บทที่ 41 สัญญาที่เท่าเทียมกัน
หลูมู่หยานได้ยินเสียงเสียดสีทางจิตวิญญาณจากริมฝีปากของอสูรกลืนกินวิญญาณ
“ราชาองค์นี้? ช่างเถอะ?” นางมองไปที่อสูรตัวเล็ก ก่อนจะหยอกล้อผ่านสายตา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินคำนี้บ้างหรือไม่”
อสูรกลืนกินวิญญาณเงยหน้ามองหลูมู่หยานด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“หลงยูถูกจับในน้ำตื้น เสือก็ตกลงในผิงหยางและก็ถูกสุนัขรังแก แมวก็สามารถเอาชนะเสือได้ และนกฟีนิกซ์ขนก็ไม่ดีเท่าไก่” ริมฝีปากของหลูมู่หยานอ้าเล็กน้อย
ดวงตาของอสูรกลืนกินวิญญาณเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนที่จะกลับมานิ่งเรียบอีกครั้ง
หลูมู่หยานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยื่นคางไปที่อสูรร้าย “ข้าไม่ได้ต้องการถามความลับของเจ้า แต่ข้าเดาว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นใช่หรือไม่?”
“แล้วยังไง?”
“ความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่แบบเจ้านาย หรือทาส ข้ามีสัญญาที่ให้ความเท่าเทียม” หลูมู่หยานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วความร่วมมือระหว่างเรา?”
จากการสังเกตครั้งแรก อสูรร้ายกลืนกินวิญญาณตัวนี้มีต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดา ทันทีที่พลังวิญญาณอันแสนทรงพลังหลุดออกจากผนึก นางเปลี่ยนคำสาปของสัญญาและก็จะเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่ง
หลูมู่หยานรู้ดีว่าหากนางถูกบังคับให้ทำสัญญานายทาส นางจะถูกอสูรตัวนี้โจมตีกลับในอนาคต อสูรร้ายระดับสูงคงจะยอมตายเสียดีกว่ายอมเป็นสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของมนุษย์ ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ดีหากอสูรตัวน้อยจะทำด้วยความเต็มใจตั้งแต่เริ่ม
ทว่าตอนนี้สิ่งที่หลูมู่หยานยังขาดคือวายร้าย เนื่องจากนางไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ฉลาด นางจึงไม่ยอมปล่อยให้อันธพาลที่มากประสบการณ์เช่นนี้ไปได้
“แค่เจ้าหรือ? มนุษย์ที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่?” อสูรวิญญาณมองไปยังหลูมู่หยานด้วยสายตาดูหมิ่นเล็กน้อย
“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่แค่อสูรระดับที่สอง แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้า?” หลูมู่หยานเอ่ยด้วยท่าทีเย้ยหยัน ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับมองไปที่อสูรร้ายกลืนกินวิญญาณ “ตอนนี้เจ้ามีสองทางเลือก หนึ่งเป็นที่โปรดปรานของข้า และร่วมงานกัน กับสอง ฆ่าตัวตายซะหากเจ้าปฏิเสธ”
“ข้าขอเตือนเจ้า คาถาที่ข้าสร้างร่วมกับเข้าเป็นคาถาหายากในสมัยโบราณ และข้าเองก็แก้ไขไม่ได้ หากเจ้าต้องการบังคับให้ถอดเครื่องพันธนาการ อย่ามาโทษข้าหากข้าโจมตีกลับ”
สิ่งที่เอ่ยไม่ใช่เรื่องหลอกลวง คาถานี้ถูกพบเมื่อนางเข้าสู่อาณาจักรลับ เป็นพันธสัญญาที่ไม่สมบูรณ์ ที่ถูกทิ้งเอาไว้สมัยโบราณ มันมีเพียงสัญญาเท่านั้นแต่ไม่ได้ถูกยกเลิก
เมื่อเทียบกับสัญญายอมจำนนทั่วไป ข้อดีของคาถานี้คือหลังจากทำสัญญา หากสัตว์ประหลาดต้องการบังคับให้ยกเลิกสัญญา มันจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และไม่สามารถหักหลังหรือฆ่าเจ้านายได้ ดังนั้นแม้ว่าฐานการฝึกฝนของอสูรตัวนี้จะสูงกว่านางสิบเท่าหรือหลายสิบเท่า มันก็ไม่สามารถทำลายสัญญากับนางและทำร้ายนางได้
“คิดเอาเองก็แล้วกัน ข้าไม่ชอบบังคับ” หลูมู่หยานเห็นว่าอสูรร้ายตัวเล็ก ๆ บนโต๊ะหลับตาและไม่สนใจนาง จึงหันหลังและออกจากห้องไป
สำหรับชายผู้หยิ่งผยองผู้นี้ควรทำให้เขาสบายใจก่อนครู่หนึ่ง เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน รวมไปถึงข้อเสียของเขา แต่หากอิงตามธรรมชาติเขาสามารถสื่อสารออกมาได้ดี
ประตูถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา อสูรกลืนกินวิญญาณค่อย ๆ ลืมตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ขณะที่ขนปุยสีแดงเพลิงของมันก็ยิ่งเจิดจรัสสดใสมากขึ้น
หลังจากการปะทะครั้งนั้น เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังจะตาย เขาใช้ทักษะมนต์ขลังการกลับชาติมาเกิดที่มีเฉพาะในราชาอสูรกลืนกินวิญญาณเท่านั้น ในที่สุดวิญญาณอสูรร้ายก็ถูกผนึกเอาไว้ในแกนคริสตัลเพื่อกลับชาติมาเกิดในนิพพาน และก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะตกลงมายังจุดเชื่อมประสานเล็ก ๆ นี้
สัญญาบังคับของจักรพรรดิดาบปลุกผนึกบนแกนคริสตัลของเขาให้ตื่นขึ้นมา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตื่นขึ้นก่อนที่การประมูลจะเริ่ม แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้น การกระทำของสตรีผู้ซึ่งขว้างดาบทำให้เขานึกถึงช่วงเวลานั้น และอดไม่ได้ที่ชื่นชมความกล้าหาญของนาง
แม้ว่าความเป็นไปได้ที่เขาจะตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิดาบนั้นแทบไม่มี แต่สิ่งที่หลูมู่หยานทำยังคงตรึงอยู่ในใจของเขา เขาโจมตีทางจิตเพื่อทดสอบความแข็งแกร่ง ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของนางก็ยิ่งทำให้ตกใจ สตรีผู้นี้นั้นเต็มไปด้วยความลับมากมายจริง ๆ
พันธมิตรหรือ? บางทีก็น่าลอง
หนึ่งวันหลังจากนั้น หลูมู่หยานนั่งหลับตาอยู่ในห้องซ้อมของตระกูลหลู ก่อนที่นางจะลืมตาขึ้นและหันหน้าไปยังนอกหน้าต่างทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
หลูมู่หยานรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทางอย่างต่อเนื่องไปที่ห้องของหลูมู่ไป๋ ดูเหมือนตอนนี้ท่านพี่คนโตของนางกำลังจะพัฒนาแล้ว หลูมู่หยานกะพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้อง และมุ่งหน้าไปยังลานบ้านที่หลูมู่ไป๋อาศัยอยู่
เมื่อเห็นรัศมีแห่งสวรรค์ และโลกในอากาศไหลไปในทิศทางเดียวกัน ใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงามของหลูมู่หยานในตอนนี้ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พรสวรรค์ของพี่ชายนางนั้นช่างทรงพลัง เขาจะสามารถแข่งขันกับเทียนหลิงเกินที่เคยอยู่ในโลกแห่งการฝึกฝนที่เป็นอมตะได้อย่างแน่นอน
ผู้ฝึกฝนในทวีปนี้ไม่ได้มีรากฐานจิตวิญญาณ เมื่อจิตวิญญาณ และร่างกายหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง นางพบว่าความเข้าใจในรากจิตวิญญาณของนางก็ถูกหลอมเข้าไปด้วย ซึ่งหลังจากผสานมันเข้าด้วยกันแล้ว นางจะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์ได้เร็วกว่านักดาบทั่วไปได้หลายเท่า
มากไปกว่านั้นนางยังค้นพบว่าสิ่งที่เป็นข้อดีที่สำคัญที่สุดคือนางสามารถรับรู้คุณสมบัติธาตุทั้งหมดของโลกและสวรรค์ได้
พลังานทางจิตวิญญาณลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือหลังคาก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนเมฆทางวิญญาณทีละก้อน ก่อนจะถูกผู้ที่นั่งอยู่ข้างในดูดซับกลิ่นอายทางจิตวิญญาณของก้อนเมฆจนสุดพลัง
หลังจากนั้นไม่นาน หลูซานเทียน และคนอื่น ๆ ก็ทะยอยมายังบริเวณนี้จากหลายทิศทาง เมื่อพวกเขาเห็นหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ในลานแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นออกมาทางใบหน้า
ณ เวลานี้สมาชิกตระกูลหลูทั้งสามคนได้ดูดซับคุณสมบัติทางยาของซีซุย และสามารถล้างไขกระดูกเพื่อขยายเส้นลมปราณได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านพี่รอง หลังจากที่พวกท่านดูดซับยาซีซุยไปแล้วจะมีผลอย่างไรหรือ?” หลูมู่หยานยิ้ม ก่อนจะมองไปที่คนในตระกูลทั้งสามคนด้วยแววตาอ่อนโยน
“ฮ่า ฮ่า… แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ก็ประสบความสำเร็จในการขยายเส้นลมปราณให้กว้างขึ้นกว่าเดิมภายในสองปี และข้าก็คิดว่ามันน่าจะส่งผลกระทบต่อจักรพรรดิแห่งดาบด้วย” หลูซานเทียนหัวเราะ “หยานเอ๋อร์เป็นดาวนำโชคของตระกูลหลูจริง ๆ”
“เส้นลมปราณของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า รวมไปถึงความเร็วในการดูดซับพลังงานของโลกและสวรรค์ด้วย ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่ขวางกั้นที่ทำให้ข้าไม่สามารถฝ่าฟันไปได้ก่อนหน้านี้คลายลงแล้ว ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถโจมตีจักรพรรดิแห่งดาบได้ในไม่ช้านี้” หลูหม่าอวี้เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับความมั่นใจที่ออกมากจากดวงตาของเขา
“เหมือนกับหยานเอ๋อร์ ข้ามีเส้นลมปราณเพิ่มขึ้นสองเท่า และคิดว่าจะเข้าถึงวิญญาณนักดาบระดับสูงได้ในไม่ช้า” หลูมู่ถิงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
หลูมู่หยานหัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากได้ยินคำตอบของทั้งสาม พรสวรรค์ของตระกูลหลูนั้นค่อนข้างโดดเด่นมาก เพราะหากเปลี่ยนเป็นนักดาบที่มีพรสวรรค์ทั่วไป และใช้ยาซีซุยด้วยนั้นผลมักจะออกมาไม่ค่อยดี
ทันใดนั้น พลังงานทางวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ก็หยุดลงพร้อมกับเมฆวิญญาณที่ค่อย ๆ ถูกดูดซับโดยคนที่อยู่ในบ้าน ทำให้ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะมองไปที่บ้านของหลูมู่ไป๋พร้อมกัน
… หลูมู่ไป๋ในตอนนี้ ถึงจุดปะทะแล้ว
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่ธูปหนึ่งดอกถูกจุด พลังงานจากทุกทิศทุกทางก็รวมตัวกันเหนือบ้านอีกครั้ง พร้อมกับร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นเมฆแห่งจิตวิญญาณทำให้คนในตระกูลที่ยืนอยู่ต่างพากันตื่นเต้นอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เมฆจิตวิญญาณบนท้องฟ้าก็เริ่มสลายหายไป ก่อนที่ลมหายใจอันทรงพลังจะถูกปล่อยออกมาจากบ้าน ตอนนี้ดวงตาของหลูมู่หยานนั้นเต็มไปด้วยความสุข “ท่านพี่ใหญ่ประสบความสำเร็จในการโจมตีราชาแห่งดาบ”
“ท่านพี่ใหญ่นิสัยแย่มาก” หลูมู่ถิงเม้มริมฝีปาก ก่อนจะมองไปอย่างไม่เชื่อสายตา ทว่าดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสุข และความตื่นเต้น
“ฮ่า ฮ่า” ชายชราใรตระกูลหัวเราะออกมา “วันนี้ตระกูลข้ามีราชาดาบเพิ่มมากอีกหนึ่งคน”
สีหน้าของโม่จุนหยาแสดงความโล่งใจ การเลื่อนระดับของหลูมู่ไป๋ได้ทำให้ตระกูลหลูถูกยะระดับไปได้อีกขั้น