ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ความลับของน้ำยาวิวัฒนาการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 พลังอันไม่น่าเชื่อของกระทะเหล็ก

ตอนที่ 14 พลังของซ่งเจิง


ตอนที่ 14 พลังของซ่งเจิง

ของเหลวนั้นถูกนักวิทยาศาสตร์เรียกว่าน้ำยาวิวัฒนาการ!

มันมีคุณลักษณะตามชื่อ และเพียงใช้น้ำยาวิวัฒนาการนี้ก็สามารถทำให้คนธรรมดาวิวัฒนาการตัวเอง ได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้นจนกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา!

แต่น้ำยาวิวัฒนาการนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถหาได้ง่ายๆ แม้ว่าซอมบี้ระดับต่ำสุดอาจจะมีน้ำยานี้ แต่ว่ามีน้ำยานี้ค่อนข้างน้อย หากฆ่าซอมบี้ไปสิบตัวก็อาจมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ในกะโหลกศีรษะจะมีน้ำยาวิวัฒนาการ

ว่ากันว่าหากต้องการให้คนหนึ่งคนได้รับวิวัฒนาการเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่นั้น อย่างน้อยต้องฆ่าซอมบี้สิบถึงยี่สิบตัวกว่าจะได้น้ำยาวิวัฒนาการมา!

หรืออาจกล่าวได้ว่า คนธรรมดานั้นหากต้องการได้น้ำยาวิวัฒนาการเพื่อเปลี่ยนเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ อย่างน้อยต้องฆ่าซอมบี้ถึงหนึ่งร้อยกว่าตัว!

ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่รอดชีวิตนั้นจะเป็นคนหนุ่มมากฝีมือ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถฆ่าซอมบี้ตามจำนวนที่ต้องการ พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อของซอมบี้แทน

นับตั้งแต่มีการรวมตัวกันที่โรงแรมพู่คัง ในระยะสามปีมานี้ยังไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เลยแม้แต่คนเดียว!

ในกะโหลกของซอมบี้ระดับสูงมีน้ำยาวิวัฒนาการด้วยเช่นกัน แต่ว่าซอมบี้เหล่านี้จัดการได้ค่อนข้างยาก ตัวอย่างเช่น ซอมบี้ระดับหนึ่งอาจต้องใช้คนจากทีมสำรวจมากกว่าสิบคนถึงจะสามารถจัดการกับมันได้!

เป็นเหตุให้นับตั้งแต่นั้นมา เมื่อเหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างนอกพบร่องรอยหรือเจอซอมบี้ระดับหนึ่งก็ทำได้แค่ติดตามไป ไม่มีใครกล้าที่จะต่อสู้กับมัน โดยพวกเขาทำได้เพียงแค่รายงานไปยังกองทัพที่อยู่เบื้องบนเท่านั้น ซึ่งความหวังในการค้นพบครั้งนี้ จะทำให้เดือนหน้าพวกเขาสามารถได้รับของจำเป็นต่างๆมาใช้กันได้

“น้ำยาวิวัฒนาการ…” ซ่งเจิงจับที่ด้ามจับของกระทะตัวเองและบ่นพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา

เวลาผ่านมาได้สักพัก เขาเข้าใจแล้วว่าจุดจบของโลกนี้เป็นยุคที่อาหารการกินค่อนข้างไม่มีประโยชน์ และหากมีพลังไม่มากพอ เรื่องที่จะมีชีวิตอยู่ได้ก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน

‘ตัดสินใจแล้ว เราจะฆ่าซอมบี้เหล่านั้น แล้วเอาน้ำยาวิวัฒนาการมา เพื่อที่จะได้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่!’ ซ่งเจิงตัดสินใจอยู่เงียบๆคนเดียว พลางมองไปยังกระทะเหล็กที่อยู่ข้างตัว ทันใดนั้นในหัวก็เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา

ไม่รู้ว่ากระทะเหล็กนี้จะสามารถดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการออกมาเป็นอาหารได้หรือเปล่า?

แล้วมันจะต้องเก็บรักษายังไง? ผลลัพธ์จะยังใช้ได้อยู่ไหมนะ?

ถ้าหากว่าทำได้ล่ะก็ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับการฆ่าซอมบี้ หลังจากนั้นเขาก็แค่เพียงรอเวลาที่จะนำกระทะมาทำขนมเปี๊ยะทอดเท่านั้นก็พอ เมื่อกินมันลงท้องไปแล้ว เขาจะสามารถกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้รึเปล่านะ ?

วิธีนี้นับว่าคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู...

รถบรรทุกทั้งสองคันขับออกมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่า จนตอนนี้มาถึงเส้นทางที่ค่อนข้างเล็ก ใกล้กับบริเวณนั้นมีตึกสูงระฟ้าอยู่จำนวนหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่นานจนกลายเป็นตึกร้าง

หากมองไปรอบๆ อย่าว่าแต่จะเจอคน แม้แต่เสียงของสิ่งมีชีวิตก็ยังไม่มี โดยมีเพียงเสียงลมพัดผ่านไปมากับเสียงกรวดเม็ดทรายที่กลิ้งไปมาเท่านั้น

"ลงรถได้!"

รถบรรทุกคันแรกได้ถูกเปิดประตูแล้ว โดยมีเฉินเฟิงกระโดดลงมาจากรถเป็นคนแรกเพื่อมาทักทายคนที่อยู่ในรถคันหลัง

สถานที่ข้างหน้านี้เป็นเขตที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก ดังนั้นหากขับรถคันใหญ่เข้าไปคงจะเกิดปัญหาในการเลี้ยวไปยังเส้นทางอื่น ซึ่งมันทำได้ค่อนข้างยาก

ดังนั้นพวกเขาจึงทำเพียงจอดรถไว้ตรงนี้ ก่อนที่จะเเจ้งให้บรรดาทีมสำรวจเดินไปตามทางเพื่อจัดการซอมบี้ จากนั้นสมาชิกสองคนในทีมจะเป็นคนเฝ้ารถ ส่วนคนอื่นๆแบ่งออกไปเป็นสามถึงห้ากลุ่มเพื่อกระจายตัวกันออกไปทั่วเขตที่อยู่อาศัย

ทุกกลุ่มมีสมาชิกสี่ถึงห้าคน โดยแต่ละกลุ่มมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่แตกต่างกัน การทำแบบนี้ไม่ว่าซอมบี้จะโผล่ออกมาจากทางทิศทางใดก็จะโดนทีมสำรวจจัดการอย่างแน่นอน

ซ่งเจิงอยู่ในกลุ่มสี่คนซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้าย และในมือของชายหนุ่มกำด้ามกระทะเหล็กไว้แน่นพร้อมกับกวาดสายตามองไปทุกทิศทางด้วยความตื่นเต้น

หากมองในมุมมองของผู้อื่น เจ้าพวกนั้นก็เป็นเพียงแค่ศพ แต่ในสายตาของซ่งเจิง พวกมันเป็นเหมือนกับขนมเปี๊ยะทอดที่มีรสชาติแสนอร่อย ขอเพียงมีซอมบี้เดินออกมาเท่านั้น เขาจะต้องเป็นคนแรกที่จัดการมันให้ได้

ไม่อย่างนั้นมันก็จะถูกคนอื่นจัดการก่อน แล้วเขาก็จะไม่ได้กินสิ่งที่ต้องการ!

