ตอนที่แล้วบทที่ 42 ความก้าวหน้าของหลูมู่ไป๋  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 มือข้างเดียวของเสี่ยวลู่  

บทที่ 43 เข้าสู่พระราชวัง  


หลูมู่หยานพร้อมด้วยหลูมู่ไป๋เดินทางถึงประตูราชวัง ก่อนจะลงจากรถม้าและมุ่งหน้าไปสู่ห้องโถงหน้าวัด ‘เหยียนเถียน’

เมื่อถึงที่หมายคนแรกที่พวกเขาพบเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดสีเหลืองที่สามารถมองเห็นตัวตนของเขาได้แทบทันที ถัดมาบริเวณด้านขวาล่างมีหญิงสาวสวมชุดสีแดงของวัง หน้าตาสดใส และเต็มไปด้วยเสน่ห์นั่งอยู่ สตรีผู้นั้นคือ ‘หลูม่อซี’ ป้าของหลูมู่หยาน นอกจากนั้นที่ห้องโถงยังมีชายชราอีกสองคน ที่ดูแล้วมีอารมณ์และจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา

“เข้าเฝ้าจักรพรรดิ ราชินี” หลูม่อซีนำหลูมู่หยานเดินไปที่ห้องโถง ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพผู้ที่นั่งอยู่ด้านบน จากนั้นจึงหันกลับมาคำนับแก่ชายชราทั้งสองคน “มู่ไป๋เห็นจักรพรรดิและคณบดี” นายดาบเห็นว่าจักรพรรดิไม่จำเป็นต้องก้มหัวเหมือนสามัญชนหรือคนทั่วไป

หลูมู่หยานก้าวขาไปข้างหน้า ก่อนจะทักทายผู้อื่น

“ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง สาวน้อยมู่หยานเปลี่ยนไปมากจริง ๆ” องค์จักรพรรดิ ‘หยุนเทียนเฉิน’ ตรัสด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแก่พระราชินีที่อยู่ข้าง ๆ

องค์ราชินีหลูม่อซีเหลือบมองไปที่จักรพรรดิหยุนเทียนเฉิน ก่อนจะระบายยิ้มออกมา “การเปลี่ยนแปลงของหยานเอ๋อร์คือคุณสมบัติของตระกูลหลูของเรา” อีกนัยหนึ่งนางต้องการเตือนให้หลูมู่หยานรู้ว่า นางมีตัวตนที่พิเศษและจะไม่ยอมให้ใครมารังแกข่มเหง

องค์จักรพรรดิหยุนเทียนเฉินแสดงความไม่เข้าใจเล็กน้อยในดวงตา ดูเหมือนม่อซีจะไม่ไว้ใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเขาจะสามารถกินหลูมู่หยานได้หรือไม่?

“หยานเอ๋อร์มานี่สิ” หลูม่อซีกวักมือเรียกหลานสาวอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความบึ้งตึง

หลูมู่หยานสามารถบอกได้เลยว่าท่านป้าของนางรักนางจริง ๆ นางก้าวไปข้างหน้าสองถึงสามเก้า ก่อนจะจับมือท่านป้า “ท่านป้า!”

“สาวน้อยเจ้าสบายดีนะ ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บจากกู่ยันรันมา ข้าเป็นห่วง” หลูม่อซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

หลูมู่หยานค่อย ๆ แตะเบา ๆ ลงที่มือของท่านป้าเพื่อเป็นการปลอบโยน “แค่คนไม่สำคัญ อย่าให้มันมากระทบกระเทือนอารมณ์ของท่านป้าเลย”

สิ่งของจากกู่ยันรันไม่ได้จำเป็น และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องส่งคืน

หยุนเทียนเฉินเห็นว่าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันกับร่างกายของกู่ ตอนนี้การแสดงออกของเขาดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไร่ ก่อนจะเปิดบทสนทนาออกมาด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย ข้าได้ยินมาว่าร่างกายที่อ่อนแอของเจ้า ถูกกำจัดออกไปแล้วหรือ?”

