งสิบเป็นแน่
ชูเหลียงยังคงมองดูเขาอย่างเงียบๆ และไม่ตอบ
คงต้องมีปีศาจสักตัวที่เห็นเขาต่อสู้กับราชาเสืออยู่แล้ว เขาจึงไม่แปลกใจที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป
ชูเหลียงรีบสํารวจสภาพแวดล้อมโดยรอบและประเมินเส้นทางหลบหนีที่เป็นไปได้
แต่จนถึงขณะนี้เขายังคงอยู่ในความสงบ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และพร้อมจะเรียกอาจารย์ของเขาหากจำเป็น
"ข้าเป็นแค่หมอผีอันต่ำต้อยในระดับที่สี่เท่านั้น" ชายชรากล่าวต่อ
ชูเหลียงฟังแล้วอดคิดไม่ได้ ช่างถ่อมตัวเสียจริงๆ .. แต่ข้าคงจะต่ำต้อยเสียกว่าที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะที่สามเท่านั้น
"แต่ในเมื่อข้ากล้าท้าทายเจ้า ข้าจึงมีวิธีการที่มั่นใจแน่นอน" ชายชราพูดพลางหัวเราะ
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเบาๆ วาดนิ้วชี้ซ้ายเขียนคําสองคําในอากาศราวกับกำลังร่ายคาถาอยู่
ซูมม
ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงหมุนรอบตัวชูเหลียง
ราวกับว่าเขาถูกตัดขาดจากส่วนอื่นของโลกในชั่วพริบตา
"ข้าอาศัยทักษะหมอผีนี้เอาชนะผู้บ่มเพาะหลายคนที่เหนือกว่าข้ามานักต่อนัก ยอมแพ้เสียเถิด" ชายชราประกาศกร้าว
เมื่อเขาพูด จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้น "ดินแดนต้องห้าม!"
ครืนน
บรรยากาศเริ่มหดหู่และหนักอึ้ง ชูเหลียงรู้สึกหายใจลําบากขึ้นเรื่อยๆ
ดินแดนต้องห้าม...
มันเป็นทักษะหมอผีที่ฉาวโฉ่ มีข่าวลือว่ามันมีพลังพอๆ กับทักษะอมตะ บทบาทของมันคือการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามไม่ให้มีพลังศักดิ์สิทธิ์และวัตถุวิเศษที่ใช้ร่ายคาถาใดๆ ใช้งานได้
ชายชราค่อยๆ เข้ามาใกล้ทีละน้อยแล้วเอ่ยถาม “รู้สึกอย่างไรเล่า การที่ใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามิได้น่ะ”
ชูเหลียงพยายามปลุกพลังชี่ แต่เมื่อเจตนาอันศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างมันก็หายไป
"ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก" ชูเหลียงพูดกับชายชราเป็นครั้งแรก
"งั้นหรือ แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ แต่ในดินแดนต้องห้ามนี้เจ้าจะกลายเป็นคนไร้อํานาจและกลายเป็นคนธรรมดา" น้ำเสียงของชายชราค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในชัยชนะ “นี่คือเหตุผลที่ข้าเลือกที่จะต่อสู้กับเจ้ามิใช่คนที่ดูบ้าพลังคนนั้น”
"เจ้าอาจจะเก่งกว่าเขา แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะที่ร่างกายอ่อนแอ" ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ร่างกายอ่อนแองั้นหรือ" ชูเหลียงกล่าวขณะประเมินตัวเอง
ในความเป็นจริงร่างกายของเขาเพรียวบางและดูเหมือนชายหนุ่มที่ไม่ได้ผ่านการต่อสู้มาเท่าใดนัก
แต่..
"พวกเราหมอผีร้ายต่อสู้กับธรรมชาติและสัตว์ร้ายมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้แต่ช่างซ่อมอาวุธที่เชี่ยวชาญก็มิอาจสู้แรงกับเราได้"
ชายชราคำรามในขณะที่ทิ้งเสื้อคลุมสีดำของเขาเผยให้เห็นรูปร่างที่แข็งแกร่งและสองมีดสั้นในมือของเขา เมื่อพิจารณาจากอายุของเขาแล้ว เขามีกล้ามเนื้อมากจนน่าแปลกตาเลยทีเดียว
จากนั้นชายชุดดำถึงสี่คนก็ได้เดินออกมาจากมุมระเบียง คนเหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของชายชรา ตอนนี้พวกเขาเข้าอยู่ทุกทิศทุกทาง เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวว่าชูเหลียงจะหนี
ในพื้นที่ต้องห้ามนี้ พลังวิเศษทั้งหมดถูกห้าม
แม้ทักษะของหมอผีเองก็จะไม่ดีนักในนี้แต่ก็พวกเขาพร้อมสู้ในระยะประชิด
พวกเขาดูเหมือนจะเคยปะทะกับผู้ที่ทรงพลังกว่ามามากและพวกเขาดูเชี่ยวชาญกับการรับมือเลยทีเดียว
ชายชรามองชูเหลียงและเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายในใจ
แม้จะสูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้บ่มเพาะมักจะพึ่งพาเป็นกำลังสำคัญ แต่หนุ่มร่างผอมคนนี้ก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในสายตาของเขาดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แตกต่างไป ความรู้สึกของความบันเทิงงั้นหรือ สายตาของเขา.. ดูเหมือนอยากจะหัวเราะ..
"ฆ่าเขา!" ชายชราตะโกน
ตุ้บ
เพียงแค่ก้าวเดียวชายชราก็พุ่งมาถึงชูเหลียงอย่างรวดเร็ว
ทว่า...
ชูเหลียงที่อยู่ตรงหน้าเขา จู่ๆ ก็หายตัวไป
หือ..
ชายชราเกิดอาการงุนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ท้ายทอย
ความเจ็บปวดทนไม่ได้
มันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต
ดูเหมือนว่า.. จะความเจ็บปวดจากความตาย