ซ่งเจิงคิดแบบนั้นขณะที่ไม่ทราบว่าหนทางข้างหน้าจะได้พบกับอะไรบ้าง โดยในใจของซ่งเจิงเอาแต่คิดถึงขนมเปี๊ยะทอดหอมกรุ่น จากนั้นเขาจึงได้ยินเสียงของซอมบี้จากระยะสิบกว่าเมตร

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้นตามมา ทว่าเสียงนั้นค่อนข้างเบาจนไม่มีใครสังเกต แต่ซ่งเจิงที่ผ่านการทำขนมเปี๊ยะทอดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเคยได้ยินเสียงเบาๆ ซึ่งเกิดจากแป้งที่กำลังสุก โดยที่ชายหนุ่มไม่ทราบว่าหูของเขาดีเกินไปรึเปล่า จึงทำให้เขาได้ยินเสียงที่ว่านั่น

เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก และด้านหลังหน้าต่างบานนั้นมีเงารูปร่างคล้ายคนกำลังเดินไปมา… มันคือซอมบี้!

แต่เงาที่หน้าต่างบานนั้นมีเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งพบเข้า เขาจึงรีบส่งสัญญาณให้ทุกคนทันที ดังนั้นคนในกลุ่มจึงรีบหยิบอาวุธประจำตัวขึ้นมา และตั้งหน้าตั้งตารอ…

เหล่าผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างนอกนั้น ไม่ใช่ว่าจะสามารถนำอาวุธปืนประเภทต่างๆมาใช้ได้ เนื่องจากการที่อยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ การใช้ปืนเพื่อให้เกิดเสียงดังนั้น เป็นการกระทำที่โง่เง่ามากที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงใช้อาวุธจำพวกเหล็กแท่งหรือมีดดาบปลายแหลมที่ทำจากช่างตีเหล็กในเมือง

ด้วยเหตุนี้ คนที่อยู่ภายนอกเมืองจึงเสียเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อยกับอาวุธดีๆเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ซอมบี้ที่อยู่แถบนี้เป็นระดับต่ำ มันจึงไม่มีความคิด แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้กลิ่นของเนื้อมนุษย์

เพราะท่าทางของพวกมันแสดงออกโดยตรงไร้ความหมายแอบแฝงใด ทันทีเมื่อออกจากที่อยู่อาศัย พวกมันจะพุ่งตรงเข้าหากลุ่มคนอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้กลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลพากันยกแท่งเหล็กในมือขึ้นมาต้านรับอย่างตื่นตระหนก

พวกเขารอให้ซอมบี้เข้ามาใกล้ แล้วค่อยแทงมันให้ตายทันที!

ถึงแม้ซอมบี้พวกนั้นจะไม่มีสมอง แต่พลังของพวกมันค่อนข้างมหาศาล แต่ขอเพียงพวกมันได้รับบาดเจ็บที่หัว พวกเขาก็จะสามารถรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้

ปกติแล้วคนในทีมมักจะไม่ค่อยมีใครกล้าต่อสู้กับซอมบี้ตัวต่อตัว พวกเขาจะรอลงมือพร้อมกันทีเดียว แต่ในความโกลาหลที่เกิดขึ้นตรงหน้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฆ่าซอมบี้ให้ตายได้

แต่ครั้งนี้ยังไม่ทันที่พวกเขาจะรอให้ซอมบี้เข้ามาใกล้ ก็มีคนหนึ่งกระโจนออกจากกลุ่มแล้วพุ่งเข้าโจมตีซอมบี้ทันที!

เสียงการปะทะดังปรากฏทั่วบริเวณ!

สิ่งที่ได้เห็นคือชายคนหนึ่งถือกระทะเหล็กหนึ่งใบ ทุบฟาดบนหัวของซอมบี้อย่างรุนแรง ราวกับเขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทุบลงที่หัวมันโดยตรง

ตึง! ตึง! ตึง!

ผลลัพธ์ก็คือถึงแม้หัวกะโหลกของมันจะมีความยืดหยุ่น แต่ก็ทำให้ซอมบี้ตัวนั้นเดินโซซัดโซเซไปมาอยู่สองสามก้าวก่อนจะล้มลงกับพื้นไป!

สวรรค์! มันตายแล้ว!

บุคคลที่ลงมือไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซ่งเจิง!