“ใช่เพคะ จักรพรรดิ” หลูมู่หยานตอบออกไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ทว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ไปถึงดวงตาของนาง

“เจ้าเรียกราชินีว่าท่านป้าเช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่าท่านลุงด้วยดีหรือไม่??” ดวงตาของหยุนเทียนเฉินเต็มไปด้วยความรัก

“ข้าก็เคยเป็นลุงของเจ้า”

“มู่หยานเคยเป็นคนโง่เขลามาก่อน แต่ตอนนี้ข้าไม่กล้าอวดดีอีกแล้ว เพื่อช่วยป้าของข้าจากการถูกทำร้ายในวัง” ใบหน้าของหลูมู่หยานไม่ได้เปลี่ยนไป แต่น้ำเสียงของนางที่เอ่ยนั้นปนไปด้วยความแดกดันเล็กน้อย

ท่านป้าของหลูมู่หยานเสียอะไรให้กับองค์จักรพรรดิผู้นี้ไปมาก ทว่าชายผู้นี้กลับมีนางบำเรอทีละคน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ได้พี่สาวของกู่ยันรัน นางไม่สนใจโครงสร้างอะไรของจักรวรรดิว่าจะต้องการให้นางทำเช่นนั้นหรือไม่ หลูมู่หยานเเพียงแค่บ่นเพราะป้าของนางเสียหาย

ดวงตาขององค์จักรพรรดิหยุนเทียนเฉินเรียบนิ่งขึ้น สตรีผู้นี้โดดเด่นขึ้นมาก เขาหันศีรษะไปมองจักรพรรดินีด้วยดวงตาที่รู้สึกขมขื่นในใจ ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา เขาไม่ได้เต็มใจที่จะมีปัญหา และเขาเองก็ทำให้หญิงที่เขารักต้องผิดหวัง

“สาวน้อย” ใบหน้าของหยุนเทียนเฉินแสดงรอยยิ้มที่ดูทำอะไรไม่ค่อยถูก เขาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจคำสบประมาทของนาง สำหรับหลูมู่หยานที่ถือว่าเป็นคนโปรดของอู๋อู่ และอู๋เสมอ หากจะต้องตำหนิในเวลานี้ เขาและหลูม่อซีก็กลัวความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นจะพังทะลายลง

ดวงตาของหลูม่อซีเริ่มแสดงความเศร้าออกมา นางไม่ต้องการพูดถึงคามผิดหวังอะไรจากกู่กุ้ยเฟย ก่อนจะหันมายิ้มให้แก่หลูมู่ไป๋ “ข้ายินดีด้วย”

“ขอบคุณ ท่านป้า”

“มู่ไป๋ เจ้ามีแผนที่จะทำอะไรต่อหลังจากการเลื่อนระดับหรือไม่?” หยุนเทียนเฉินเอ่ยถาม เขาให้ความสำคัญต่อหลูมู่ไป๋มาก เพราะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนแรกของจักรวรรดิ และเมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาจะเป็นผู้ที่ช่วยเหลืออาณาจักรหยานโจวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

“ข้ายังต้องการอยู่ในสถาบันจักรพรรดิต่อ เพื่อเข้าร่วมการพิจารณาคดีหลังจากการแข่งขันจบ” หลูมู่ไป๋ตอบกลับด้วยสีหน้าที่สงบ นิ่งเรียบ

“อืม” หยุนเทียนเฉินพยักหน้า

การแข่งขันของสถาบันแห่งจักรพรรดิครั้งนี้มีความสำคัญมาก หลังจากการแข่งขันจะมีการทดลองการคัดเลือก และด้วยการที่หลูมู่ไป๋มีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วยก็จะสามารถรับประกันความปลอดภัยของนักเรียนได้มากขึ้น

หลังจากนั้น องค์จักรพรรดิหยุนเทียนเฉินก็พูดคุยถามไถ่เรื่องราวกับหลูมู่ไป๋ และหลูมู่หยานต่อไป

ชายชราผมขาวในห้องโถงใหญ่เห็นว่าองค์จักรพรรดิและทั้งสองยังคงเดินพูดคุยกัน แต่ยังไม่เข้าเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญในวันนี้เสียที เขาจึงส่งเสียงกระแอมเบา ๆ ก่อนจะมองไปยังหลูมู่หยาน พร้อมกับเอ่ยถามว่า “สาวน้อย เจ้าได้ให้ยาไขกระดูกแก่หยุนหลัน และหยุนจินไป เจ้ายังมียาอีกหรือไม่?”

“ไม่มีแล้ว” หลูมู่หยานกางมือออกเพื่อยืนยันคำพูดของนาง

ชายชราทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นทั้งราชาดาบผู้แข็งแกร่ง และยังเป็นบุคคลสำคัญในอาณาจักรหยานโจว ชายชราที่พูดกับหลูมู่หยานคือจักรพรรดิ ‘หยุนชาง’ แห่งจักรกวรรดิหยานโจว และชายชราที่กำลังยิ้มแย้มในซิงยี่ คือคณบดีของสถาบันจักรพรรดิ  ‘หร่วนหลี่’ ฉะนั้นนางจึงยังคงต้องรักษามารยาทและความเคารพสำหรับชายชราทั้งสองคนนี้

“เจ้าบอกพวกเราได้หรือไม่ ว่าเจ้าได้รับยาซีซุยมาได้อย่างไร?” หยุนชางเอ่ย ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง เพราะผลของยาซีซุยเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจ และพวกเขาจะต้องถามออกไปให้ชัดเจน

“อาจารย์ของข้าให้มา” หลูมู่หยานเอ่ยตาไม่กะพริบ แม้จะโกหกก็ตาม

“อาจารย์? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเจ้ามีอาจารย์?” หยุนชางขมวดคิ้ว และถามด้วยความประหลาดใจ

“อาจารย์ของข้า ตอนนั้นเราไปพบกันที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี จึงไม่มีใครทราบ”

“อาจารย์ของเจ้าอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิหรือไม่?” หยุนชางยังคงถามต่อไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญหนุนหลังหลูมู่หยานอยู่ และจุดประสงค์ในการเรียกนางมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการรู้จักกับผู้อาวุโสนักเล่นแร่แปรธาตุผ่านนาง

การชำระล้างไขกระดูกนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาณาจักรหยานโจว หากพวกเขาได้รับมากว่าที่มีอยู่ ก็จะสามารถฝึกฝนทักษะราชาดาบที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้มากขึ้น แม้แต่ราชาดาบเองก็ตาม จากนั้นพวกเขาก็จะได้อยู่ท่ามกลางประเทศที่ยิ่งใหญ่ โอกาสเช่นนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร เพราะพวกเขาทุกคนต้องการต่อสู้เช่นกัน

หยุนเทียนเฉิน และหร่วนหลี่มองไปที่หลูมู่หยานด้วยความประหม่า พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำทุกอย่างเพื่อความรุ่งเรืองของจักรวรรดิ

“หลังจากที่อาจารย์ให้ยาแก่ข้าแล้ว ท่านก็ออกเดินทางไปรอบโลก ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านจะกลับมาเมื่อไหร่” หลูมู่หยานเอ่ย

“อาจารย์ของเจ้าเป็นปรมาจารย์เล่นแร่แปรธาตุ? ทำไมเจ้าถึงนับถือเขาเป็นอาจารย์?” แม้ว่าหยุนชางจะผิดหวังจากคำตอบของหลูมู่หยาน แต่เขาก็ยังคงถามสิ่งที่สงสัยต่อไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

“ข้าได้ยินมาว่ามีหญ้าจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี ที่จะช่วยข้าปรับสมรรถภาพร่างกายได้ ข้าเลยไปที่นั่นกับกลุ่มทหารรับจ้าง แต่แล้วก็โดนไล่โดยหมูป่าขนแดง ข้าเลยพลัดหลงเข้าไปในถ้ำ และก็เห็นอาจารย์อยู่ตรงนั้นพอดี” หลูมู่หยานพูด

“แต่ไม่มีใครได้รับหญ้าวิญญาณชนิดนี้” หลูมู่หยานพูดออกมาเพื่อปกปิดความจริงที่ว่า นางเดินทางไปที่นั่นเพื่อค้นหาผลไม้แห่งเพลิง

“ตอนนั้นท่านอาจารย์ของข้าเพิ่งดูดซับ และปรับแต่งแกนคริสตัลของอสูรเสร็จ เขาเห็นข้าบุกเข้ามาเลยคิดจะฆ่า แต่ว่าใครจะรู้ว่าข้ามีธาตุไม้และไฟในตัว จากนั้นเขาจึงไว้ชีวิตและบอกว่าข้ามีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุ” หลูมู่หยานพูด “และก็ขอให้ข้าเคารพเขาเป็นอาจารย์”

ที่แผ่นดินใหญ่ การขาดนักเล่นแร่แปรธาตุก็มาจาก การที่จะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้จะต้องรู้องค์ประกอบของธาตุไม้และไฟ พรสวรรค์ด้านคุณสมบัติพลังธาตุคู่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

“เนื่องจากร่างกายที่ไร้เลือดของข้าเอง ข้าจึงไม่สามารถดูดซับกลิ่นอายของโลก และสวรรค์เพื่อให้เปลี่ยนเป็นคุณสมบัติจากธาตุไม้และไฟที่ใช้งานได้ อาจารย์จึงโยนขวดยาซีซุยให้ข้าเพื่อใช้ปรับแต่ง กำจัด และพัฒนาร่างกาย แล้วก็สอนเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุบางอย่าง ก่อนจะมาส่งข้าที่ขอบเทือกเขา และจากไป”

หลูมู่หยานค่อย ๆ พูดถ้อยคำแก้ตัวที่คิดอยู่ในใจ ไม่ว่าจะมีคนเชื่อหรือไม่ พวกเขาก็ไม่มีทางหาอาจารย์ของนางได้ และก็จะไม่มีวันทำอะไรนางได้เช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด