ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1157 บุตรสุดที่รักของแผ่นดิน (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1157 บุตรสุดที่รักของแผ่นดิน (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
หอคอยยืดหยัดอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางพายุหิมะ มันตั้งอยู่ใจกลางคฤหาสน์เทพวานร มันเป็นแกนกลางของค่ายกลทั้งหมด เช่นเดียวกับสถานที่บ่มเพาะ ด้านล่างยังมีห้องลับใต้ดินซึ่งทำหน้าที่เป็นคลังเก็บสมบัติ
หลี่ฉิงซานกับกู่เยี่ยนหยินมาถึงระเบียงบนยอดหอคอย ลมและหิมะที่นั่นรุนแรงเป็นพิเศษ คฤหาสน์ที่อยู่ด้านล่างกลายเป็นภาพพร่ามัวไปแล้ว ภูมิทัศน์ที่ห่างออกไปถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกสีขาว
กู่เยี่ยนหยินกอดเสื้อคลุมของนาง “ไม่แปลกใจเลยที่ราชาวานรขาวจะสื่อสารด้วยยากขนาดนั้น ความเย่อหยิ่งและเย็นชาของเขาอาจพัฒนาขึ้นที่นี่”
เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด ภูเขาอื่นๆทั้งหมดก็จะดูเล็กลงทันที
ด้วยการบ่มเพาะของราชาวานรขาวรวมกับทักษะการต่อสู้ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ นิสัยของมันจึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ผู้ฝึกฝนกระบี่มักมีนิสัยสันโดษเล็กน้อย แต่มันก็มีภูเขาที่สูงกว่าเสมอ ลมและหิมะที่นี่รุนแรงเกินไป ลงไปข้างล่างกันเถอะ พยายามอย่าเป็นหวัด”
พวกเขาลงมาจากระเบียง หลี่ฉิงซานทิ้งกู่เยี่ยนหยินไว้ที่ชั้นสองของหอคอยเพื่อพักผ่อน ขณะที่เขาเดินไปยังห้องลับใต้ดินเพียงลำพัง ด้านล่างมืดสนิทและหนาวเหน็บ ไม่เพียงมันจะขาดแสงสว่างแต่ยังขาดสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่ให้ความอบอุ่น ร่างกายของราชาวานรขาวแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานความหนาวเย็น
หลี่ฉิงซานไม่ได้มองสมบัติที่อยู่รอบตัว เขามองหินที่อยู่ใต้เท้าของเขาซึ่งถูกขัดจนมันเงาเหมือนกระจก แม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ในสายตาของเขา มันน่าหลงใหลยิ่งกว่าสมบัติใดๆ เขามองมันอย่างจริงจัง เขากระทั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งและสัมผัสมันเบาๆ เขารู้สึกถึงความแข็งของหิน ขณะที่สายตาของเขาราวกับมองไปยังสถานที่ห่างไกลมาก มันทะลวงผ่านภูเขาและเจาะลึกลงไปใต้ดินโดยตรง
เขาแตกต่างจากกู่เยี่ยนหยินที่ชอบท้องฟ้า เขาชอบพื้นดินที่มั่นคงและหนักแน่นซึ่งแบกรับทุกสิ่งเอาไว้ตลอดเวลามากกว่า
‘โลกนี้ผนึกพลังทั้งหมดของข้าได้จริงๆงั้นหรือ?’
หลี่ฉิงซานไม่เชื่อและปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามีเพียงยันต์ศักดิ์สิทธิ์นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ใช้งานได้ เขาสูดหายใจลึกและสัมผัสพื้นโลกใต้เท้าของเขาอย่างเงียบๆ
สภาพอากาศทำให้หินบนภูเขาเย็นเยียบเหมือนโลหะ ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาไม่ได้ใช้ยันต์ศักดิ์สิทธิ์นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น เขากระทั่งโยนเสื้อคลุมของเขาทิ้งไป
อุณหภูมิร่างกายของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ความตายค่อยๆคืบคลานเข้ามา เจตจำนงสวรรค์ยังควบคุมทุกสิ่งเหมือนบิดาที่เข้มงวดและเย็นชา ขณะที่เขายังอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับลูกชายกบฏที่ไม่มีวันยอมจำนน
ทันใดนั้นความอบอุ่นก็ค่อยๆแทรกซึมผ่านพื้นอันเย็นเยียบ หินแข็งราวกับอ่อนตัวลง
พลังงานบางอย่างไหลจากพื้นดินเข้าสู่ร่างกายของเขา มันเบาบางมากแต่ก็ไม่มีที่สิ้นสุด มันคล้ายคลึงกับความสามารถโดยกำเนิดความแข็งแกร่งของปฐพี แต่ในความเป็นจริงมันมีมากกว่านั้น
ปีศาจวัวไม่เคยหวั่นไหวแม้จะจมอยู่ในโคลน!
แตกต่างจากเทพและปีศาจอื่นๆ ปีศาจวัวเป็นรากฐานที่แท้จริงของเขา มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขามาตลอด ตอนนี้เขาสูญเสียและละทิ้งทุกสิ่งเพื่อผลักดันธรรมชาติที่แท้จริงของตน
พลังที่คุ้นเคยและใกล้ชิดที่สุดสำหรับเขาหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา มันขจัดความหนาวเย็นออกไปราวกับมันปฏิเสธที่จะเห็นเขาตาย เขาเป็นบุตรกบฏของสวรรค์แต่เป็นบุตรสุดที่รักของแผ่นดิน
หลี่ฉิงซานเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เขาก้มลงจูบพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งและชก!
“ปัง!” เสียงระเบิดอากาศดังสะท้อนไปทั่วห้องลับ
เขาขยับเท้าไปข้างหลัง บิดเอว และเหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างออกไป
ราวกับเขาย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มเมื่อหลายสิบปีก่อนซึ่งมุ่งมั่นกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้บนภูเขากระทิงหมอบ อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นอีกต่อไป ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทั้งช้าและหนักหน่วง มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่เขาพัฒนามาตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตามไม่นานนักเสียงบ่นก็ดังขึ้นในความมืด หลี่ฉิงซานใช้เวลาประหลาดใจพอสมควรก่อนจะค้นพบว่ามันเป็นเสียงท้องของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะถูหน้าท้องและยิ้ม เขาต้องกินเนื้อและดื่มสุรา!
กู่เยี่ยนหยินนอนหลับลึก นางฝันถึงการท่องเที่ยวไปในห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขต แต่คราวนี้นางไม่ได้เกาะปีกคู่นั้นอีกต่อไปแต่นางอยู่ในร่างของคุณเผิง
เมื่อนางตื่นขึ้น นางยังมึนงงเล็กน้อย นางนอนอยู่บนเตียงและชูขนนกสีฟ้าขึ้นสูง นางเล่นกับมันราวกับมันกำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ
“เจ้ากำลังทำสิ่งใด?” หลี่ฉิงซานยิ้ม โดยพื้นฐานแล้วนางเหมือนเด็กที่ไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงและตื่นจากฝันกลางวัน
กู่เยี่ยนหยินหน้าแดง นางเก็บขนของคุนเผิงกลับไปและลุกขึ้นนั่ง “วันนี้เจ้าทำสิ่งใด?”
“เจ้าไม่สามารถบอกได้งั้นหรือ? เจ้าจะรู้ในภายหลัง” หลี่ฉิงซานกล่าว ความเชื่อมต่อระหว่างเขากับโลกยังอ่อนแอมาก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถสัมผัสถึงตอนที่เขาอยู่ในอาคาร “ไปหาของกินกันเถอะ!”
กู่เยี่ยนหยินค้นพบว่านางรู้สึกหิวเช่นกัน นางชำเลืองมองนาฬิกาทราย “ถึงเวลาเปิดเผยหน้าที่สองแล้ว มิฉะนั้นพวกเขาจะหมดความอดทน”
เมื่อพวกเขาออกจากอาคาร กู่เยี่ยนหยินก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉิงซานทันที ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและหนักหน่วง มันเป็นพลังที่คุ้นเคย “พลังของเจ้าฟื้นคืนแล้วงั้นหรือ?”
“เล็กน้อย แต่อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป” หลี่ฉิงซานกำหมัด “ดูเหมือนเจ้าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน”
“จริงหรือ? ข้าไม่ได้ใช้ความพยายามมากเท่าเจ้า ข้าเพียงนอน”
“เช่นนั้นก็จงนอนต่อไป!”
ทั้งสองมาถึงห้องโถงด้านหน้าหลังจากเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ ผู้ฝึกตนทั้งหมดรออยู่ที่นั่นแล้ว เสียงพึมพำหายไปทันทีเมื่อพวกเขาเห็นคนทั้งสอง โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้ใดกะพริบตาตลอดทั้งคืน พวกเขาเฝ้ารอหน้าต่อไปของเคล็ดวิชากระบี่วานรขาวมาตลอด พวกเขาค้นพบว่ามันเป็นเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง นอกเหนือจากห่าวหงเทาและจอมยุทธ์พลังปราณอีกไม่กี่คน คนส่วนใหญ่ยังไม่แม้แต่จะเข้าใจหน้าแรกของเคล็ดวิชานี้
ห่าวหงเทาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉิงซาน ความมั่นคงและหนักหน่วงของเขาทำให้ห่าวหงเทารู้สึกไม่สามารถขยับเขยื้อน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดที่จะจัดการคนทั้งสองไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดมีเวลาหรือความตั้งใจที่จะคิดถึงเรื่องนั้น พวกเขาต่างหมกมุ่นอยู่กับเคล็ดวิชาที่อยู่ตรงหน้า
หลี่ฉิงซานนั่งลงบนบัลลังก์ที่สร้างจากกระบี่ ทันใดนั้นหญิงผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากฝูงชนและตะโกนว่า “คารวะท่านผู้นำ!”
คนอื่นๆถูกบังคับให้เลียนแบบนาง “คารวะท่านผู้นำ!”
หลังจากมึนงง หลี่ฉิงซานก็จำผู้หญิงคนนั้นได้ นางคือหญิงเปลือยกายที่คุกเข่าอยู่ท่ามกลางหิมะก่อนหน้านี้ นางเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหวแล้ว และตอนนี้นางก็แบกกระบี่ไว้บนแผ่นหลังซึ่งทำให้นางดูเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเชื่อมโยงนางกับหญิงเปลือยกายคนนั้น
เมื่อเห็นว่านางยังหน้าซีดขาว เขาก็เปิดปากถามว่า “เจ้าดีขึ้นหรือยัง?”
“ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ท่านผู้นำ ข้าดีขึ้นมากแล้ว แต่พี่น้องทั้งสามของข้ามีพลังภายในไม่มากเท่าข้า ดังนั้นพวกนางจึงได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็น แม้แต่ตอนนี้พวกนางก็ยังมีอาการไออยู่ ข้า เฟยหง ขอขอบคุณท่านผู้นำทั้งสองที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้!”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ห่าวหงเทา ไม่ใช่ว่าเจ้ามีฉายาว่าปรมาจารย์เพลิงคำรามงั้นหรือ? ช่วยรักษาพวกนางด้วย!” หลี่ฉิงซานออกคำสั่งอย่างสบายๆ
“ข้าไม่ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเพื่อสิ่งนั้น” ห่าวหงเทากล่าว แม้แต่ราชาวานรขาวก็ไม่กล้าออกคำสั่งเขาเหมือนคนรับใช้
“เช่นนั้นก็มาทำกัน!”