แต่ละคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่รองหัวหน้าทีมต่างก็จ้องมองซ่งจงด้วยอาการตกตะลึง

ยกเว้นเฉินเฟิง พี่ใหญ่กุ้ย และคนอื่นซึ่งอยู่ในทีมสำรวจที่ออกมาข้างนอกนี้เป็นเวลานาน ฝีมือของพวกเขาคือการคร่าชีวิตของซอมบี้ไปนับสิบตัวแล้ว ดังนั้นซอมบี้ระดับต่ำที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร

แต่สำหรับคนอื่นๆเช่นตู่หมิงที่เข้าร่วมทีมสำรวจได้ไม่กี่เดือน เมื่อเห็นซอมบี้ปรากฏอยู่ข้างหน้า หากเกิดอาการแตกตื่นก็คงไม่แปลก มิหนำซ้ำยังพยายามจะถอยหนีอีกด้วย ส่วนคนที่ออกมาเป็นครั้งแรกนั้นไม่ต้องพูดถึง

มันแตกต่างกับซ่งเจิงที่เพิ่งออกมาข้างนอกครั้งแรก เขาถึงขั้นสามารถจัดการกับซอมบี้ได้หนึ่งตัว ไม่แปลกหากทุกคนจะตกตะลึง!

"เจ้าเด็กคนนี้... เขาไม่กลัวเลยรึไงกัน?"

แต่ซ่งเจิ่งในตอนนี้นั้น ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าคนอื่นจะคิดกับเขาอย่างไร ขณะที่ในหัวของชายหนุ่มได้ยินเพียงเสียงของตัวเอง ที่เอาแต่นึกถึงเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่หยุดหย่อน

“ติ๊ง!”

[ได้รับน้ำยาวิวัฒนาการหนึ่งชิ้น แต่คุณภาพต่ำมาก]

[อาหารเย็นวันนี้มาแล้ว!]

เฉินเฟิงผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยกนิ้วและพยักหน้าให้อย่างชื่นชม

"ไม่เลวซ่งเจิง! นายทำได้ดีมาก แต่ว่าครั้งหน้าควรระวังกว่านี้หน่อย ทางที่ดีที่สุดคือการลงมือพร้อมกันทุกคน ไม่อย่างนั้นอาจไม่สามารถฆ่ามัน แถมยังจะโดนพวกมันจับไปแทนอีก หากเป็นแบบนั้นมันจะยุ่งยากเอา"

ซ่งเจิงหยิบกระทะเหล็กขึ้นมาขณะที่ซ่อนความดีใจของตัวเองเอาไว้ภายใน เขาตอบรับ

"รับทราบครับ"

ตอนนั้นเองมีสมาชิกในทีมคนหนึ่งเดินออกไปตรวจสอบร่างซอมบี้ เขาพลิกร่างมันไปมาหลายครั้ง ก่อนจะพูดอย่างท้อแท้ว่า

"ไม่มีน้ำยาวิวัฒนาการเลย"

ไม่ใช่ว่าซอมบี้ระดับต่ำสุดจะมีน้ำยาวิวัฒนาการทุกตัว เฉลี่ยแล้วสิบตัวถึงจะเจอสักหนึ่งตัวที่มีน้ำยาวิวัฒนาการ ดังนั้นเมื่อผลเป็นแบบนี้แล้ว เหล่าทีมสำรวจจึงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่

แต่ซ่งเจิงนั้นเกิดความสงสัย เขาฆ่าซอมบี้ไปทั้งหมดสองตัว ผลที่ได้คือกระทะของเขาดูดชับน้ำยาวิวัฒนาการไปแล้วทั้งสองครั้ง และหากนับตามสถิติสิบต่อหนึ่งนั้น มันคือโอกาสเจอน้ำยาวิวัฒนาการที่ถือว่ามีน้อยมากใช่หรือเปล่า?

หรือว่ากระทะเหล็กของเขา สามารถดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการนี้ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด