ตอนที่แล้วบทที่ 55 ในขั้นหลอมกายา ข้าไร้เทียมทาน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 เจ้ามันรนหาที่ตาย!

บทที่ 56 การล้างแค้นของฉีถิง 


แต่ขณะที่ชายหนุ่มชุดน้ำเงินกำลังจะลงมือ

“อย่าหุนหันพลันแล่น!”

ฉีถิงหยุดชายหนุ่มในชุดน้ำเงิน จากนั้นนางช้อนสายตามองหลัวเฉิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าอยู่คนเดียวงั้นหรือ แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน”

ฉีถิงกังวล เกรงว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่

ย่อมไม่แปลกที่ฉีถิงจะคิดเช่นนี้ จากการประเมินสถานการณ์ของนาง หลัวเฉิงและคนอื่นๆ ควรจะอยู่ห่างออกไปทางฝั่งซ้ายมือ แต่จู่ๆ ไฉนเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่ มันช่างน่าแปลกใจนัก

หลัวเฉิงล่วงรู้สิ่งที่ฉีถิงกำลังคิดอยู่ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้ามาเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ข้ามาที่นี่ แน่นอนว่าเหมือนกับเจ้า”

“หากคาดเดามิผิด เจ้าคงจะรับหน้าที่ในการสกัดตระกูลหลัว จากนั้นให้ตระกูลหลินรับผิดชอบเรื่องการล่าสัตว์อสูรใช่หรือไม่”

ฉีถิงสะดุ้งด้วยความรู้สึกตกใจในทันที

เนื่องจากว่า สิ่งที่หลัวเฉิงกล่าวมาเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ซึ่งแผนนี้ถูกวางไว้โดยผู้นำตระกูลทั้งสอง

โดยแผนมีอยู่ว่า ทางฝั่งตระกูลฉีต้องรับผิดชอบในการสกัดกั้นตระกูลหลัว เพื่อให้ตระกูลหลินออกไปล่าสัตว์อสูรแล้วคว้าอันดับหนึ่ง จากนั้นค่อยมาแบ่งผลประโยชน์กันในภายหลัง!

ชายหนุ่มชุดน้ำเงินหัวเราะพลางเย้ยหยัน “เจ้าบอกว่าเหตุผลที่เจ้ามาที่นี่ก็เหมือนกับพวกเรางั้นรึ นี่เจ้าคิดจะสกัดกั้นเราด้วยตัวคนเดียวจริงหรือ เป็นคนไร้ค่ายังไม่พอนี่ยังไร้ซึ่งสมองอีกต่างหาก”

“ไม่ใช่แค่พวกเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตระกูลหลินอีกด้วย รีบลงมือเถอะ ข้าไม่มีเวลามาโต้เถียงไร้สาระกับเจ้า”

ขณะกล่าว หลัวเฉิงก็สืบเท้าไปข้างหน้าเข้าหากลุ่มของตระกูลฉีอย่างช้าๆ ทีละก้าว

“สวรรค์มีทางเจ้าไม่เดินนรกไร้ทางเจ้ากลับมา! รับหมัดของข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพล่ามอวดดีเถอะ!”

ชายหนุ่มชุดน้ำเงินโกรธจนถึงขีดสุด แววตาของเขาดุร้ายประหนึ่งสัตว์ป่า เขาปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ระดับสี่ดาวออกมา แล้วพุ่งหมัดเข้าหาหลัวเฉิงทันใด

สีหน้าของหลัวเฉิงยังคงมิเปลี่ยน และเขาก็สวนหมัดออกไปโดยตรง

แครก!

ทันทีที่หมัดทั้งสองสัมผัสกัน เสียงกระดูกแตกก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเสียงนั้นดังมาจากหมัดของบุรุษหนุ่มชุดน้ำเงิน

อ้า!

ชายหนุ่มชุดน้ำเงินแผดเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะจ้องมองหลัวเฉิง

เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้ที่อยู่ในขั้นหลอมกายาระดับแปด จึงสามารถรับหมัดอันรุนแรงของเขาได้

ทว่า หลัวเฉิงก็ไม่ให้โอกาสเอ่ยถาม เขารีบพุ่งเข้าหาชายชุดน้ำเงิน หมัดก็ชกเท้าก็เตะ ทำเช่นนี้ซ้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนจะหักมือและเท้าของชายคนนั้นทีละข้างอย่างเลือดเย็น

ชายชุดน้ำเงินส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ช้าร่างของเขาก็ถูกเตะกระเด็นออกไปประหนึ่งใบไม้ที่ร่วงหล่น

“ลงมือ!”

ใบหน้าของฉีถิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ระดับห้าดาว หมาป่าศิลาเพลิงของนางทันที แล้วรีบปรี่เข้าหาหลัวเฉิงพร้อมกับศิษย์ตระกูลฉีอีกคนพร้อมกัน

ทั้งสองพุ่งเข้ามาด้วยแววตาอันดุร้าย หมายสยบหลัวเฉิงให้จบได้ในหมัดเดียว

แววตาของหลัวเฉิงยังคงไม่สะทกสะท้านต่อการคุกคามเบื้องหน้า เขาเหยียดฝ่ามือออกคว้าหมัดของฉีถิงและเตะศิษย์อีกคนของตระกูลฉีจนปลิวออกไปเกือบยี่สิบฉื่อ

ทันทีที่ร่างของชายคนนั้นกระแทกพื้น เขาก็ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

“เจ้าขยะ! ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะ!”

ฉีถิงกรีดร้องด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นว่ามือของนางไม่อาจหลุดได้ นางจึงยกมืออีกข้างหมายฟาดเข้าที่คอของหลัวเฉิง

หลัวเฉิงมองนางด้วยแววตาเย็นชาแล้วบิดมือขวาของนางอย่างแรง

“อ๊า!” ฉีถิงอุทานด้วยความเจ็บปวดที่มือขวา

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น แต่กระนั้นแล้วปากของนางกลับยังสบถด่าไม่ยอมหยุด

“เจ้าขยะ เจ้ามันคนชั่วช้าน่ารังเกียจ ไอ้คนไร้ยางอาย ที่แท้เจ้าก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าไปนานแล้ว เจ้าหลอกลวงพวกเราทุกคนมาโดยตลอด คอยดูเถอะ พ่อของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ ข้าจะตัดมือตัดเท้าของเจ้าซะ”

“โอ้ งั้นหรือ”

คำต่อว่าของนาง ทำให้ดวงตาของหลัวเฉิงมืดลงเล็กน้อย และเขาก็ยกมือขึ้นตบหน้านางทันที

ชั่วขณะหนึ่ง มุมปากของฉีถิงก็เริ่มมีเลือดออก พร้อมกับแก้มขวาบนใบหน้านางมีรอยฝ่ามือประทับห้านิ้วอย่างชัดเจน

การตบของหลัวเฉิงในครั้งนี้ ทำให้สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นตกตะลึงในทันที

นางเป็นคุณหนูของตระกูล และนางถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมดั่งไข่ในหินมาตั้งแต่ยังเยาว์ นางไม่เคยถูกผู้ใดกระทำเช่นนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้น้ำตาของหญิงสาวร่วงพราวลงพลัน

หลัวเฉิงไม่สนใจน้ำตาของนางแม้แต่น้อย เขายกมือขึ้นและตั้งใจจะตบเข้าที่แก้มซ้ายของฉีถิงอีกครั้ง

“อ๊ะ! พอแล้ว ข้ายอมแล้ว หลัวเฉิงเราหยุดทะเลาะกันเถอะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว”

เมื่อเห็นมือขวาของหลัวเฉิงยกขึ้นอีกครั้ง ฉีถิงก็ร้องไห้ออกมาทันที สองแก้มของนางอาบไปด้วยหยาดน้ำตา ทั่วทั้งสรรพางค์กายของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเป็นที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด