บทที่ 45 นางสนมกู่หยานถิง
หลูมู่หยานเหยียดยิ้ม ก่อนจะพาราชินีออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมกับหญ้าวิญญาณ ขณะที่หลูมู่ไป๋เข้าไปคุยกับบุรุษทั้งสามเป็นการส่วนตัว
“ท่านป้า ท่านยังตกเป็นเป้าหมายพี่สาวของกู่ยันรันอยู่หรือเปล่า?” หลูมู่หยานเอ่ยถามขณะเดินจับมืออยู่กับป้าของนาง
ริมฝีปากสีม่วงของหลูม่อซีเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “แล้วอะไรคือการตกเป็นเป้าหมายล่ะ? มันก็แค่ตัวตลก”
ในสายตาของหลูม่อซี นางไม่เคยใส่ใจ ‘กู่หยานถิง’ เพราะสิ่งที่นางสนใจนั่นก็คือทัศนคติของหยุนเทียนเฉินมากกว่า แต่สิ่งที่นางได้รับกลับเป็นความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
หลูมู่หยานสังเกตเห็นว่าดวงตาของท่านป้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสูญเสียและอ่อนแอในหัวใจ แม้ว่าความแข็งแกร่งที่นางมีจะทำให้นางสามารถสู้ต่อไปได้ แต่เรื่องของอารมณ์นางไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาแทรกแซง
“ท่านป้าต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งหรือไม่?” หลูมู่หยานคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะบางทีการที่จะให้ท่านป่าทำอย่างอื่นเพื่อฆ่าเวลา อาจจะทำให้นางมีความสุขขึ้น
หัวใจของหลูม่อซีรู้สึกอบอุ่นขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มที่เบิกบานออกมา “ข้าเลยวัยที่จะต้องเร่งรีบแล้ว และข้าก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเรื่องการบ่มเพาะ”
หลูม่อซีรู้ว่าหลูมู่หยานนั้นคิดอย่างไร แต่นางไม่ได้มีพรสวรรค์ในเรื่องของการฝึกฝนมากนัก อีกอย่างนางเองก็อยู่ในกลุ่มนักดาบระดับสูงมาหลายปีแล้ว แม้ว่านางต้องการที่จะก้าวไปสู่จิตวิญญาณแห่งดาบในไม่ช้าก็เร็ว แต่การที่นางจะเข้าใกล้คำว่าราชาแห่งดาบกว่านี้อีกเพียงก้าวเดียว มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ท่านป้าชอบอะไรหรือ? ยา? เครื่องมือสะกัด? เครื่องราง?” หลูมู่หยานได้ยินมาว่าป้าของนางไม่ค่อยกระตือรือร้นในการฝึกมาตั้งแต่หลูมู่หยานยังเป็นเด็ก
“การเล่นแร่แปรธาตุ การสะกัดยา และการสร้างเครื่องรางของขลังล้วนต้องใช้ความสามารถ ซึ่งข้าไม่มี” หลูม่อซียิ้ม พร้อมกับส่ายหัวไปมา ก่อนจะพูดด้วยความเสียใจ “ข้าศึกษาวิธีการสร้าง แต่พื้นฐานมันน้อยเกินไป”
หลูม่อซีไม่ได้กระตือรือร้นเกี่ยวกับการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก นางชอบที่จะศึกษารูปแบบ แต่น่าเสียดายที่เห็นแค่เพียงครึ่งใจในช่วงสุดท้ายเท่านั้น
เมื่อนึกถึงมันดวงตาของหลูม่อซีก็หลุบลงต่ำ ก่อนจะตระหนักได้ว่านางเสียเวลาไปกับการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
… บางทีหยานเอ๋อร์ก็พูดถูก นางควรหาสิ่งที่ชอบทำ นางเหนื่อยกับการเอาหัวใจไปผูดติดไว้กับหยุนเทียนเฉินแล้ว
“ถ้าท่านป้าชอบแบบนี้ก็จัดการได้ง่ายเลย ข้าเพิ่งอ่านรูปแบบพื้นฐานบางส่วนมาและยังทำได้ ถ้าข้ากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะจดมันและส่งให้ท่านป้า”
ดวงตาสีดำขลับของหลูมู่หยานมีประกายสว่างไสว เช่นเดียวกับหัวใจของผู้เป็นป้าก็เริ่มรู้สึกอบอุ่น ก่อนจะยิ้มและพยักหน้ารับว่า “ตกลง!”
ทั้งสองคนยังคงเดินสนทนากันต่อไป จนกระทั่งเห็นหญิงสาวรูปงามในชุดสีชมพูพร้อมกับสาวใช้อีกหลายคนค่อย ๆ เดินตรงมายังหลูมู่หยานและท่านป้า
ดวงตาของหลูม่อซีเริ่มนิ่งเรียบ ก่อนจะหันไปหาหลูมู่หยาน และพูดว่า “หากนางยั่วยุเจ้าครู่หนึ่ง เจ้าไม่ต้องกังวล ท่านป้าของเจ้ามีเรื่องต้องกังวล”
หลูม่อซีทนไม่ได้ที่หลูมู่หยานต้องถูกทำร้าย และนางก็ไม่ต้องการให้หลานสาวของนางต้องเจ็บปวดเหมือนกับลูกสาวของนางเอง เพราะนางเป็นคนอารมณ์แปรปรวน แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการล่ะ? ตราบใดที่มู่หยานมีความสุข
“ข้ารับทราบ” หลูมู่หยานจับมือท่านป้า ก่อนจะเดินไปพร้อมกัน
กู่หยานถิงงดงามมาก แตกต่างจากหลูม่อซีที่เป็นคนมีเสน่ห์ ความงามของนางเป็นความงามที่อ่อนโยนตามแบบที่บุรุษชอบ
ในอดีตตามภาพความทรงจำ ทุกครั้งที่กู่หยานถิงเห็นหลูมู่หยาน นางจะต้องเป็นฝ่ายที่เข้ามาเยาะเย้ยหรือถากถางให้หลานสาวของหลูม่อซีต้องเจ็บช้ำน้ำใจ มากถึงขนาดที่หลูม่อซีว่ายวานให้สาวใช้ใช้มือฟาดไปที่หน้าของกู่หยานถิง จนกลายเป็นปัญหาระหว่างนางกับจักรพรรดิ และยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหยุนเทียนเฉินเย็นชาอีกด้วย
หากกล่าวอย่างรวบรัด หลูมู่หยาน และน้องสาวของกู่หยานถิงเคยล้มเหลวในความพยายามมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่น้องสาวของพวกนางทั้งสองนั้นปลอม และอ่อนแอ ทว่าวิธีการของกู่หยานถิงนั้นดีกว่า
“พระสนมเคารพพระอัครมเหสีแล้ว” เมื่อต้องเผชิญหน้า กู่หยานถิงเดินก้าวออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายหลูม่อซีด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หลูมู่หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเกลียดสตรีที่อยู่ในชุดสตรีสวยงามผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มที่เจ้าตัวจงใจสร้างขึ้นมายิ่งทำให้ดูน่าขยะแขยงมากไปกันใหญ่
“ลุกขึ้น” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลูม่อซีหายไปแล้ว นางพยักหน้าอย่างเย็นชา
กู่หยานถิงลุกขึ้น ก่อนจะมองไปทางหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม ก่อนเอ่ยทักทาย “แม่นางหลู”
หลูมู่หยานไม่ได้ทำความเคารพอะไรต่อกู่กุ้ยเฟย เสียงของนางเบามากจนไม่ได้ยินว่าดีใจ หรือโกรธ “กู่กุ้ยเฟย”
กู่หยานถิงรู้สึกประหลาดใจ วันนี้สองคนที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกแตกต่างไปกว่าที่เคยเจอ
“วันนี้แม่นางหลูไม่ได้ไปหานายน้อยฉีหรือ ข้าได้ยินยันรันบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากฝึกซ้อม” กู่หยานถิงมองไปที่หลูมู่หยาน เห็นได้ชัดว่าฉีอี้ซวนรู้เรื่องนี้ และไปทันที คนคนนั้นก็คือน้องสาวนาง
“ข้าไม่ใช่นางสนมของตระกูฉี อาการบาดเจ็บของฉีอี้ซวนเกี่ยวกับข้าอย่างไรหรือ? ทำไมข้าจะต้องไปหาเขาด้วย?” หลูมู่หยานเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของกู่หยานถิงเริ่มบึ้งตึง นางไม่ได้คาดคิดว่าหลูมู่หยานจะมีใบหน้าที่เฉยเมยเมื่อพูดฉีอี้ซวน แล้วนางก็โกรธที่หลูมู่หยานเรียกน้องสาวนางเป็นนางบำเรอ
หึ ในเมื่อวันนี้กระตุ้นหลานไม่ได้ งั้นเปลี่ยนเป็นราชินีน่าจะดี
“พี่สาว เจ้าจะไปนานหยวนเพื่อเพลิดเพลินดูดอกไม้กับแม่นางหลูหรือไม่?” กู่หยานถิงแสร้งปั้นหน้าทำทีเป็นเขินอาย “ตอนนี้ผู้คนย้ายดอกโบตั๋นทั้งหมดในนานหยวนไปยังศาลของนางสนม ตอนนี้ที่นานหยวนไม่มีดอกไม้อีกแล้ว พี่สาวไม่ต้องทำอะไร”
หลูมู่หยานหัวเราะไปกับการแสดงตรงหน้า ก่อนจะหันไปหาหลูม่อซี พร้อมกับถามว่า “ท่านป้า ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านมีน้องสาวเพิ่ม”
“กู่กุ้ยเฟยมีเพียงพี่ชาย และน้องชายในวังนี้ ไม่ได้มีน้องสาว และจะดีกว่าหากไม่ปีนป่ายลำดับญาติกัน” หลูม่อซีเอ่ย ต่อหน้าหลานนางในวันนี้ นางไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับกู่หยานถิง “มีบางอย่างที่ข้าจะต้องทำในวังนี้ เจ้าถอยก่อนเถอะ”
ใบหน้าของกู่หยานถิงเริ่มเปลี่ยนไป นางกัดริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของตัวเองเพื่อระงับความเกลียดชังที่ปะทุอยู่ในใจของนาง หลูม่อซีคงภูมิใจได้ไม่นานนัก
นางไม่เชื่อว่าสตรีผู้นี้จะไม่สบายใจที่ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิได้ขุดดอกโบตั๋นทั้งหมดในนานหยวนทั้งหมด ที่หลูม่อซีเป็นคนปลูกให้
“ใช่ นางสนมของข้าไปแล้ว” น้ำเสียงของนางมีความพอใจปนอยู่
หลังจากที่กู่หยานถิงพูดจบ นางก็พาสาวใช้เดินผ่านหน้าหลูมู่หยานไป ก่อนจะเดินออกจากสวนสวยด้านหลังที่มีบันไดดอกบัวอยู่
หลูมู่หยานได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายของกู่หยานถิง ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับคิดในใจว่าสตรีผู้นี้มีปัญหา แต่หลังจากนั้นไม่นานหลูมู่หยานก็ละสายตาออกจากคนที่เพิ่งเดินผ่านไป ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นนางสังเกตเห็นความเศร้าในดวงตาของท่านป้า
หลูม่อซีไม่ได้สนใจนานหยาน แต่ทว่าในใจกลับรู้สึกอึดอัด เพราะดอกโบตั๋นทุกดอกที่นั่นนางบรรจงปลูกด้วยมือของนางเอง และนางก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าบุรุษผู้นั้นจะขุดมันและมอบให้แก่กู่หยานถิง
เขากำลังขุดคุ้ย และทำลายหัวใจของนางด้วยหรือไม่?
“ท่านป้า บางทีสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ได้ยินอาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไป” เมื่อเห็นท่าทางของหลูม่อซี หลูมู่หยานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน
ความโศกเศร้าในดวงตาคู่งามถูกเจ้าตัวสะบัดทิ้ง หลูม่อซีไม่ต้องการพูดถึงบุรุษผู้นี้อีกต่อไปแล้ว นางหันหน้าไปหาหลูมู่หยาน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยว่า “หยานเอ๋อร์มาพระราชวังตั้งแต่เช้า ตอนนี้หิวหรือยัง กลับไปทานข้าวที่วังกันดีหรือไม่?”
“ตกลง!” หลูมู่หยานไม่ได้พูดอะไรมากนัก นางเพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ เพื่อคอยดูว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริงหรือไม่